สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 15 ไล่เรียงความผิด
ตอนที่ 15 ไล่เรียงความผิด
ณ เรือนหรูอี้ถัง จวนรองเจ้ากรม
นายหญิงผู้เฒ่าเห็นท้องฟ้าเริ่มค่ำ สีหน้าก็เริ่มเคร่งเครียด “เหตุใดชิงชิงยังไม่กลับมาอีก”
บ่าวสูงวัยข้างๆ เอ่ยปลอบว่า “อย่างไรคุณหนูนอกก็อายุยังน้อย ไม่ค่อยได้ออกไปเที่ยว อาจกลับสายสักหน่อย อย่าได้กังวลไปเลยเจ้าค่ะ”
นายหญิงผู้เฒ่าวางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะข้างๆ ถอนหายใจเอ่ยว่า “กว่าจะรอดชีวิตกลับมาได้ พักผ่อนไม่กี่วันก็ออกไปนอกบ้านอีกแล้ว ยังกลับมาช้าเช่นนี้อีก ข้าจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร หงอวิ๋น เจ้าไปกำชับหน้าประตูหน่อย หากคุณหนูนอกกลับมาให้รีบมารายงาน”
บ่าวนามว่าหงอวิ๋นรับคำสั่งออกไปไม่นาน สาวใช้ผู้หนึ่งก็รีบวิ่งเข้ามา “นายหญิงผู้เฒ่า คุณหนูนอกกลับมาแล้วเจ้าค่ะ คล้ายว่าเกิดเรื่องแล้ว!”
“คล้ายว่าเกิดเรื่องแล้ว?” นายหญิงผู้เฒ่ากำแก้วน้ำชาแน่น
“ระหว่างทางเหมือนว่าม้าตื่นตกใจ จึงได้เช่ารถม้าอีกคันกลับมา!”
นายหญิงผู้เฒ่าลุกขึ้นยืน ถามอย่างร้อนใจขึ้นว่า “ปลอดภัยดีหรือไม่”
สาวใช้ตั้งสติได้แล้วก็ตอบว่า “คุณหนูนอกดูแล้วไม่เป็นอันใด เพียงแต่เสื้อผ้ากับผมยุ่งเล็กน้อย เห็นว่ากลับไปเรือนหว่านฉิงอาบน้ำเปลี่ยนชุดก่อนค่อยมาคำนับนายหญิงผู้เฒ่าเจ้าค่ะ”
“หลานคนนี้ ทำให้เป็นห่วงอยู่เรื่อย” ได้ยินสาวใช้ว่านางปลอดภัย นายหญิงผู้เฒ่าก็คลายกังวล กลับลงนั่งดังเดิม
ณ เรือนหย่าซินย่วน
นายหญิงใหญ่เฉียวซื่อถามคำถามเดียวกับนายหญิงผู้เฒ่า “ปลอดภัยดีหรือไม่”
เฉียวซื่อได้คำตอบแล้วก็นั่งนิ่งครู่หนึ่ง เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบ “คุณหนูนอกยังคงดวงดีจริง ทุกครั้งประสบเหตุก็ปลอดภัยกลับมาได้”
“ใช่เจ้าค่ะ” เหลียนหมัวมัวเอ่ยรับคำเบาๆ
ตั้งแต่ซินโย่วออกจากจวนไป ฟางหมัวมัวก็นั่งไม่ติด พอนางกลับมา เห็นสภาพดูไม่ค่อยได้ก็รีบเอ่ยถาม “คุณหนู เกิดอันใดขึ้นเจ้าคะ!”
สองมือของนางประคองแขนซินโย่วพลางมองประเมินจากบนลงล่าง ไม่เห็นบาดแผลใดจึงได้วางใจ
“ม้าตื่นตกใจ พวกเราไม่ได้รับบาดเจ็บ แม่นมไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน ค่อยมาคุยรายละเอียดกัน”
ความสงบนิ่งของซินโย่วส่งผลต่อทุกคนในเรือนหว่านฉิง คนที่ควรไปตักน้ำก็ไปตักน้ำ คนที่ไปหยิบเสื้อผ้าก็ไปหยิบเสื้อผ้า ทุกคนวุ่นวายกับการงานของตนเองอย่างเป็นระเบียบดังเดิม
เดิมก็อยู่ในช่วงหน้าร้อน ยังต้องมายุ่งวุ่นวายกับกิจเหล่านี้ ซินโย่วอาบน้ำถึงสามรอบ จึงรู้สึกว่ากลิ่นนั้นจางหายไป
นางเปลี่ยนชุดกระโปรงสะอาดแล้ว ก็ปล่อยผมสยายนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งให้ฟางหมัวมัวใช้ผ้าเช็ดผมให้นาง
ผมยาวดกดำเงางาม ผิวพรรณขาวเนียนราวหิมะ แก้มแดงดังลูกท้อ ฟางหมัวมัวค่อยๆ หวีผมให้ซินโย่ว อดทอดถอนใจไม่ได้ “คุณหนูของบ่าวงามจริง”
สาวน้อยในกระจกเอ่ยขึ้นเบาๆ “ใช่ งามจริง”
ฟางหมัวมัวคิดว่าคุณหนูพูดจาหยอกเล่น เสี่ยวเหลียนที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จกำลังหวีผมอยู่ข้าง ๆ เช่นกันได้ยินก็ชะงักกึก แอบขอบตาแดงเงียบๆ
ผมเริ่มหมาด ซินโย่วก็เดินนำเสี่ยวเหลียนไปยังเรือนหรูอี้ถัง
นายหญิงผู้เฒ่าได้ซักถามสถานการณ์จากสารถีและผู้คุ้มกันที่นำไปแล้ว พอซินโย่วเข้ามาก็เรียกนางเข้ามาใกล้มองประเมินอย่างละเอียด
“ให้เจ้าพักรักษาตัวอยู่ในเรือนดีๆ ก็จะออกไปนอกบ้าน ดีเลย ต้องไปเกิดเหตุให้ลำบากอีกแล้ว”
“ชิงชิงทำให้ยายเป็นห่วงแล้ว”
ตอนนายหญิงใหญ่เฉียวซื่อก้าวเข้ามาในเรือนหรูอี้ถังก็เห็นภาพซินโย่วขอรับผิดต่อนายหญิงผู้เฒ่า
“เหตุใดจึงมายามนี้” นายหญิงผู้เฒ่าถามเฉียวซื่อ
เฉียวซื่อมองซินโย่วทีหนึ่ง “ข้าได้ยินว่าม้าที่ชิงชิงนั่งตื่นตกใจ จึงไม่วางใจ มาดูสักหน่อย”
นางพูดพลางเดินเข้ามา มือหนึ่งวางไปบนหัวไหล่ซินโย่ว “ชิงชิงไม่เป็นอันใดกระมัง”
“ไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ”
“ไม่เป็นอันใดก็ดี ตอนบ่ายได้ยินว่าเจ้ายังไม่กลับมา ป้าก็เป็นห่วง เกรงว่าจะเกิดเรื่องระหว่างทาง”
ซินโย่วย่อกายเล็กน้อย พร้อมกับปลดมือนั้นออก “ทำให้ท่านป้าเป็นห่วงแล้ว พอดีได้ออกไปนอกบ้าน จึงได้ไปเขาเชียนอิงสักหน่อย ดูว่าจะตามหาหยกประดับที่ทำหล่นหายตรงหน้าผาเจอหรือไม่เจ้าค่ะ”
“ชิ้นที่ท่านแม่เจ้าทิ้งไว้ให้เจ้าหรือ” นายหญิงผู้เฒ่าถาม
ซินโย่วพยักหน้า สีหน้าเผยแววตาปวดใจ
เฉียวซื่อเลิกคิ้วเล็กน้อย “ชิงชิง ยังจำท่านแม่เจ้าได้หรือ”
ซินโย่วสบตากับเฉียวซื่อ ยิ้มเล็กน้อย “บางทีก็พอนึกภาพวัยเด็กขึ้นมาได้บ้าง อาจเพราะความทรงจำค่อยๆ กลับคืนมาแล้ว ไม่แน่วันใดก็อาจนึกขึ้นมาได้ ยังต้องขอบคุณท่านยายกับท่านลุง ท่านป้าที่คอยห่วงใย”
เฉียวซื่อแววตาวูบไหว ยิ้มเอ่ยว่า “หากความทรงจำชิงชิงฟื้นคืนมาได้ก็คงดีมาก”
ซินโย่วขยับปากให้เสี่ยวเหลียนที่ยืนอยู่มุมหนึ่งอย่างไม่เป็นที่สังเกต
เสี่ยวเหลียนรีบก้าวออกมา โผลงคุกเข่าต่อหน้านายหญิงผู้เฒ่า “นายหญิงผู้เฒ่า ขอท่านได้โปรดให้ความยุติธรรมต่อคุณหนูด้วย!”
นายหญิงผู้เฒ่ากำลังนั่งเป่าน้ำชาในแก้วอยู่ ถูกเสี่ยวเหลียนโผเข้ามาคุกเข่าเช่นนี้ น้ำชาก็กระฉอกหก
นางสบตาซินโย่วทีหนึ่ง ขมวดคิ้วถามขึ้นว่า “ความยุติธรรมอันใด เกิดเรื่องอันใดขึ้น”
เสี่ยวเหลียนเงยหน้าน้ำตานอง สะอื้นไห้เอ่ยว่า “ม้าตื่นตกใจ ผู้ใดก็คาดไม่ถึง แต่สารถีก็เกินไปแล้ว ไม่เพียงแต่ไม่คิดรั้งม้าไว้ เห็นรถเทียมวัวที่พุ่งมาก็ถึงกับกระโดดหนีเอาตัวรอด ไม่สนใจความเป็นความตายคุณหนู…”
นายหญิงผู้เฒ่ายิ่งฟัง สีหน้าก็ยิ่งย่ำแย่
ตอนนางถามความก่อนหน้านี้ไม่มีผู้ใดเอ่ยถึงเรื่องสารถีสละรถม้า
“ไปตามพวกเขามา”
ไม่นาน สารถีกับสองผู้คุ้มกันก็คุกเข่าอยู่เบื้องหน้านายหญิงผู้เฒ่า
“ตอนม้าตื่นตกใจ เจ้าไม่สนใจว่าคุณหนูนอกยังอยู่บนรถ พากันกระโดดลงจากรถหรือ”
สารถีหมอบอยู่บนพื้นอธิบายว่า “บ่าวไหนเลยจะกล้าทิ้งคุณหนูนอก ตอนนั้นกลัวจนลืมไปหมด ไม่ทันระวังถูกสลัดตกรถขอรับ”
นายหญิงผู้เฒ่ามองไปทางสองผู้คุ้มกัน
สองผู้คุ้มกันสบตากัน ต่างกล่าวว่าเรื่องเกิดขึ้นกะทันหัน ไม่ทันได้มองละเอียด
สารถีก้มหน้าจ้องมองพื้น แอบถอนหายใจโล่งอก
ตอนนั้นสถานการณ์คับขัน นอกจากคุณหนูนอกกับเสี่ยวเหลียนที่นั่งอยู่ในรถม้า เขาถูกสะบัดตกรถหรือว่ากระโดดลงมาเอง ผู้ใดจะทันสังเกตเห็นกัน
เงินทองยังคงมีประโยชน์ ไม่ขอให้เจ้าสองคนนั้นพูดแทนเขา แค่ไม่ออกมาเสริมก็เพียงพอแล้ว ส่วนคุณหนูนอกย่อมไม่มีทางลดตัวมาเอาเรื่องโต้แย้งกับเขา เหลือก็แค่สาวใช้คนเดียว จะเอาเรื่องอันใดเขาได้
“ข้าเห็นกับตาว่าเจ้ากระโดดลงจากรถไปก่อน!” เสี่ยวเหลียนโมโห
สารถีสีหน้าอัดอั้น “บ่าวถูกใส่ความ!”
เฉียวซื่อเอ่ยขึ้น “ลุงจาง เจ้าโต้เถียงใส่คนของคุณหนูนอกได้อย่างไร ยังมีธรรมเนียมอีกหรือไม่”
“บ่าวผิดไปแล้ว บ่าวไม่กล้าแล้ว”
ซินโย่วนิ่งฟัง ในใจแอบหัวเราะเยาะ
หากเป็นคุณหนูโค่วคนเดิมที่หน้าบางได้ยินคำพูดนายหญิงใหญ่เช่นนี้ไหนเลยยังจะกล้าให้สาวใช้คนสนิทเอาเรื่องต่อ ไม่แน่ยังต้องขอขมาแทนเสี่ยวเหลียนอีก
น่าเสียดาย นางมิใช่คุณหนูโค่ว
“ลุงจางก็ผิดจริง”
สาวน้อยน้ำเสียงเย็นกระจ่างใส พอเอื้อนเอ่ยก็เป็นที่ดึงดูดสายตาของทุกคนในที่นั้น ทุกคนมีสีหน้าตกใจเล็กน้อย
“ชิงชิง…” นายหญิงผู้เฒ่าส่งเสียงเรียก แววตาไม่เห็นด้วย
ตอนนี้นอกจากเสี่ยวเหลียนก็ไม่มีพยานคนอื่น หรือว่าหญิงสาวคนหนึ่งจะเอาเรื่องสารถีคนหนึ่งไม่เลิกกัน
เช่นนั้นก็คงไม่ค่อยน่าดูนัก
“ตอนนั้นตื่นตกใจ ข้าไม่ทันได้สังเกตมากนัก ข้าว่าลุงจางผิด ก็เพราะเขาเป็นสารถี ขับรถม้าให้ดีคือหน้าที่ ไม่ว่าเขาลงจากรถม้าอย่างไร ทำให้รถม้าสูญเสียการควบคุมก็คือทำหน้าที่ผิดพลาด ท่านยาย ท่านคิดว่าอย่างไรเจ้าคะ”
นายหญิงผู้เฒ่าอึ้งไปชั่วขณะ พยักหน้าอมยิ้มมองนางเอ่ยว่า “ชิงชิงโตแล้วจริงๆ รู้เหตุรู้ผลแล้ว” จากนั้นก็หุบยิ้ม หันมองไปทางสารถีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
สารถีตัวสั่นเทา อดมองไปทางเฉียวซื่อไม่ได้