สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 21 ดอกไห่ถัง
ตอนที่ 21 ดอกไห่ถัง
ต้วนอวิ๋นหว่านปรากฏตัวต่อหน้าซินโย่วยามนี้ด้วยอาการตื่นตระหนก
“น้องชิงต้องการพบพี่ด้วยเรื่องอันใดหรือ”
ซินโย่วแสดงท่าทางให้เสี่ยวเหลียนถอยออกไป ส่งน้ำชาให้แก้วหนึ่ง “พี่หว่าน ดื่มน้ำชา”
ต้วนอวิ๋นหว่านยกแก้วน้ำชาขึ้นมา นิ้วมือกดแรงอย่างไม่รู้ตัว “น้องชิงพูดได้แล้วหรือยัง”
ซินโย่วจิบน้ำชาด้วยท่าทีไม่ร้อนใจ สบายๆ แต่คำพูดที่เอ่ยออกมาราวกับสายฟ้าฟาด “ข้าเห็นพี่หว่านหลายวันนี้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะเกรงว่าข้าจะนึกเรื่องตอนตกหน้าผาขึ้นมาได้ใช่หรือไม่”
ต้วนอวิ๋นหว่านมือสั่น น้ำชากระฉอกออกมา แต่นางไม่สนใจ สองตาจ้องมาองซินโย่วเขม็ง “น้องชิงหมายความเช่นไร”
ซินโย่วเอียงตัวเล็กน้อยสบตาอีกฝ่ายตรงๆ “ในเมื่อข้านึกได้แล้ว ไยพี่หว่านยังแสร้งทำเลอะเลือนอีก ตอนนี้แม้แต่แป้งก็กลบเกลื่อนขอบตาพี่ไม่ได้แล้ว พี่ไม่กังวลแม้สักนิดจริงหรือ เหอะๆ ทำร้ายผู้อื่นนอนไม่เป็นสุขกระมัง”
“ข้าเปล่า เจ้าพูดจาเหลวไหล ข้า…” ต้วนอวิ๋นหว่านลนลาน สบดวงตาดำที่คล้ายมองทะลุถึงก้นบึ้งของจิตใจคู่นั้น คำพูดแก้ตัวเหล่านั้นก็ติดอยู่ที่ลำคอ สุดท้ายได้แต่เค้นออกมาเพียงประโยคเดียวว่า “เจ้า…เจ้าต้องการอย่างไร”
ซินโย่วยิ้ม “เดิมข้าคิดไปหาท่านยายเปิดโปงว่าพี่ทำร้ายข้า แต่พอมาคิดให้ดี ข้ากับพี่หว่านไม่มีความแค้นต่อกัน ถึงกับตอนมาจวนรองเจ้ากรมใหม่ๆ พี่หว่านยังนับว่าดูแลข้า ไม่มีเหตุผลที่พี่จะลงมือฆ่าข้า…”
ต้วนอวิ๋นหว่านฟังซินโย่วนิ่งเงียบ น้ำตาไหลรินออกมา
“หลายครั้งเห็นพี่หวา ก็รู้สึกว่าพี่หวาไม่พอใจข้า ข้าถามเสี่ยวเหลียน ที่แท้พี่หวาเป็นห่วงว่าข้าจะแต่งกับพี่ใหญ่ ท่านป้าใหญ่เป็นคนรักหน้า หากเห็นด้วยกับการแต่งงานนี้ก็ย่อมห้ามพี่หวาไว้ได้” ซินโย่วยิ้มเอ่ยต่อ“ดังนั้นข้าคิดแล้ว แท้จริงคนที่ไม่พอใจการแต่งงานนี้ก็คือท่านป้า นางเป็นคนใช้ให้พี่หว่านมาทำร้ายข้ากระมัง”
“เจ้ารู้ได้อย่างไร!” ต้วนอวิ๋นหว่านเบิกตาโต คล้ายว่าเป็นครั้งแรกที่ได้รู้จักคนตรงหน้าแท้จริง
ซินโย่วหลุบตาลงดื่มน้ำชา เอ่ยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า “หากข้านึกอันใดไม่ออก ก็ย่อมไม่รู้ ตอนนี้นึกบางเรื่องออก คาดเดาเรื่องเหล่านี้ก็คงไม่ยากกระมัง”
ต้วนอวิ๋นหว่านนิ่งอึ้งไปนาน พลันยกสองมือปิดหน้า “ข้าไม่อยากทำ แต่ข้าไร้หนทาง! ท่านแม่เอาเรื่องแต่งงานมาบีบข้า ข้าไม่กล้าไม่เชื่อฟังนาง”
นางคว้ามือซินโย่วไว้พลางส่งสายตาขอร้อง “น้องชิง ขอร้องเจ้าอย่าพูดออกไป เหลือทางให้ข้าเดินด้วยเถอะนะ ข้าแค่อยากแต่งงานออกไปอย่างราบรื่น ไม่ต้องตกอยู่ในน้ำมือผู้อื่น…”
ซินโย่วปล่อยให้นางกำข้อมือนางไว้ เอ่ยน้ำเสียงเย็นเยียบ “พี่หว่านเป็นคนฉลาด หรือคิดไม่เข้าใจ คนที่ไม่เหลือทางเดินให้พี่ไม่ใช่ข้า”
ต้วนอวิ๋นหว่านสีหน้านิ่งอึ้ง คล้ายฟังไม่เข้าใจ
“ข่าวลือข้างนอก พี่หว่านรู้ใช่หรือไม่”
ต้วนอวิ๋นหว่านส่ายหน้า หลายวันนี้จิตใจนางไม่เป็นสุข เรื่องในจวนก็มิได้ให้ความสนใจ จะไปสนใจเรื่องนอกจวนหรือ
“ลือกันว่า ที่ข้าตกเขาและม้าตื่นตกใจเป็นฝีมือคน จวนรองเจ้ากรมคิดครอบครองสมบัติข้า…”
ต้วนอวิ๋นหว่านตกใจสูดลมหายใจเฮือก
ท่านป้าใหญ่ให้นางทำร้ายน้องชิง ใช่ว่านางไม่เคยคิดถึงสาเหตุนี้ แต่ที่นางตกใจก็เพราะมีข่าวลือเช่นนี้ออกไปได้อย่างไร
ซินโย่วจ้องมองต้วนอวิ๋นหว่าน “พอมีข่าวลือนี้ ท่านป้าใหญ่กังวลว่าข้าจะฟื้นคืนความจำได้ พี่หว่านคิดว่านางจะทำอย่างไรต่อ”
ต้วนอวิ๋นหว่านอ้าปากค้าง ในห้วงความคิดว่างเปล่า
ซินโย่วน้ำเสียงเย็นเยียบ เอ่ยการคาดเดาที่โหดร้ายยิ่งออกมา “นางเอาชีวิตข้าเพื่อทรัพย์สมบัติได้ ก็ปกป้องชื่อเสียงตนเองด้วยการฆ่าคนปิดปากได้ พี่หว่าน พี่รู้ไหมว่าชีวิตพี่กำลังตกอยู่ในอันตราย”
“ข้า ข้าควรทำเช่นไรดี” ต้วนอวิ๋นหว่านสีหน้าซีดเผือดถามขึ้นด้วยสัญชาตญาณ
“เปิดโปงความผิดท่านป้าใหญ่ต่อหน้าทุกคน พี่หว่านถูกบีบบังคับ เล่าความจริงออกมา แม้ว่าโดนลงทัณฑ์ แต่อย่างไรก็ดีกว่าเอาชีวิตไปทิ้งมากนัก”
“ไม่ได้!” ต้วนอวิ๋นหว่านส่ายหน้าเต็มแรง ไม่อาจยอมรับทางเลือกออกไปสารภาพความจริงได้ เพราะลุกขึ้นยืนกะทันหันทำให้โงนเงน สองมือยันโต๊ะไว้จึงยืนนิ่งได้
“ข้า ข้าขอตัวก่อน…”
ต้วนอวิ๋นหว่านเดินเข่าอ่อนหมดแรงออกไป ซินโย่วมองตามแผ่นหลังนางที่หมดแรงออกไป ก็ไม่ได้เอ่ยอันใดต่อ
ส่งต้วนอวิ๋นหว่านกลับไปแล้ว เสี่ยวเหลียนก็เดินเข้ามา เช็ดโต๊ะไปถามไปว่า “คุณหนู คุณหนูใหญ่ไม่ยินยอมเปิดโปงนายหญิงใหญ่ จากนี้ไปพวกเราจะทำเช่นไรต่อ”
ซินโย่วยิ้ม “มีบางคนคิดเข้าข้างตนเอง ไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา ปฏิกิริยาต้วนอวิ๋นหว่านเป็นไปดังคาด เสี่ยวเหลียน ทุกเช้าเจ้าคอยจับสังเกตบ่าวหญิงใช้แรงงานในเรือนนายหญิงใหญ่ผู้นั้นไว้ รายงานชุดที่นางใส่ให้ข้ารู้ด้วย”
“เจ้าค่ะ” เสี่ยวเหลียนขยับปาก อยากรู้ว่าเหตุใดต้องคอยจับสังเกตการแต่งกายของบ่าวหญิงใช้แรงงานในเรือนนายหญิงใหญ่แซ่จ้าวผู้นั้นไว้ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้เอ่ยถามอันใด
กล่าวตามตรง นางกับนายใหม่ไม่ได้เติบโตมาแต่เล็กด้วยกัน นางเคารพนาง เลื่อมใสนาง แต่กลับไม่ได้สนิทใจคุยกับนางได้ทุกเรื่องเหมือนคุณหนูนางที่สนิทสนมใกล้ชิดกันอย่างไร้ช่องว่าง
เดิมซินโย่วเองก็ไม่คิดว่าจะสนิทสนมกับเสี่ยวเหลียนอย่างไร้ช่องว่างระหว่างกัน
บรรดาคนสนิทสนมไร้ช่องว่างกับนางล้วนจากไปหมดแล้ว นางกับเสี่ยวเหลียนไว้วางใจกันและกันได้ก็เพียงพอแล้ว
ผ่านไปอีกสามวัน ระหว่างทางไปคำนับที่เรือนหรูอี้ถัง เสี่ยวเหลียนกระซิบบอกการแต่งกายของบ่าวหญิงใช้แรงงานแซ่จ้าวผู้นั้น “แน่ใจว่านางปักปิ่นเงินหรูอี้?”
“แน่ใจเจ้าค่ะ บ่าวมองละเอียดแล้ว”
จะว่าไป ยังดีที่คุณหนูให้นางจับตาดูบ่าวหญิงใช้แรงงานคนหนึ่ง
บ่าวหญิงผู้นี้แม้อยู่ในเรือนนายหญิงใหญ่ แต่กลับไม่ได้พักอยู่ในเรือนหย่าซินย่วน แต่อยู่เรือนบ่าวระดับล่างลงไปที่เรือนพักด้านหลัง ไม่เช่นนั้นหากเป็นพวกที่มีหน้ามีตาพอได้พักอยู่ในเรือนของนายหญิงใหญ่ คิดสืบข่าวก็คงไม่สะดวกสักเท่าไร
ปิ่นเงินหรูอี้…
ซินโย่วแอบคิดในใจ พอเดินไปถึงเรือนหรูอี้ถัง ก็ส่งสายตามองไปที่ต้วนอวิ๋นหว่านเงียบๆ
วันนี้ต้วนอวิ๋นหว่านสวมชุดกระโปรงจีบสีส้ม อาจเพราะต้องการเสริมสีสัน ปิ่นปักผมยังเป็นดอกไห่ถังสีชมพูสองดอก มองดูแล้วมีชีวิตขึ้นมากว่าหลายวันก่อนมาก
คล้ายรู้สึกได้ถึงสายตาของซินโย่ว ต้วนอวิ๋นหว่านเบือนหน้าหลบสายตานาง
ซินโย่วถอนสายตากลับ ในใจแอบถอนหายใจ ดูท่าก็คงเป็นวันนี้แล้ว
วันนั้นภาพตอนต้วนอวิ๋นหว่านประสบเหตุ นางส่งคนไปสวนดอกไม้จับตาดูสองวันก็รู้สึกว่าไม่ใช่หนทางที่ดี
การเฝ้ารออย่างโง่งมเช่นนี้ ดูจะโง่เขลาเกินไปสักหน่อย และก็ตกเป็นฝ่ายเฝ้ารอมากเกินไป
นางหวนคิดถึงภาพที่ได้เห็นอย่าละเอียด ในที่สุดก็คิดได้ว่าจะรู้วันเกิดเหตุได้อย่างไร
ในภาพนั้น นางเห็นคนโดนทำร้ายและก็เห็นฆาตกร เพียงแค่รอวันใดคนโดนทำร้ายกับฆาตกรแต่งกายเหมือนในภาพ ก็แทบจะแน่ใจได้ว่าเป็นวันนั้นแล้ว
ซินโย่วหลับตา ภาพในห้วงความคิดค่อยๆ ลอยเด่นขึ้นมา
ปลาไนตกใจว่ายหนี ใบหน้าที่ลอยเหนือน้ำ ยังมีกลีบดอกไห่ถังร่วงโรย
กลับถึงเรือนหว่านฉิง ซินโย่วสั่งการเสี่ยวเหลียน “นัดคุณหนูสามให้ข้าหน่อย”
หลังเที่ยง ซินโย่วรออยู่หลังพุ่มดอกไม้ในสวนดอกไม้ ต้วนอวิ๋นหลิงก็มาตามนัด
“พี่ชิงหาข้ายามนี้ ไม่ทราบว่ามีเรื่องอันใดหรือ” เสี่ยวเหลียนพาหนิงชุ่ยสาวใช้ต้วนอวิ๋นหลิงไปเลี่ยงไปยืนด้านหลังแล้ว ต้วนอวิ๋นหลิงก็กระซิบถาม
ซินโย่วมองปฏิกิริยาของต้วนอวิ๋นหลิงออก การเชื้อเชิญมากะทันหันทำให้อีกฝ่ายค่อนข้างกังวล และทำให้นางยิ่งแน่ใจการคาดเดาของนาง
ต้วนอวิ๋นหลิงเป็นคนที่รู้เห็นเรื่องทั้งหมด