สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 54 วางขาย ตอนที่ 55 ร่วมทุกข์
ตอนที่ 54 วางขาย / ตอนที่ 55 ร่วมทุกข์
ตอนที่ 54 วางขาย
เด็กหนุ่มที่ชื่อสือโถว รอคำตอบผู้ดูแลร้านหูอย่างเคร่งเครียด
“ก็ต้องไปขอเจ้าของร้านก่อนค่อยว่ากัน” แม้ผู้ดูแลร้านหูรู้สึกว่าไม่น่าจะมีปัญหา แต่กลับไม่ตัดสินใจด้วยตนเอง ส่งหลิวโจวไปขอความเห็นจากซินโย่ว
ซินโย่วยังพอจำเด็กหนุ่มผู้นี้ได้ อย่างไรก็อยู่ ออกไปดูสักหน่อยก็ได้
พอสือโถวเห็นซินโย่วก็ลงคุกเข่าโขกศีรษะ “โชคดีที่ท่านมอบเงินให้ มารดาผู้น้อยจึงไม่ขาดยา รักษาหายแล้วขอรับ…”
ผู้ดูแลร้านหูอยู่ข้างๆ เอ่ยว่า “ท่านเจ้าของร้าน เด็กคนนี้ชื่อว่าสือโถว ตอนนี้มารดาเขาดีขึ้นมากแล้ว ไม่ต้องการคนดูแลใกล้ชิดอีกแล้ว เขาคิดกลับมาทำงาน ท่านว่า…”
“สือโถว เจ้าลุกขึ้นก่อน”
สือโถวลุกขึ้นอย่างเชื่อฟังยิ่ง สายตาที่มองซินโย่วเต็มไปด้วยความคาดหวังและตื่นเต้น
“ข้าได้ยินผู้ดูแลร้านบอกว่าก่อนหน้านี้เจ้าเรียนรู้การแกะแม่พิมพ์กับอาจารย์ช่างหรือ”
น้ำเสียงซินโย่วคุยเหมือนเรื่องทั่วไปทำให้สือโถวผ่อนคลายลง “ขอรับ”
“ชอบแกะแม่พิมพ์หรือ”
“ชอบ…”
แม้ว่าสือโถวจะตอบทันที แต่ซินโย่วก็ยังรู้สึกว่าเด็กหนุ่มลังเล นางยิ้มเอ่ยว่า “ความจริงตอนนี้ต้องการคนงานต้อนรับแขกสักคนอยู่พอดี”
หลิวโจวอึ้งมองซินโย่ว น้ำตาแทบร่วง
ท่านเจ้าของร้าน ท่านจะไม่เอาข้าน้อยแล้วหรือ!
สือโถวเองก็อดมองหลิวโจวไม่ได้
ซินโย่วยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “หลิวโจวคนเดียวทำงานไม่ทัน”
พอได้ยินเช่นนี้ หลิวโจวก็ถอนหายใจ พยักหน้าหงึกๆ “ใช่ๆ ข้าคนเดียวทำงานไม่ทัน!”
ผู้ดูแลร้านหู “…” นี่มิใช่กล่าววาจาเท็จหน้าตาเฉยหรือ
“ขอเพียงท่านเจ้าของร้านรับข้าไว้ ให้ข้าทำอันใดก็ได้” สือโถวรีบแสดงท่าที
“วันหน้าเจ้าก็ช่วยหลิวโจวต้อนรับแขก ได้รับเงินเดือนแปดส่วนของหลิวโจว อีกสามเดือนหากทำได้ดี ก็จะให้เท่ากับหลิวโจว”
“ขอบคุณท่านเจ้าของร้านขอรับ ขอบคุณท่านเจ้าของร้าน!”
สือโถวคิดจะคุกเข่าโขกศีรษะ ซินโย่วโบกมือห้าม “ผู้ดูแลร้าน ท่านสอนสือโถวสักหน่อยว่าต้องระวังเรื่องใดบ้าง”
พอซินโย่วไปแล้ว ผู้ดูแลร้านหูก็สอนงานอย่างละเอียด ตั้งใจเน้นว่า “เห็น ‘บันทึกโบตั๋น’ บนชั้นหนังสือไหม หากมีคนมาซื้อ ก็พยายามสังเกตสถานะอีกฝ่ายให้กระจ่าง หากคนที่มาซื้อเป็นหญิงสาว ขอเพียงท่านเจ้าของร้านอยู่ร้านหนังสือก็ให้รีบไปรายงานนางทันที”
แม้สือโถวรู้สึกว่าข้อกำหนดแปลกประหลาด แต่ก็ไม่ถามมากความ เอ่ยเพียงว่า “ท่านผู้ดูแลวางใจ ข้าจดจำได้แล้ว”
ผู้ดูแลร้านหูเผยรอยยิ้มชื่นชม “อย่าเห็นเจ้าของร้านเราอายุยังน้อย นางมิใช่คนธรรมดา สือโถว เจ้าเป็นคนฉลาด วันหน้าตั้งใจทำงาน อนาคตย่อมยาวไกลเป็นแน่”
หลิวโจวข้างๆ แอบค้อนปะหลับปะเหลือก
เอาอีกแล้ว วันๆ เอาแต่บอกว่าเจ้าของร้านมิใช่คนธรรมดา พอถามก็บอกไม่อาจบอกได้ เชอะ เขาก็รู้ว่านางไม่ใช่คนธรรมดาหรอก คนทั่วไปซื้อร้านหนังสือจะหาเงินหนึ่งหมื่นตำลึงได้หรือ
พออยู่กันส่วนตัว สือโถวก็ขอคำแนะนำจากหลิวโจว “พี่หลิว หากพบลูกค้ามาซื้อ ‘บันทึกโบตั๋น’ ท่านจะสอบถามสถานะเขาอย่างไรหรือ”
“เรื่องนี้หรือ…” มองสายตารอคอยคำแนะนำของเด็กหนุ่มแล้ว หลิวโจวก็เขกศีรษะเขาทีหนึ่ง “ไม่เห็น ‘บันทึกโบตั๋น’ มีแต่ฝุ่นจับหรือ จะมีลูกค้าที่ไหนมาซื้อ”
‘บันทึกโบตั๋น’ เป็นนิยายขายดีนั้นไม่ผิด แต่เพราะว่าตอนนั้นแทบทุกคนต่างซื้อไปเล่มหนึ่งแล้ว ตอนนี้ ‘บันทึกจิ้งจอกวิเศษ’ ‘เซียนผีเสื้อ’ ของท่านผิงอันออกวางขายแล้ว ผู้ใดยังจะซื้อ ‘บันทึกโบตั๋น’ กัน คนมากมายซื้อหนังสือใหม่ยังหาเงินกันไม่ทันเลย
ตามความเห็นของเขา การพิมพ์ ‘บันทึกโบตั๋น’ เพิ่ม เป็นการเสียเงินเปล่า ไปหวังกับหนังสือใหม่ที่กำลังพิมพ์อยู่ในโรงพิมพ์ดีกว่าไหม
สำหรับหนังสือใหม่ที่จะออกมา นอกจากผู้ดูแลร้านหูกับหัวหน้าจ้าวที่ได้อ่านเนื้อหาทั้งหมดในเล่มแรกแล้ว คนอื่นๆ ล้วนไม่มั่นใจ ความเงียบเหงาในร้านหนังสือทำให้พวกเขาต่างร้อนใจว่าจะตกงาน
ในเช้าวันธรรมดาๆ วันหนึ่ง ประกาศธรรมดาๆ ประกาศหนึ่งแปะลงบนกำแพงนอกร้านหนังสือชิงซง ไม่นานก็มีคนมามุงอ่านกันไม่น้อย
ไม่แปลก ผู้ใดให้ร้านหนังสือชิงซงแปะประกาศสองครั้งล้วนเป็นข่าวสารที่ไม่ค่อยเคยได้ยินได้ฟัง
“โอะ มีนิยายใหม่วางขายแล้ว ‘วาดหนัง’? ชื่อประหลาดมาก หมายความว่าอย่างไร”
อ่านต่อไป คนผู้นั้นก็อดอ่านออกเสียงดังไม่ได้ “สาวงามสุดยอดเป็นหญิงสาวหรือผีสาง เป็นวาสนารักงดงามผู้คนล้วนอิจฉาหรือเป็นเคราะห์ร้ายที่ถูกชะตากำหนดให้ต้องเผชิญ คำตอบอยู่ใน ‘วาดหนัง’ …”
“เอ๋ ฟังแล้วน่าสนใจอยู่นะ” ชายหนุ่มผู้หนึ่งแต่งกายแบบบัณฑิตอ่านเช่นนี้ไปพลางอดก้าวเข้าไปในร้านหนังสือชิงซงไม่ได้
“เชอะ ท่านซงหลิงไร้ชื่อเสียง จะเขียนนิยายดีได้หรือ” คนที่สงสัยนักเขียนพากันขมวดคิ้วพึมพำ แต่ตนเองก็เดินเข้าไปในร้านหนังสือชิงซง
“เอ๋ จะเป็นนักเล่านิยายไร้ชื่อเสียง ไว้ใจไม่ได้ไหม”
คนผู้นั้นกระแอมไอเบาๆ ทีหนึ่ง “ก็เหมือนจะเป็นเช่นนี้ แต่ข้อความที่เขียนไว้บนประกาศน่าสนใจอยู่นะ อย่างไรก็แค่ไม่กี่ร้อยเหรียญทองแดง ซื้อมาแล้วเปิดๆ อ่านดูหน่อยก็ได้”
ผู้ที่ถามเผยแววตาปวดใจ
เข้าใจแล้ว เจ้านี่ไม่ขาดแคลนเงินทอง
มีคนกลุ่มหนึ่งชอบอ่านนิยายมาก แต่เงินทองฝืดเคือง รู้ว่าร้านหนังสือตรงข้ามกำลังจะวางขาย ‘เซียนผีเสื้อ’ ไม่ทันได้มาซื้อในรอบแรก จึงตัดสินใจเก็บเงินไว้รอดีกว่า
แต่แม้เป็นเช่นนี้ ก็ยังมีคนเดินเข้ามาซื้อหนังสือต่อเนื่อง เพียงพอจะทำให้ผู้ดูแลร้านหูน้ำตาซึม
“ท่านเจ้าของร้าน ท่านคิดได้อย่างไรว่าให้เขียนข้อความเหล่านั้นลงบนประกาศ ได้ผลดีมากๆ! ขอรับ”
ตอนที่ 55 ร่วมทุกข์
“การค้าดูแล้วไม่เลว” สหายร่วมชั้นเรียนผู้หนึ่งเขยิบเข้ามาเอ่ยด้วยท่าทางอยากรู้อยากเห็น อ่านข้อความโฆษณาบนประกาศ “สาวงามสุดยอด…”
‘สาวงามสุดยอด’ สี่คำนี้ทำให้นักเรียนที่ตามต้วนอวิ๋นหลางมาหวั่นไหว
แค็กๆ ล้วนเป็นเด็กหนุ่มอายุยี่สิบกว่าสิบกว่าคน ผู้ใดไม่อยากอ่านนิยายเกี่ยวกับสาวงามสุดยอดกัน หากสาวงามสุดยอดเป็นภูติผีหรือปีศาจ เช่นนั้นก็ยิ่งอยากอ่าน
นักเรียนสิบกว่าคนพากันกรูเข้าไปในร้านหนังสือชิงซง
“ลูกค้าผู้มีเกียรติทุกท่านระวังเหยียบกันขอรับ เชิญจ่ายเงินทีละคน” หลิวโจวส่งหนังสือรับเงินมือไม้พัลวัน เรียกได้ว่าสีหน้ายินดียิ่ง
สือโถวข้างๆ แม้ว่าอายุน้อย แต่ก็ฉลาดเฉลียว งานเยอะขึ้นมาก็ไม่ลนลาน
คนงานสองคนสบตากันบ้าง แต่ในใจล้วนเอ่ยว่า เจ้าของร้านกล่าวได้ถูกต้อง คนงานคนเดียวทำงานไม่ทัน
ผู้ดูแลร้านหูเห็นความครึกครื้นในร้านหนังสือก็ตื้นตันใจและเริ่มเป็นกังวล
ตื้นตันใจที่นิยายใหม่วางขายวันแรก การค้าดีกว่าที่เขาคาดไว้มากนัก เริ่มเป็นกังวลก็คือเล่มสองจะขายได้เป็นอย่างไร ก็ต้องดูคนที่ซื้อไประลอกแรกว่าพอได้อ่านแล้วมีปฏิกิริยาอย่างไร
พอตกค่ำร้านหนังสือปิด ผู้ดูแลร้านหูนับนิยาย ‘วาดหนัง’ ที่ขายได้ทั้งหมดในวันนี้ ก็ประสานมือแสดงความยินดีกับซินโย่ว
“ก็ไม่เลว” ซินโย่วพยักหน้า หยิบต้นฉบับอีกเล่มออกจากแขนเสื้อส่งให้ไป
“นี่คือ…” พอเปิดอ่านแล้ว ผู้ดูแลร้านหูก็แววตาส่องประกาย “เล่มสองของ ‘วาดหนัง’ หรือ”
“ใช่ ท่านว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
ความจริงไม่ต้องให้ซินโย่วเอ่ย ผู้ดูแลร้านหูรออ่านต่ออย่างแทบทนไม่ไหวแล้ว
ฟ้าเท่านั้นที่รู้ หลายวันนี้เขาร้อนอกร้อนใจอยากรู้เพียงใด ถึงกับมีวันหนึ่งฝันยังฝันว่าตนเองเป็นหวางเซิง ปีนหน้าต่างร้านหนังสือมองเข้าไปด้านใน น่าเสียดายมองไม่เห็นอันใดก็ตื่นจากฝัน
ตอนนั้นเขารู้ได้เรื่องหนึ่ง ในฐานะคนที่ชอบอ่านนิยาย เรื่องที่ทรมานที่สุดคืออันใด
นิยายสนุก แต่ไม่จบ!
จากนั้นซินโย่วก็ได้เห็นสีหน้าแปรเปลี่ยนไปมาของผู้ดูแลร้านหู พลันหวาดกลัว พลันตื่นตกใจ พลันทอดถอนใจ…แต่ไรมาไม่เคยคิดว่าผู้ดูแลร้านสูงวัยจะแสดงสีหน้าได้หลากหลายเช่นนี้
เห็นผู้ดูแลร้านหูพลิกไปถึงหน้าสุดท้าย ซินโย่วถามขึ้นว่า “ผู้ดูแลร้านว่าเป็นอย่างไรบ้าง ยังรักษาระดับมาตรฐานเล่มแรกได้หรือไม่”
ผู้ดูแลร้านหูตบโต๊ะดังปัง “ไม่ใช่แค่รักษาระดับมาตรฐานเล่มแรกเท่านั้น เล่มสองกลับมีเนื้อหาน่ากลัวหักมุมไปมา ตอนจบยังไม่เหมือนธรรมดาทั่วไป ยังเตือนใจผู้อ่านได้อีก เรียกได้ว่าขั้นเทพ!”
คำวิพากษ์ระดับสูงเช่นนี้ทำให้ซินโย่วยิ้มกว้าง “ในเมื่อท่านว่าดี ก็จัดการตีพิมพ์ได้เลย”
“ตอนนี้?” ผู้ดูแลร้านหูนิ่งอึ้งไปทันที
“ตั้งแต่เล่มหนึ่งแกะแม่พิมพ์ไปจนออกเป็นเล่มต้องใช้เวลาไม่น้อย ตอนนี้ก็ควรเริ่มดำเนินการได้แล้ว รอให้ ‘วาดหนัง’ เล่มหนึ่งขายได้พอสมควรแล้ว เว้นสักระยะหนึ่งก็จะได้เวลาวางขายเล่มสองพอดี”
ผู้ดูแลร้านหูสีหน้าแปลกใจ “ท่านเจ้าของร้านจัดการเวลาได้เหมาะสมจริงๆ ขอรับ…”
“เช่นนั้นท่านคิดว่ามีปัญหาตรงไหนหรือ พวกเราหารือกันได้”
“ข้าน้อยเพียงแค่รู้สึกเป็นห่วงว่าเงินทองของพวกเราจะไม่พอ รอให้ ‘วาดหนัง’ เล่มหนึ่งขายได้พอสมควรแล้ว เก็บต้นทุนกลับคืนมาได้ค่อยตีพิมพ์เล่มสองจะเหมาะสมกว่า…”
ซินโย่วคลี่ยิ้ม “ท่านไม่มั่นใจ ‘วาดหนัง’ หรือ”
ความจริงผู้ดูแลร้านหูมั่นใจกับ ‘วาดหนัง’ มาก แต่ร้านหนังสือเงียบเชียบมานานเช่นนี้ จำต้องรอบคอบ ไม่กล้ามั่นใจมากจนเกินไป
ซินโย่วเข้าใจจิตใจผู้ดูแลร้านหู ยิ้มเอ่ยขึ้นว่า “ผู้ดูแลร้านไปจัดการเถอะ ไม่ต้องเป็นห่วงว่าเงินจะไม่พอ ข้ามีเงิน”
การทำการค้าเน้นความเสถียรภาพมั่นคงนั้นถูกต้อง แต่นางต้องการให้ร้านหนังสือชิงซงที่เงียบเหงามานานได้มีลูกค้ามาเยือนให้มากที่สุดโดยเร็ว โอกาสที่ตามหาเจ้าของ ‘บันทึกโบตั๋น’ เล่มนั้นจึงจะมากขึ้น
คิดถึง ‘บันทึกโบตั๋น’ เปื้อนโลหิตเล่มนั้นแล้ว แววตาซินโย่วก็หม่นลง
นางมาเมืองหลวงตัวคนเดียว สิ่งที่ต้องการแต่ไรมาไม่ใช่การทำการค้ารุ่งเรือง แต่คือการตามหาตัวฆาตกรสังหารมารดานาง
คำพูดซินโย่วทำให้ผู้ดูแลร้านหูรู้สึกได้ยาระงับความเครียดเม็ดหนึ่ง “ในเมื่อเงินทองไม่ใช่ปัญหา ข้าน้อยก็จะรีบไปจัดการตอนนี้”
ในห้องหนึ่ง ณ สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน มีนักเรียนอยู่ในนั้นสี่คนรวมทั้งต้วนอวิ๋นหลาง ยามนี้ทุกคนถือ ‘วาดหนัง’ ในมือเล่มหนึ่ง เปิดอ่านอย่างสบายใจ ถือว่าเป็นการฆ่าเวลาก่อนดับไฟเข้านอน
ทำอย่างไรได้ สำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนกฎระเบียบเข้มงวด แม้นิยายซื้อมาตอนกลางวัน แต่มีเพียงยามนี้ที่จะมีเวลาได้อ่าน ไม่เช่นนั้นหากอาจารย์พบว่าอ่านหนังสืออ่านเล่นพวกนี้ก็จะถูกตีฝ่ามือ
เริ่มแรกทั้งสี่คนยังพอมีคุยกันอยู่บ้าง แต่ไม่นานก็ค่อยๆ เงียบลง
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไร เสียงระฆังให้ดับไฟก็ดังขึ้น เด็กหนุ่มเรียวตาหงส์สบถด่าอย่างหงุดหงิด “น่าตายจริง ยังอ่านไม่จบ!”
อีกคนก็เอ่ยว่า “ข้าก็ยังอ่านไม่จบ!”
ต้วนอวิ๋นหลางที่อ่านไปท้ายเล่มแล้วยิ่งทรมานใจ “โอ๊ย โอ๊ย โอ๊ย นิยายนี่ยังเขียนไม่จบ!”
เสียงเจ้าหน้าที่ตรวจสอบดังขึ้นด้านนอก “ดับไฟ อย่าส่งเสียงเอะอะ!”
แต่ละห้องพักล้วนทยอยดับไฟ นักเรียนที่ได้อ่าน ‘วาดหนัง’ ต่างพากันนอนไม่หลับ
“เมิ่งเฝ่ย อย่าอ่านหนังสือริมหน้าต่าง ถูกพบเข้า พวกเราจะพลอยโดนโทษโบยไปด้วย”
เด็กหนุ่มเรียวตาหงส์ที่ชื่อเมิ่งเฝ่ยจับจ้องนิยายไม่กะพริบตา “อีกนิดเดียว ให้ข้าอาศัยแสงจันทร์อ่านอีกนิดให้จบก่อน”
ต้วนอวิ๋นหลางเงยหน้ามองเพดานห้อง ถอนหายใจหนักหน่วง “แย่ละ นอนไม่หลับ อยากรู้ว่าต่อจากนี้เกิดอันใดขึ้น”
“ก็ใช่น่ะสิ ผู้ใดบอกข้าได้ว่าหวางเซิงแท้จริงเห็นอันใด!”
เมิ่งเฝ่ยพลันคิดขึ้นมาได้ว่า “อวิ๋นหลาง ในฐานะเจ้าของร้าน น้องชิงเจ้าน่าจะรู้ว่าต่อมาจะเกิดเรื่องอันใดขึ้นกระมัง”
“น้องสาวข้ามิใช่ท่านซงหลิงเสียหน่อย”
“แต่นางวางขายนิยายท่านซงหลิง ย่อมเคยถามมาเป็นแน่ หากเป็นเจ้าอ่านครึ่งหนึ่งจะทนไม่ถามไหวหรือ”
ต้วนอวิ๋นหลางส่ายหน้า ย่อมไม่ไหว เขาแทบจะแล่นไปถามน้องชิงเสียตอนนี้เลย!
ดังนั้นวันรุ่งขึ้นพอได้เวลาออกจากสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ต้วนอวิ๋นหลางแบกความหวังจากบรรดาสหายร่วมชั้นเรียนวิ่งไปร้านหนังสือชิงซง
“พี่รองอยากรู้เรื่องราวต่อจากนี้หรือ” ซินโย่วปฏิเสธทันที “บอกไม่ได้เจ้าค่ะ”
หากไม่คิดว่าชายหญิงมิอาจชิดใกล้ ต้วนอวิ๋นหลางก็แทบจะตะกายเกาะซินโย่วไว้แล้ว “น้องชิง ขอร้องล่ะ เจ้าทนเห็นข้ากินไม่ได้นอนไม่หลับหรือ”
ซินโย่วไม่หวั่นไหว “เช่นนั้นก็ไม่ได้ โลกนี้ไม่มีกำแพงที่ไม่มีลมรอดผ่าน พี่รองรู้เนื้อหาอีกครึ่งหนึ่ง จะบอกสหายร่วมชั้นเรียนไหม สหายร่วมชั้นเรียนจะบอกคนใกล้ชิดไหม บอกต่อกันไปสิบคนร้อยคน เนื้อหาอีกครึ่งจะขายอย่างไร ไม่แน่ยังอาจถูกร้านหนังสืออื่นเจาะช่องแย่งไปตีพิมพ์ขายก่อน ถึงตอนนั้นข้าไม่ขาดทุนย่อยยับหรือเจ้าคะ”
ต้วนอวิ๋นหลางได้ยินก็ตบหน้าผาก “ล้วนตำหนิข้า อยากรู้เนื้อหาต่อจากนี้มากเกินไป ทำให้เลอะเลือนไปชั่วขณะ”
ซินโย่วยิ้มเอ่ยว่า “พี่รองอย่าร้อนใจไป อีกสักพักเล่มสองก็จะออกแล้ว”
กลับถึงสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยน ต้วนอวิ๋นหลางก็แบมือแสดงท่าทางว่าถามไม่ได้ความอันใดมา
สหายร่วมชั้นเรียนได้ยินก็แสดงท่าทางเข้าใจ ไม่อาจทำลายการค้าร้านหนังสือผู้อื่นจริงๆ
“ไม่ได้?” เมิ่งเฝ่ยลูบคาง “ไม่ควรมีเพียงพวกเราที่ทรมานอยากรู้ เอา ‘วาดหนัง’ ไปให้สหายร่วมชั้นเรียนเราอ่านกัน ทุกคนจะได้ทรมานไปด้วยกัน”
ต้วนอวิ๋นหลางรีบเตือน “อย่าให้พวกเขาอ่านทั้งเล่ม ให้อ่านแค่สองบท หากอยากอ่านก็ไปซื้อเองที่ร้านหนังสือน้องสาวข้า”
สหายร่วมชั้นเรียนหลายคนต่างเหล่มองเขาด้วยสายตาดูแคลน
ช่วยเหลือการค้าน้องสาวเจ้าจริงนะ!
แต่ก็ต้องกล่าวว่า อุบายเมิ่งเฝ่ยกับต้วนอวิ๋นหลางนี้ได้เรื่องอย่างมาก ค่ำคืนนั้นมีสหายร่วมชั้นเรียนนอนไม่หลับตามพวกเขาหลายคนไม่ว่า วันต่อมาธรณีประตูร้านหนังสือชิงซงก็แทบถูกนักเรียนจากสำนักศึกษากั๋วจื่อเจี้ยนย่ำพัง