สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 43 เอาชนะด้วยปัญญา
ตอนที่ 43 เอาชนะด้วยปัญญา
ซินโย่วไม่พูดอันใดกับเหล่าช่างพิมพ์มากนัก หันไปสั่งให้ผู้ดูแลหูจัดการส่งรายชื่อทุกคนมาให้นางชุดหนึ่ง เล่าเรื่องช่างพิมพ์ทั้งหมดอย่างละเอียด
ผู้ดูแลหูถูกห้าร้อยตำลึงของซินโย่วทำเอาจิตใจยังแตกตื่นอยู่ ยามนี้หันไปตั้งใจจัดการรายชื่อ
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ทำงานเถอะ” ซินโย่วก้าวไปด้านหลัง
จัดข้าวของที่นำมาจากจวนรองเจ้ากรมการเรียบร้อยพอสมควรแล้ว นางก็ลงนั่งบนเก้าอี้นอน เรียกเสี่ยวเหลียนมาสั่งการว่า “ไปร้านหนังสือตรงข้าม ซื้อนิยายเล่มใหม่ของท่านผิงอันมาเล่มหนึ่ง”
ในเมื่อร้านหนังสืออาศัยนิยายขายดีทำกำไร นิยายที่ท่านผิงอันเขียนได้รับความนิยามอย่างมาก ย่อมต้องอ่านนิยายของเขาสักหน่อย จะได้รู้ว่าเขียนเรื่องราวประเภทใด
เสี่ยวเหลียนรับคำ เพราะเก็บข้าวของทำให้ฝุ่นเกาะตามเสื้อผ้า จึงกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าสะอาดก่อนจะออกไป
หน้าร้านหนังสือชิงซงมีคนมามุงกันไม่น้อย เหตุนี้จึงทำให้มีคนสองสามคนเดินเข้ามาในร้านหนังสือเลือกหาซื้อหนังสือติดมือไปด้วย
ผู้ดูแลร้านหนังสือหย่าซินแซ่กู่ ผู้ดูแลร้านกู่เห็นคนถือหนังสือออกมาจากร้านหนังสือชิงซงสีหน้าก็พลันสงสัย
สาวน้อยตัวเล็กๆ นี่ก็ไม่ธรรมดาเหมือนกัน
คิดถึงว่าหนังสือสองสามเล่มขายออกเพราะเอาเงินห้าร้อยตำลึงหลอกล่อให้คนมา สีหน้าผู้ดูแลร้านกู่ก็พลันไม่พอใจขึ้นมา
เขาก็อยากรอดูว่า ห้าร้อยตำลึงจะซื้อนิยายดีเช่นไรได้
กิจการสื่อสิ่งพิมพ์ในเมืองหลวงรุ่งเรืองอย่างมาก หนังสือให้ความรู้ย่อมมีคนซื้อในวงจำกัด ส่วนหนังสือนิยายพวกนี้ชาวบ้านทั่วไปที่พอรู้หนังสืออยู่บ้างก็จะมาซื้อกัน นักเขียนดีย่อมเป็นที่แย่งชิงตัวของบรรดาร้านหนังสือ
อย่าว่าแต่นักเขียนเช่นท่านผิงอัน เหลียวมองไปทั่วเมืองหลวง นักเขียนที่เขียนนิยายออกมาได้ในใจเขาก็นับจำนวนได้ สำหรับพวกที่มีความสามารถ ไม่เซ็นสัญญาไปแล้วก็เป็นพวกมีความร่วมมือกัน
ร้านหนังสืออื่นก็ไม่แตกต่างกัน เขาไม่เชื่อว่าเมืองหลวงจะมีนักเขียนนิยายผุดขึ้นมาได้
ผู้ดูแลร้านกู่คิดไปคิดมาก็รู้สึกสบายใจ หันหลังเดินกลับร้านหนังสือหย่าซิน
ไม่นาน เสี่ยวเหลียนก็เดินเข้ามาถามอย่างสุภาพว่า “ไม่ทราบว่านิยายออกใหม่ของท่านผิงอัน ขายอย่างไร”
ไม่ทันรอให้ผู้ดูแลร้านกู่เอ่ย คนงานก็ตอบว่า “ขายหมดแล้ว!”
เสี่ยวเหลียนเผยสีหน้าผิดหวัง “ขายหมดแล้วหรือ”
นิยายท่านผิงอันไม่ใช่ว่าเพิ่งเริ่มขายไหม
“ขายหมดแล้วจริงๆ พี่สาวอยากซื้อ รอให้พิมพ์เพิ่มค่อยมานะ”
“แล้วจะพิมพ์เพิ่มเมื่อใด”
“ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน พี่สาวแวะมาดูบ่อยๆ ได้”
เสี่ยวเหลียนพยักหน้ากลับไปอย่างผิดหวัง
คนงานเห็นนางเดินพ้นประตูร้านไปก็รีบบอกผู้ดูแลร้านกู่ “ท่านผู้ดูแลร้าน สาวน้อยที่มาเมื่อครู่ก็คือสาวใช้ของเจ้าของร้านคนใหม่ร้านตรงข้าม นี่มาสืบสถานการณ์คู่แข่งแน่เลย!”
ผู้ดูแลร้านกู่แค่นเยาะ “วันหน้าระวังหน่อย ดูท่าเจ้าของร้านหนังสือชิงซงคนใหม่ไม่เหมือนเจ้าแซ่เสิ่นสงบเสงี่ยมผู้นั้น”
พอเสี่ยวเหลียนออกไปถูกลมพัดกระทบ สมองก็กระจ่างขึ้นมา
หรือว่าพวกเขาจำสถานะนางได้ จึงจงใจไม่ยอมขายให้นาง?
คิดถึงความเป็นไปได้นี้แล้ว เสี่ยวเหลียนก็แอบหลบไปข้างทาง ตั้งใจรอลูกค้าเดินเข้าไปในร้านหนังสือหย่าซิน
เพราะมีประกาศร้านหนังสือชิงซงดึงดูด ลูกค้าเข้าร้านหนังสือหย่าซินจึงไม่มาก แต่ก็มีคนมากันเป็นระยะๆ เสี่ยวเหลียนอดทนรอจนได้ตัวเลือกที่เหมาะสม เป็นสาวน้อยแต่งกายธรรมดา
“โอ๊ย!” นิยายเล่มใหม่ในมือสาวน้อยร่วงลงพื้น นางอดเลิกคิ้วชักสีหน้าใส่เสี่ยวเหลียนไม่ได้ “เจ้าเดินอย่างไรกัน!”
เสี่ยวเหลียนรีบเก็บนิยายบนพื้นขึ้นมาพร้อมกับขอโทษขอโพย “ขออภัยๆ ข้าใจร้อนไปหน่อย”
สาวน้อยรับนิยายมาขมวดคิ้วแน่นเอ่ยว่า “หนังสือใหม่ซื้อมาสามร้อยเหรียญทองแดงสกปรกไปหมดแล้ว แย่จริง”
“พี่สาวอย่าได้โมโห ข้าขอซื้อต่อห้าร้อยเหรียญ พี่ค่อยไปซื้อเล่มใหม่นะเจ้าคะ”
ได้ยินเสี่ยวเหลียนเอ่ยเช่นนี้ สาวน้อยกลับรู้สึกเขินอายแทน “เอาเถอะๆ”
เสี่ยวเหลียนควักห้าร้อยเหรียญยัดใส่มือสาวน้อยพร้อมกับเผยรอยยิ้มหวาน “เป็นนิยายที่ข้ายังไม่ได้อ่านพอดี เดิมก็ว่าจะไปซื้อ สองร้อยเหรียญก็ถือว่าข้าเลี้ยงน้ำชาพี่สาวเป็นการขอขมาก็แล้วกัน”
ไม่รอให้สาวน้อยลังเล เสี่ยวเหลียนก็รีบคว้านิยายมาก่อนจะเอ่ยขอโทษอีกครั้งแล้วรีบเดินจากไป
สาวน้อยได้สองร้อยเหรียญมาเปล่าๆ ย่อมไม่มีเหตุให้ไม่พอใจ เดินกลับไปร้านหนังสือหย่าซินอีกครั้งอย่างดีอกดีใจ
“คุณหนู บ่าวกลับมาแล้วเจ้าค่ะ” เสี่ยวเหลียนเดินจ้ำกลับเข้ามา ปลายจมูกยังมีเหงื่อซึม
ซินโย่วส่งผ้าเช็ดหน้าให้ “เช็ดเหงื่อก่อน ไปตั้งนาน ไม่ค่อยราบรื่นใช่หรือไม่”
“คุณหนูคาดการณ์ดังเทพเซียน คนงานร้านหนังสือหย่าซินบอกว่าขายหมดแล้ว โชคดีที่บ่าวเอะใจ แอบสอบถามคนไปซื้อหนังสือร้านเขา จึงได้พบว่าไม่ใช่ขายหมด แต่ไม่ขายให้บ่าว น่าจะจำสถานะบ่าวได้”
เสี่ยวเหลียนบ่นไม่พอใจพลางส่งนิยายให้ซินโย่ว พร้อมเล่าว่าได้มาได้อย่างไร
ซินโย่วมองไปที่ชื่อหนังสือ หนังสือใหม่ชื่อว่า ‘เซียนผีเสื้อ’ ลองพลิกอ่านคร่าวๆ รอบหนึ่ง ก็ส่งให้เสี่ยวเหลียน “เจ้าอ่านดู”
เสี่ยวเหลียนเริ่มอ่านอย่างอยากรู้อยากเห็นทันที ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว แต่สายตายังจดจ้องอยู่ที่นิยาย
“เป็นอย่างไรบ้าง” ซินโย่วถาม
สาวใช้ที่กำลังก้มหน้าอ่านนิยายเงยหน้าขึ้น สายตาตื่นเต้น “สนุกมาก!”
ซินโย่ว “…”
อย่างอื่นไม่ว่า จาก ‘บันทึกโบตั๋น’ ‘บันทึกจิ้งจอกวิเศษ’ มาจนถึง ‘เซียนผีเสื้อ’ แสดงให้เห็นว่าชาวเมืองหลวงชอบนิยายประเภทภูติผีเทพเซียน
หากเป็นเช่นนี้ นางก็พอจะรู้แล้ว
ข่าวร้านหนังสือชิงซงจะซื้อต้นฉบับนิยายห้าร้อยตำลึงแพร่ไปทั่วเมืองหลวง นักเขียนนิยาย บัณฑิตตกยาก ถึงกับขุนนางระดับล่างที่กินเบี้ยหวัดน้อยนิด นักเรียนสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ต่างพากันแอบเขียนนิยาย หลายวันมานี้ประตูร้านหนังสือชิงซงที่เคยเงียบเหงาตบยุงก็พลันถูกคนเหล่านี้เหยียบธรณีประตูแทบพัง
ผู้คนชอบติดตามเรื่องครึกครื้นที่สุด ความอยากรู้อยากเห็นทำให้อดมาเดินดูในร้านหนังสือไม่ได้ คนสิบคนหรือแม้แค่สองคนซื้อหนังสือติดไม้ติดมือกลับไป รวมกันก็จำนวนไม่น้อย
ผู้ดูแลหูน้ำตาซึม “ท่านเจ้าของร้าน ท่านทำการค้าเป็นจริงๆ!”
ห้าร้อยยังไม่ได้จ่ายออกไป แต่หนังสือที่ฝุ่นจับหลายเล่มถึงกับขายหมดแล้ว!
พอเป็นเช่นนี้ ไม่เพียง‘บันทึกโบตั๋น’ ที่ซินโย่วสั่งการไปว่าต้องการพิมพ์ ผู้ดูแลหูยังเลือกรวมบทคัดสรรกวีนิพนธ์ที่ขายดีที่สุดเล่มหนึ่งมาพิมพ์ใหม่ด้วย
“ท่านเจ้าของร้าน หรือว่าพวกเราเพิ่มเป็นหนึ่งพันตำลึงดีขอรับ พวกที่ได้ยินก็จะมากันมากยิ่งขึ้น”
ส่วนเรื่องว่าจะได้จ่ายหนึ่งพันตำลึงจริงหรือไม่เป็นคนละเรื่องกัน แค็กๆ ไม่ใช่ร้านหนังสือตัดสินหรือ
ซินโย่วส่ายหน้าปฏิเสธ “ไม่จำเป็น ห้าร้อยตำลึงเป็นราคาที่จริงใจมาก หากจ่ายพันตำลึงซื้อนิยาย เสี่ยงขาดทุนมากเกินไป หากใช้ราคาสูงเป็นตัวล่อหลอกแล้วไม่ซื้อจริง นานวันเข้าก็ไม่มีคนมาแล้ว ดังนั้นไม่ว่าอย่างไรก็ต้องพิมพ์นิยายที่ได้รับความนิยมมาขาย”
“ท่านเจ้าของร้านกล่าวได้ถูกต้อง ดีที่สุดระยะนี้ก็ต้องเฟ้นหานิยายที่ดีมาให้ได้ พลิกฟื้นร้านหนังสือ”
ซินโย่วยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ผู้ดูแลร้านถือโอกาสตีพิมพ์รวมบทคัดสรรกวีนิพนธ์เพิ่ม ไม่เลวจริงๆ เดิมก็เป็นแม่พิมพ์ที่มีอยู่แล้ว ต้องการเพียงแค่หมึกและคนงานลงแรงเท่านั้น แต่ก็ต้องคุมให้ดี อย่าได้ขายสินค้าไม่ดีให้ลูกค้าทำลายชื่อเสียงของร้านหนังสือ”
“ท่านเจ้าของวางใจได้เลยขอรับ” ผู้ดูแลหูตบหน้าอกรับประกัน
รอยยิ้มซินโย่วจางหายไป ยกมือขึ้นกดหางตาไว้