สาวใช้ส่วนตัวของนายซาตาน - บทที่ 1614 หญิงรับใช้ของคุณชายเย่ 1454
“เธอจะทำให้ฉันเจ็บตายหรือไง?!”
“ขอโทษค่ะคุณอ้าวเสว่ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
ต้าต้าก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว หลายวันมานี้ ขอเพียงแค่เธอไม่มองดวงตาของอ้าวเสว่ ฝ่ายตรงข้ามก็ดูเหมือนจะไม่ได้โกรธมากขนาดนั้น ทว่าครั้งนี้อ้าวเสว่ไม่ยอมปล่อยเธอไป
“เธอสามารถรายงานร่องรอยการเดินทางของฉันให้กับซางหัวต่อไปได้ และถือโอกาสรายงานว่าฉันรังแกเธอ” อ้าวเสว่ยิ้มเย็นอยู่อีกด้าน เธอง้างมือขึ้นคิดจะตบลงไปอีกครั้ง
“หยุดนะ!” ประตูถูกเปิดออก ติงยียีเห็นเหตุการณ์ตรงหน้าพอดี จึงรีบก้าวเข้าไปดึงต้าต้าออกมา แพนด้าที่เดินตามอยู่ด้านหลังเธอรูปร่างใหญ่โตจนทำให้คนอื่นนอกจากติงยียีล้วนหวั่นใจ
อ้าวเสว่เอ่ย “ฉันยังไม่ถึงขั้นต้องให้เธอมาจัดการฉัน”
“อ้าวเสว่ เธอทำความผิดอะไร เธอทำแบบนี้เหมือนกับไม่เห็นคนเป็นคนแล้วนะ” ติงยียีโมโห เธอดึงต้าต้ามาอยู่หลังตัวเอง
“สาวใช้ของตระกูลเย่ ฉันมีอำนาจในการจัดการมากกว่าเธอ เธอรีบไสหัวไปเสียเถอะ” อ้าวเสว่หงุดหงิดเล็กน้อย เธอกังวลว่าการเคลื่อนไหวที่เสียงดังมากเกินไปจะรบกวนคุณยายกับเย่เนี่ยนโม่
“ฉันจะพาเธอไป” ติงยียีจูงมือต้าต้าเดินไปด้านนอก อ้าวเสว่เอ่ยเสียงเย็นว่า “ต้าต้า เธออยากจะไปจริงๆหรือ”
ฝีเท้าที่เดินไปด้านหน้าของต้าต้าหยุดลง “คุณยียีคะ คุณไปก่อนเถอะค่ะ”
ติงยียีมองเธออย่างเหลือเชื่อ เธอรู้ว่าชีวิตนั้นยากลำบาก แต่คนที่วางตัวเองไว้ในตำแหน่งต่ำต้อยเช่นนี้ เธอไม่เคยพบเห็นมาก่อนจริงๆ
ต้าต้าเดินกลับไปหาอ้าวเสว่ อ้าวเสว่จงใจยกมือขึ้นฟาดลงบนตุ่มน้ำที่อยู่บนหลังมือต้าต้า ต้าต้ากรีดร้องออกมา ความเจ็บปวดอย่างสุดซึ้งทำให้เธออดไม่ได้ที่จะออกแรงผลักเล็กน้อย
รอจนเธอรู้สึกตัวขึ้นมา อ้าวเสว่ก็โซเซถอยหลังไปแล้ว หลังเอวเธอกระแทกเข้ากับมุมโต๊ะ “เจ็บนะ!”
ต้าต้ายืนมองเธอกุมเอวแล้วร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดอึ้งๆ ติงยียีรู้สึกตัวขึ้นมา เธอเห็นว่าสีหน้าอ้าวเสว่ไม่เหมือนกับการเสแสร้งแกล้งทำ จึงรีบเอ่ยว่า “เธอรอสักครู่ ฉันจะไปเรียกคนมา”
หน้าบันไดมีเสียงตื่นตระหนกของเธอดังขึ้น ต้าต้าถึงได้สติกลับคืนมา เธอลนลานมองไปทางอ้าวเสว่ “ฉันไม่ได้ตั้งใจนะคะ”
อ้าวเสว่รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดเลือนรางบริเวณเอวของตัวเอง ชั่วขณะหนึ่งเธอถึงขั้นรู้สึกได้ว่าลูกกำลังจะไปจากตัวเอง เธอกัดฟัน “ถ้าหากไม่อยากให้ฉันบอกกับท่านนายเรื่องที่เธอผลักฉัน ถ้าหากว่ายังอยากจะอยู่ที่ตระกูลเย่ต่อไป เธอก็บอกว่าติงยียีชนฉัน”
“ไม่ ฉันไม่สามารถพูดแบบนั้นได้ค่ะ”
“ไม่พูด เธอก็รอชดใช้เถอะ คิดดูสิว่าเธอจะถูกไล่ออกจากตระกูลเย่ในไม่ช้านี้ เธอแน่ใจหรือว่าเธอจะหางานแบบนี้ได้อีก ครอบครัวเธอน่าจะไม่ได้มีเหลือกินเหลือใช้หรอกนะ”
“อ้าวเสว่!” เสียงของฝู้เฟิ่งหยีดังขึ้นด้านนอกประตู เธอพุ่งเข้ามาในห้อง เห็นอ้าวเสว่ล้มอยู่บนพื้นก็รีบเอ่ยว่า “ใครก็ได้ รีบไปตามหมอมาเร็วเข้า”
เย่เนี่ยนโม่เดินตามอยู่ด้านหลังสุด สายตาของเขากวาดมองไปทางติงยียี กวาดมองไปยังต้าต้าที่สีหน้าไม่มั่นคง คุณหมอมาถึงเร็วมาก “พวกคุณออกไปให้หมด ตอนนี้ฉันจะตรวจอาการค่ะ”
ภายในห้องรับแขก
ฝู้เฟิ่งหยีตบโต๊ะ “นี่มันเรื่องอะไรกัน!”
ต้าต้าตัวสั่นระริก ร่างเล็กมองดูแล้วยิ่งโดดเดี่ยวสิ้นหวังมากขึ้น เอเลนทนมองไม่ไหว “พวกคุณปฏิบัติต่อเด็กผู้หญิงคนหนึ่งอย่างโหดร้ายขนาดนี้ได้อย่างไร”
“เอเลน” Alin เดินออกมาจากห้องโถงด้านข้าง เขาส่ายหน้าไปมา เป็นสัญญาณบอกเขาว่าอย่าเข้าไปก้าวก่าย
ติงยียีเห็นต้าต้าหวาดกลัว เธอก็จับมือของเธอขึ้นมาอย่างให้กำลังใจ เพื่อให้เธอพูดเรื่องทั้งหมดออกมา “พูดเรื่องทั้งหมดออกมา คุณยายจะไม่ทำให้เธอลำบากใจ”
“สุนัขของคุณยียีทำให้คุณอ้าวเสว่ตกใจ ดังนั้นคุณอ้าวเสว่ถึงได้หกล้มค่ะ”
ต้าต้ามองไปทางติงยียีที่มีท่าทางตกตะลึงด้วยความละอายใจ หลังจากนั้นก็ลนลานหลบตาไป เธอไม่อยากทำร้ายติงยียี ดังนั้นถึงได้เปลี่ยนแปลงรายละเอียดของอ้าวเสว่ ถ้าหากไม่ใช่ติงยียีทำเองล่ะก็ เช่นนั้นท่านนายก็น่าจะไม่กล่าวโทษเธอ
“เธอโกหก” หลังจากตกตะลึงแล้ว ติงยียีก็ยากที่จะอำพรางความเจ็บปวดในใจ เสียดายที่เธอคิดเพื่อเธอ ทำไมเธอถึงต้องพูดแบบนี้ด้วย?
ฝู้เฟิ่งหยีที่อยู่อีกด้านเอ่ยเสียงเย็น “หรือเธอคิดว่าอ้าวเสว่จะหกล้มเองกันล่ะ”
ติงยียีเงียบ มองแววตาที่เต็มไปด้วยการขอร้องของต้าต้าแล้ว คำอธิบายที่จะเอ่ยออกมาก็ถูกกลืนกลับลงไปในท้อง เอเลนที่อยู่อีกด้านเอ่ยอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ยียี เธอทำจริงๆหรือ”
“นายคิดว่าเป็นอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น” ติงยียีผิดหวังอย่างสุดซึ้ง ถ้าหากเป็นคนที่เข้าใจเธอมากที่สุดก็ไม่จำเป็นต้องอธิบาย
“เนี่ยนโม่ หลานคิดว่าจะทำอย่างไร” ฝู้เฟิ่งหยีหันไปมองเย่เนี่ยนโม่ น้ำเสียงเต็มไปด้วยการสอบถาม
เย่เนี่ยนโม่กวาดตามองไปทางติงยียีครู่หนึ่ง “ส่งแพนด้าออกไป”
ติงยียีถอยหลังไปหลายก้าว เอเลนก็ช่างเถอะ กระทั่งเขาก็ไม่เชื่อเธอหรือ หัวใจเย็นยะเยือกราวกับอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง เธอเอ่ยเสียงเย็นชา “ถ้าหากคิดจะส่งแพนด้าจากไป ก็ส่งฉันจากไปด้วยกันเลย”
“เธอกำลังข่มขู่พวกเราหรือ! อย่าลืมความปรารถนาเดิมที่มาตระกูลเย่เสียล่ะ!” ฝู้เฟิ่งหยีโมโหจนลุกขึ้นยืนตำหนิเธอ
ติงยียีตัดสินใจปล่อยให้เป็นไปตามยถากรรม “ฉันมาได้อย่างไร พวกคุณไม่รู้หรือคะ ไม่อย่างนั้นตอนนี้ก็ปล่อยฉันไป ฉันกับแพนด้าจะไปเดี๋ยวนี้”
“พอได้แล้ว!” เย่เนี่ยนโม่เอ่ยเสียงเข้ม “แพนด้าไม่สามารถมาที่ห้องโถงใหญ่ได้อีก ไม่อย่างนั้นครั้งต่อไปจะไล่ออกจากตระกูลเย่”
“ท่านนายครับ คุณหนูอ้าวเสว่ตื่นแล้วครับ” พ่อบ้านรีบร้อนเดินเข้ามา เย่เนี่ยนโม่เหลือบมองติงยียีครู่หนึ่ง และก้าวเท้าเดินไปทางบันได
“เย่เนี่ยนโม่” ติงยียีเรียกเขาเอาไว้ “นายจะทรมานฉันไปอีกนานแค่ไหน ไม่ปล่อยให้ฉันจากไปแล้วยังจะทำร้ายฉันตลอด!” น้ำเสียงเธอเศร้าโศก ไม่รอให้เขาตอบอะไรก็วิ่งหนีไปคนเดียว สถานที่แห่งนี้ทำให้เธอหายใจไม่ออก
เส้นผมของเธอโค้งเป็นแนวอยู่กลางอากาศอย่างสวยงาม หลังจากนั้นก็หายไปจากที่เดิม แพนด้ายังอยู่ที่เดิม มันร้องครางหงิงๆ เดินไปข้างกายเย่เนี่ยนโม่ งับแขนเสื้อเขาเบาๆแล้วสะบัดไปยังทิศทางที่ติงยียีจากไป
เย่เนี่ยนโม่ก้มหน้ามองมัน แววตาหนักอึ้ง แต่สุดท้ายแล้วก็สะบัดแขนเสื้อจากไป ฝู้เฟิ่งหยีรอเย่เนี่ยนโม่จากไปแล้วก็ค่อยๆลุกขึ้น
เธอเดินไปทางบันได ขณะที่ผ่านร่างที่สั่นระริกของต้าต้าไป เธอก็เหลือบมองตุ่มน้ำบวมแดงหลังมือของเธอครู่หนึ่ง “มีเรื่องราวบางเรื่องที่ไม่พูดออกมาจะดีกว่า”
ต้าต้าหน้าซีดเผือดมองไปที่เธอ ในใจก็ตกตะลึงเป็นอย่างมาก ท่านนายรู้ รู้ว่าตัวเองผลักอ้าวเสว่ล้ม ไม่แน่ว่าจะรู้เรื่องที่อ้าวเสว่รังแกตัวเองด้วย แต่เธอกลับเลือกที่จะทำเป็นมองไม่เห็น
ฝู้เฟิ่งหยีลูบแหวนหยกที่สวมอยู่บนนิ้วหัวแม่มือของตัวเอง “ถึงอย่างไรตอนนี้ในท้องของอ้าวเสว่ก็มีเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูลเย่ รู้ไหม”
ต้าต้ามองเธอจากไป หยาดน้ำตาเม็ดใหญ่ก็รินไหลลงมาบนใบหน้า เธอทำผิดต่อติงยียี ตัวเองถึงกับใส่ร้ายคนที่ดีต่อตัวเองมาโดยตลอด
บนเตียงอ่อนนุ่ม อ้าวเสว่มีสีหน้าซีดเผือด ของเหลวใสเข้าสู่หลอดเลือดสีเขียวอมน้ำเงินของเธอผ่านเข็มฉีดยาขนาดเล็ก เธอมองไปที่เย่เนี่ยนโม่ น้ำเสียงอ่อนโยน
“เนี่ยนโม่ เป็นฉันที่ไม่ดีเอง เกือบจะรักษาลูกของพวกเราเอาไว้ไม่ได้แล้ว” อ้าวเสว่ลูบท้อง มองไปทางเย่เนี่ยนโม่อย่างร้อนแรง
เย่เนี่ยนโม่ที่ยืนอยู่ข้างเตียงก้มมองเธอ “อย่าให้มีครั้งหน้าอีก”
“อะไรที่ว่าอย่าให้มีครั้งหน้าอีก” อ้าวเสว่ถามอย่างสงสัย
เย่เนี่ยนโม่โน้มตัวลงมา นิ้วเรียวยาวบีบคางเล็กแหลมของเธอเอาไว้ “เก็บความคิดชั่วร้ายของคุณเอาไว้ บำรุงครรภ์ให้ดี อย่าไปหาเรื่องเธออีก ไม่อย่างนั้น แม้ว่าจะมีคุณยายปกป้องคุณ ผมก็จะไม่ปราณีแน่นอน นี่เป็นครั้งสุดท้าย”
เขายืดตัวขึ้น พลางหมุนกายเดินไปนอกประตู เมื่อนึกถึงแววตาของติงยียีเมื่อครู่นี้แล้วเขาก็เจ็บปวดหัวใจไม่หยุด แค่รอจนถึงตอนที่อ้าวเสว่คลอดเด็กออกมาก็เรียบร้อยแล้ว ขอเพียงแค่คลอดออกมา เขาก็สามารถอยู่ด้วยกันกับเธอได้อย่างเปิดเผย
เบื้องหลังมีฝีเท้าสับสนดังลอยมา อ้าวเสว่โซเซเข้ามาโอบกอดเขาจากทางด้านหลัง เธอพึมพำว่า “ติงยียีพูดอะไร คุณก็ล้วนเชื่อหมดหรือ แม้ว่าเธอจะผลักฉัน ขอเพียงแค่เธอปฏิเสธ คุณก็เชื่อหรือ”
บรรยากาศนิ่งเงียบ เย่เนี่ยนโม่ดึงมือเธอออกแล้วเปิดประตู น้ำเสียงของเขาดังลอยมาอย่างชัดเจนแม้ว่าเขาจะไม่หันหน้ากลับมา “ถูกต้อง”
อ้าวเสว่ยืนเท้าเปล่าบนพรมอ่อนนุ่ม เพราะรีบร้อนลุกขึ้นยืน ศีรษะจึงวิงเวียนเล็กน้อย วาจาของเย่เนี่ยนโม่ดังสะท้อนอยู่ข้างหูเธอไม่หยุด
เธอไม่มีค่าอะไรเลยจริงๆ เขารังเกียจที่เธอทำเรื่องเลวร้าย แต่ใครที่ผลักให้เธอลงไปยังหุบเหวของคนชั่วกัน ติงยียีเป็นคนดี เธอมีน้ำใจเข้มแข็ง ส่วนเธอนั้นชั่วร้าย ทำเป็นแต่เรื่องเลวๆ เลวตั้งแต่ต้นจนจบ
เธอโซเซกลับไปนั่งบนเตียง มือทาบลงบนหน้าท้องอย่างอดมิได้ ดี ในเมื่อคุณเป็นห่วงเธอขนาดนั้น ฉันก็จะทำให้พวกคุณไม่มีวันได้อยู่ด้วยกันไปตลอดกาล
กลางดึก เย่เนี่ยนโม่ถือแฟ้มเอกสารออกมาจากห้องหนังสือ น้ำเสียงเขาสงบนิ่ง จัดการงานผ่านทางโทรศัพท์อย่างเป็นระเบียบ ทว่าฝีเท้าเขากลับเดินไปตามทิศทางอันคุ้นเคยโดยไม่รู้ตัว
เมื่อวางโทรศัพท์ เขาก็ประหลาดใจที่ตัวเองยืนอยู่หน้าประตูห้องติงยียี เขาหมุนตัวเดินจากไป ทว่าความเร็วกลับช้าลงเรื่อยๆ และหันกลับไปทางเดิมอีกครั้ง เขายกมือขึ้น แต่ขณะที่จะเคาะประตูกลับรู้สึกลังเล
“ คุณเย่ ” Alin เดินมาจากระเบียงทางเดินอีกด้านหนึ่ง เย่เนี่ยนโม่ลดมือที่ชูขึ้นสูงลง บนใบหน้าไม่มีความลังเลที่มีก่อนหน้านี้อีก
ภายในห้องหนังสือ Alin ถือไม้เท้าพิจารณามองผลงานการเขียนอักษรด้วยพู่กันจีนที่ถูกเก็บอยู่ในตู้ “ผลงานการเขียนอักษรด้วยพู่กันจีนของพวกคุณชาวจีนนั้นงดงามมากเกินไปจริงๆ”
เย่เนี่ยนโม่มองตามสายตาของเขาไป พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง “Alin มีเรื่องอะไรก็พูดออกมาตามตรงเถอะ”
Alin มองเขา “แม้ว่าผมจะยินยอมมอบสิทธิพิเศษมากมายให้คุณหรือข่มขู่ว่าจะให้ความร่วมมือกับแบรนด์สินค้าอื่นๆกับทางยุโรป คุณก็จะไม่ยอมคืนลูกศิษย์ของผมให้ผมสินะ”
เย่เนี่ยนโม่เลิกคิ้ว “ถูกต้อง”
“คนหนุ่มสาว ตอนที่ผมยังเป็นวัยรุ่นก็ดื้อดึงเหมือนกับคุณ ในภายหลังมีวันหนึ่งที่เธอจากไป และไม่กลับมาอีก ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะรอเธอไปได้อีกนานแค่ไหน” ใบหน้าของ Alin มีแววเสียใจเล็กน้อย ความหงอยเหงาในนัยน์ตากลับชัดเจนเป็นอย่างมาก เขาจ้องมองมุมหนึ่งของตู้หนังสือ คล้ายกับระลึกถึงความทรงจำอันหอมหวานในอดีต
เย่เนี่ยนโม่แววตาเคร่งขรึม “นั่นคือเรื่องของคุณ ผมจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น”
“ฮ่าๆ” Alin หัวเราะ เคราสีขาวขยับขึ้นลงไปมา เขามองเย่เนี่ยนโม่อย่างลึกซึ้ง “อายุน้อยนั้นดีจริงๆ ดูเหมือนว่าจะนึกว่าตัวเองสามารถควบคุมทุกอย่างได้”
Alin กับเอเลนจากไปอย่างเงียบๆ ติงยียีประคองชุดราตรีเอาไว้ในมือ ที่แท้ช่วงนี้อาจารย์หมกตัวทำสิ่งเหล่านี้อยู่ในห้องตลอด
หยดน้ำตาเม็ดใหญ่กระทบลงบนชุดราตรีสีแดง เธอยังจำได้ลางๆ อาจารย์เคยพูดว่าตอนที่เธอแต่งงาน ต้องเย็บชุดราตรีให้เธอชุดหนึ่งตามประเพณีจีน