สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - บทที่ 1609 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1449
บรรยากาศในตอนนี้เย็นลงถึงขึ้นหนาวยะเยือก เย่เนี่ยนโม่หน้าบึ้ง น้ำเสียงดุร้ายน่ากลัว “ศูนย์การค้าสากลไม่นำเข้าสินค้าจากยุโรป จะเกิดผลกระทบอย่างร้ายแรง แต่ถ้าแบรนด์ของยุโรปไม่เข้ามาที่ศูนย์การค้าสากล คนที่เสียหายก็คือตัวแบรน์ทั้งหมด”
“คุณ!” Alinจ้องมองเขาอย่างโมโห “เนี่ยนโม่ อาจารย์Alin เอเลน” เสียงอ้าวเสว่ดังมา เธอมีสาวใช้ประคองอยู่ “ฉันได้เกลี้ยกล่อมคุณย่าแล้ว ตอนนี้ยียีกลับไปพักที่ห้องแล้วค่ะ”
“หึ!”Alinเหลือบมองเย่เนี่ยนโม่ หมุนตัวเดินไปหาติงยียี เอเลนลังเลอยู่ชั่วครู่ นึกถึงสถานะตัวเองขึ้นมาได้ จึงไม่ได้ตามไปด้วยท่าทีลังเล เย่เนี่ยนโม่มองอ้าวเสว่ พูดว่า
“ลำบากคุณแล้ว”
“ในอดีตฉันเคยทำเรื่องที่ผิดมามาก แต่ฉันรู้ว่าฉันต้องจากไปแล้ว ต่อไปเธอคือแม่ของลูก ดังนั้นฉันอยากจะช่วยสะสมคุณงามความดีให้ลูก ”
อ้าวเสว่มีสีหน้าเศร้าโศก ริมฝีปากเย่เนี่ยนโม่เม้มเป็นเส้นตรง “ตามผมมา”
ภายในห้อง เขาเอาหนังสือสัญญาฉบับหนึ่งวางตรงหน้าเธอ “เซ็นสัญญาฉบับนี้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าจะสละสิทธิ์ในการเลี้ยงดูลูก ในนั้นน่าจะมีเงินมากพอให้คุณใช้ไปตลอดชีวิต”
อ้าวเสว่หยิบหนังสือสัญญาด้วยมือที่สั่นเทา เนื้อหาในสัญญาล้วนมีผลดีต่อเธอ แม้จะมีหลายอย่างที่ไร้เงื่อนไข เพียงแค่เซ็นสัญญาฉบับนี้ เธอก็แทบจะกลายเป็นมหาเศรษฐี
“ต่อให้ฉันทำตามนี้ คุณก็ยังไม่เชื่อว่าฉันจะไม่ทำร้ายเธอเหรอคะ” เธอประคองสัญญาฉบับนั้นเบาๆ
เย่เนี่ยนโม่ลุกขึ้น เขาเดินเข้าใกล้เธอ เอาปากกาใส่เข้าไปในมือเธอ“เซ็นเถอะ”
“ใครกล้าให้เธอเซ็น!” ที่ประตู เย่เฟิ่งหยีโกรธจนตัวสั่น “อ้าวเสว่มาข้อร้องฉันแทนผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่จิตใจดีแบบนี้หลานกลับให้เขาเซ็นสัญญาว่าเมื่อคลอดแล้วก็จะจากไป! เอาเด็กให้ติงยียีฉันไม่ไว้ใจ!”
“คุณย่า” อ้าวเสวนาร้องพลางมองเธอ แววตาเต็มไปด้วยความน่าเวทนา
เย่เฟิ่งหยีเดินเข้าไปในห้องอย่างสงสาร เธอตบที่หลังมืออ้าวเสว่เบาๆ หยิบหนังสือสัญญาจากในมือเธอแล้วเอาไปใส่ในเครื่องทำลายเอกสารด้านข้าง “ที่ตระกูลเย่ ขอแค่ฉันยังไม่ไม่ตาย อ้าวเสว่ก็จะไปไหนไม่ได้!”
ในสวนหย่อม อ้าวเสว่ยังหวาดผวาอยู่ เมื่อครู่เธอเกือบจะถูกเย่เนี่ยนโม่บีบบังคับให้เซ็นสัญญาฉบับนั้นแล้ว โชคดีที่คุณย่าปรากฏตัวออกมาได้ทันเวลา หัวใจเธอยังเต้นโครมคราม สองมือลูบท้องกลมดิก ทันใดนั้นก็เอามือออกด้วยท่าทีรังเกียจอีก เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเด็กในท้องไม่ใช่ลูกของเย่เนี่ยนโม่ เธอก็จะสับสนหวาดกลัวอย่างยิ่ง
“รบกวนด้วย” ทันใดนั้นเสียงเอเลนก็ดังขึ้นด้านหลัง เธอรีบหันกลับไป ก็เห็นว่าห่างออกไปไม่กี่ก้าวเอเลนกำลังมองตนเองอยู่
“สวัสดีค่ะ” อ้าวเสว่ฝืนยิ้มให้เขา กลบเกลื่อนความโหดเหี้ยมบนใบหน้า
เอเลนเดินมาตรงหน้าเธอ “ขอบคุณที่คุณช่วยยียี เมื่อผมจากไป ก็จะพยายามช่วยเกลี้ยกล่อมAlin.”
“อย่างไรเสียเธอก็เป็นน้องสาวของฉัน ฉันไม่ช่วยเธอแล้วจะช่วยใคร แต่ความเป็นศัตรูของเธอที่มีต่อฉันมันรุนแรงมากเหลือเกิน” อ้าวเสว่ถอนหายใจ สีหน้าโดดเดี่ยวอ้างว้าง
“ติงยียีที่ผมรู้จักไม่ใช่ผู้หญิงที่จิตใจคับแคบอย่างนั้นแน่นอน ข้อนี้ผมมั่นใจ” เอเลนพูดอย่างมั่นอกมั่นใจ ดูเหมือนเขาจะรู้สึกว่าตนเองพูดแรงไป เขาจึงเสริมขึ้นมาอีกว่า “แน่นอนว่าผมก็เชื่อมั่นว่าคุณเองก็เป็นผู้หญิงที่จิตใจดีเช่นกัน”
อ้าวเสว่ไม่ได้พูดอะไร ในใจกลับกำลังหัวเราะเยาะ ถ้าเธอเป็นผู้หญิงที่จิตใจดีป่านนี้ไม่รู้ว่าจะไปซัดเซเพนจรอยู่ที่ไหนแล้ว ละครสนุกๆเพิ่งจะเริ่มเปิดฉากเอง
ทั้งสองคนยังพูดคุยกันอีกสองสามประโยค อ้าวเสว่หาข้ออ้างจากไป เอเลนหมุนตัวเดินไปทางด้านนอก เขาจะไปผู้หญิงที่ชื่อชิวไป๋ ถามเธอว่าตกลงมันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ติงยียีอยู่ในห้องมาหนึ่งวันเต็มแล้ว สำหรับเธอ การออกจากห้องขังกลับมาที่ห้อง เป็นเพียงการเปลี่ยนจากกรงหนึ่งไปอีกกรงหนึ่งเท่านั้น
ทันใดนั้นโทรศัพท์ที่อยู่ข้างๆส่งเสียงดัง เสียงของเย่ชูฉิงยังคงหวานไพเราะ ทำให้คนเรารู้สึกสดชื่นร่าเริงขึ้นมาก ทั้งสองพูดคุยกันมากมายหลานเรื่อง เย่ชูฉิงพูดอย่างตื่นเต้นว่า “พี่ยียีรู้หรือเปล่าคะ ตอนนี้พวกเราอยู่ที่เยอรมัน วันนี้เป็นงานเทศกาลของพวกเขา มีการจุดพลุด้วยนะคะ ตอนกลางคืนจะสวยเป็นพิเศษเลย! เหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้าอย่างนั้นเลยค่ะ ”
ติงยียีฟังออกถึงความสุขที่อยู่ในน้ำเสียงของเธอ ในใจก็รู้สึกดีใจกับเธอด้วย “ถ้ามีโอกาสพี่เองก็อยากเห็นพลุที่สวยเหมือนกับดวงดาวบนท้องฟ้า”
เสียงเย่ชูฉิงชะงักไป นานพักหนึ่งจึงพูดว่า “ความจริงแล้วพี่ชายให้ฉันโทรมาคุยกับพี่ เขาเป็นห่วงว่าพี่จะอารมณ์ไม่ดี มีเรื่องเก็บไว้ในใจ”
ติงยียีอึ้งไปเล็กน้อย ตอบไปตามสัญชาตญาณว่า “พี่ไม่ได้เป็นอะไร!” ฟังออกว่าปลายสายอีกด้านคิดจะหาคำพูดมาปลอบตนเอง เธอก็รีบหาข้ออ้างวางสายทันที
ภายในห้องอันว่างเปล่าดูเหมือนจะมีเสียงก้องสะท้อนของเสียงตอบในโทรศัพท์เมื่อครู่ ติงยียีเปิดประตูตัดสินใจว่าจะออกไปสูดอากาศเสียหน่อย ในห้องรับแขกไม่มีคน เธอพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ หยิบรีโมทออกมาเปิดโทรทัศน์
ติงยียีเปลี่ยนช่องอย่างไร้จุดหมาย สายตาเธอไม่ได้จับจ้องไปยังที่ใด นิ้วมือขยับเหมือนกับเครื่องจักร เธอมองเห็นอ้าวเสว่ค่อยๆเดินออกมาจากในห้องอย่างช้าๆ
เธอเบี่ยงสายตาไปทางอื่น อ้าวเสว่กลับตรงดิ่งมาที่เธอ “ปิดทีวีไปเลย เสียงทีวีแบบนี้ฉันฟังแล้วปวดหัว รู้สึกไม่สบายท้องด้วย”
อ้าวเสว่เอ่ยปาก ต้าต้ามองติงยียีอย่างลำบากใจ สุดท้ายก้เดินไปปิดทีวี ติงยียีลุกขึ้นคิดจะเดินกลับห้อง
“คุณอ้าวเสว่ คุณยียีคะ” สาวใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาจากโถงด้านข้าง “เมื่อครู่มีคุณผู้ชายท่านหนึ่งมาขอพบค่ะ บอกว่าได้ข่าวมาว่าคุณท่านกลับมาที่เมืองตงเจียงแล้ว ดังนั้นจึงนำของฝากพื้นเมืองมามอบให้ค่ะ วันนี้พ่อบ้านออกไปของนอกเป็นเพื่อนคุณท่านแล้ว ฉันไม่ทราบว่าควรจะรับหรือไม่ค่ะ”
อ้าวเสว่คิดไตร่ตรองอยู่ชั่วครู่ “เรียกเขาเข้ามา” คนรับใช้ลังเลมองไปทางติงยียีอีก ไม่ว่าอย่างไร คุณชายก็ชอบติงยียีที่สุด สุดท้าต่อให้ทำผิดแล้ว ถ้าเธอเป็นคนอนุญาต อย่างนั้นคุณชายก็น่าจะไม่โกรธ
อ้าวเสว่หน้าบึ้ง “ทำไม ต้องให้ฉันโทรไปบอกคุณท่าน ให้ท่านมาตัดสินใจเหรอ!”
สาวใช้รีบตอบรับ จากไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานผู้ชายคนหนึ่งก็เดินเข้ามา ด้านหลังเขามีผู้ชายสองคนแบกกล่องตามมา
ผู้ชายคนนั้นมองติงยียีกับอ้าวเสว่อย่างพินิจพิจารณา จากนั้นสายตาก็หยุดที่อ้าวเสว่ “คุณนายเย่สินะครับ วันนี้แม้ว่าจะไม่ได้พบคุณท่าน แต่ว่าได้พบกับคุณนายเย่ก็ถือว่าไม่ได้มาเสียเที่ยวแล้ว”
อ้าวเสว่ยังมีความหวาดระแวง แต่เมื่อได้ยินสรรพนามที่เขาเรียก ก็เกิดความดีใจขึ้นภายในใจ เธอยิ้มพลางตอบว่า “คุณท่านไม่อยู่ คุณค่อยมาใหม่วันหลังนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับไม่เป็นไร ผมก็แค่จะเอาของฝากมาให้เท่านั้น ได้ข่าวว่าผลประกอบการไตรมาสแรกของศูนย์การค้าสากลดีมาก ผมก็อยากจะให้คุณนายเย่ช่วยพูดให้ผมสักหน่อยจะขอบคุณอย่างมากเลยครับ”
เขาพูดพลางเดินไปด้านหน้ากล่องพลาง เปิดกล่องออก ข้างในเต็มไปด้วยของแห้งอย่างโสมและเขากวาง เขายิ้ม “ตระกูลเย่คงไม่เห็นของพวกนี้อยู่ในสายตาแน่นอน แต่ว่านี่เป็นสินน้ำใจนิดหน่อยที่ผมจะมอบให้คุณท่านกับคุณนายเย่ครับ”
อ้าวเสว่ฟังคำพูดของเขาจนเคลิบเคลิ้ม คิดว่าก็แค่ของฝากเท่านั้น เธอโบกมือ “เรื่องของเนี่ยนโม่ฉันจะไม่เข้าไปยุ่งวุ่นวาย แต่น้ำใจที่มีต่อคุณท่านฉันจะช่วยคุณส่งต่อให้”
ในใจเธอรู้สึกสะใจมาก ผู้ชายคนนี้เห็นชัดว่ามาขอร้องเย่เนี่ยนโม่ ถ้าเธอรับของพวกนี้ไว้ แต่ก็ไม่ได้ให้การรับรองอะไรกับเขา ก็ถือว่าช่วยเย่เนี่ยนโม่รักษาน้ำใจคนไว้
ผู้ชายคนนั้นรีบพยักหน้า “พูดถูกครับพูดถูก ตอนแรกว่าจะมาเยี่ยมคารวะคุณท่าน งั้นผมไม่รบกวนแล้วนะครับ ขอตัวก่อนครับ”
ผู้ชายหมุนตัวเตรียมจะเดินไป “ช้าก่อนค่ะ!” จู่ๆติงยียีก็เอ่ยขึ้น
อ้าวเสว่สีหน้าเย็นเยือก มองเธออย่างโกรธเคืองเล็กน้อย ติงยียีเดินไปตรงหน้ากล่อง เธอมองกล่องของฝากพื้นเมืองอยู่ครู่หนึ่งเงยหน้าพูดกับชายหนุ่มว่า “คุณผู้ชายท่านนี้ ผู้มีอำนาจของตระกูลล้วนไม่อยู่ ถ้าอยากจะมาเยี่ยมคารวะคุณท่าน คุณกรุณามาใหม่ตอนที่ท่านอยู่ ถ้ามีเรื่องจะขอร้องเย่เนี่ยนโม่ เช่นนั้นกรุณาตรงไปที่บริษัทเย่ซื่อค่ะ”
สายตาของชายหนุ่มมองไปที่ติงยียีกลอกไปมา จากนั้นก็มองไปที่อ้าวเสว่ “หรือว่าท่านนี้ถึงจะเป็นคุณนายเย่”
อ้าวเสว่กัดฟันเค้นคำพูดออกมาอย่างยากลำบาก “ไม่ใช่ เธอเป็นน้องสาวฉัน ไม่ใช่คนตระกูลเย่”
ชายหนุ่มถอยหายใจอย่างโล่งอกยาวๆ “ในเมื่อคุณนายเย่พูดขนาดนี้แล้ว เชื่อว่าก็คงจะไม่มีใครสงสัยถึงจะถูก ผมไปก่อนนะครับ”
“ไปไม่ได้ค่ะ! เอากล่องไปด้วยค่ะ!” ติงยียีร้อนใจเล็กน้อย เธอเดินไปตรงหน้าของชายผู้นี้ขวางทางเดินเขาไว้
“ติงยียี เรื่องแบบนี้ทำไมเธอต้องคอยขัดฉันด้วย เธอทำแบบนี้เพื่ออะไรกันแน่ ไม่ใช่เพราะว่าคนอื่นเรียกฉันว่าคุณนายเย่หรอกนะ!” อ้าวเสว่โกรธจนหายใจหอบ
ติงยียีไม่สนใจเธอ หันหน้าไปพูดกับผู้ชายคนนั้นว่า “ของฝากพวกนี้พวกเราจะไม่มีทางรับ คุณเอากลับไปเถอะค่ะ!”
ชายหนุ่มไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่ให้ลูกน้องมาแบกกล่องไป อ้าวเสว่หัวเราะเยาะ “ดีมาก เธอทำสำเร็จแล้ว เป็นยังไง ความรู้สึกที่ได้เป็นคุณนายน้อยผู้มีอำนาจใหญ่โตมันดีมากเลยใช่มั้ย”
“ในกล่องนั้นมีเงิน” ติงยียีจ้องมองเธอ พูดต่อไปว่า “รับเอาไว้ไม่ได้ ถ้ารับเอาไว้ถึงเวลาเย่เนี่ยนโม่ต้องเดือดร้อนแน่”
“เงินอะไร! จะหาเหตุผลทั้งทีก็หาให้มันดีหน่อย” อ้าวเสว่พูดอย่างเยือกเย็น
ติงยียีรู้ว่าเธอไม่เชื่อ แต่ก็ยังอดทน “พ่อฉันเป็นคนขับรถบรรทุกมานาน ดังนั้นน้ำหนักของกล่องฉันพอจะรู้บ้าง ฉันเห็นตอนที่เขาแบกกล่องเข้ามาหนักมาก ในนั้นต้องไม่ได้มีเพียงแค่ของฝากพื้นเมืองแน่นอน อีกอย่างเมื่อครู่ที่ฉันเดินเข้าใกล้เขา ที่ช่องว่างในกล่องเหมือนฉันจะมองเห็นเงิน”
อ้าวเสว่อึ้ง คิดว่าท่าทีของผู้ชายคนเมื่อครู่น่าสงสัยจริงๆ ในใจแอบโทษตัวเองที่ไม่ละเอียดรอบคอบพอ เธอไม่ยอมที่จะฟังคำตำหนิติเตียนของติงยียี หลังจากถลึงตาใส่เธอก็จากไปเลย
เพิ่งจะเดินไป เย่เนี่ยนโม่ก็นำเย่ป๋อเดินพรวดพราดเข้ามา สีหน้าเขาน่ากลัว คิ้วเรียวค่อยๆขมวดเข้าหากัน “พ่อบ้านล่ะ”
“พ่อบ้านออกไปข้างนอกเป็นเพื่อนคุณท่านแล้วค่ะ” ต้าต้าเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้น เย่เนี่ยนโม่หันไปมองมองอ้าวเสว่ “เมื่อครู่มีคนเอาของมาส่งให้หรือเปล่า”
อ้าวเสว่เห็นท่าทางของเขาก็รู้ว่าเรื่องราวอาจจะเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เธอมองติงยียี แอบคิดว่าถ้ารอให้ติงยียีเป็นฝ่ายบอกเรื่องนี้กับเย่เนี่ยนโม่ตนเองจะรับมืออย่างไรดี
“มีของมาส่ง แต่ไม่ได้รับค่ะ”
ติงยียีเอ่ยปาก สายตาเย่เนี่ยนโม่มองไปยังติงยียีอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้า เขาสั่งเย่ป๋อว่า “ยกระดับการรักษาความปลอดภัยของบ้านตระกูลเย่มากขึ้น ต่อไปอย่าให้คนแบบนี้เข้ามาได้”