สืบแค้นคุณหนูสวมรอย - ตอนที่ 78 บังเอิญ
ตอนที่ 78 บังเอิญ
Ink Stone_Romance
โถงตั้งพิธีศพตั้งโลงศพสีดำเงาวาววับอยู่ตรงกลาง โจวหนิงเยวี่ยกับมารดาโจวหนิงเยวี่ยคุกเข่าข้างกันอยู่ด้านหนึ่ง สวมชุดกระสอบไว้ทุกข์ ทุกอย่างขาวไปหมด
ตอนซินโย่วกล่าวคำปลอบใจต่อครอบครัวผู้วายชนม์ก็ได้สบตากับมารดาโจวหนิงเยวี่ย มารดาโจวหนิงเยวี่ยซ่อนความสงสัยไว้ในแววตา ไม่เข้าใจเหตุผลที่ซินโย่วมา
ซินโย่วอึ้งไปเล็กน้อย ตรงหน้าพลันมีภาพใหม่ผุดขึ้นมา
ท้องฟ้าสีดำ ดวงจันทร์กระจ่างกลางนภา สายลมพัดโบกชุดขาวไว้ทุกข์ เสริมให้บรรยากาศโถงตั้งพิธีศพยิ่งเงียบเหงาเย็นเยียบ
หญิงผู้หนึ่งผลักฝาโลงเปิดออก มารดาโจวหนิงเยวี่ยวิ่งเข้าไปขวางไว้ ผลักกันไปมาจนล้มลงกับพื้น นางไม่สนใจมารดาโจวหนิงเยวี่ยที่ล้มลง เลิกชุดบนร่างศพในโลงออก
จากนั้นภาพก็จางหายไป ภาพตรงหน้ากลับมาเป็นปกติ
ตอนซินโย่วเดินไปหามารดาโจวหนิงเยวี่ย ก็รีบกวาดตามองโดยรอบอย่างรวดเร็ว ได้เห็นสตรีในภาพที่เห็น
ดวงตาของสตรีบวมเป่ง เห็นชัดว่าเสียใจมาก เพียงแค่ได้เห็นก็มองออกว่าคล้ายกับโจวทง ไม่ถามก็รู้ว่าผู้นี้ก็คือพี่สาวโจวทง มารดาจี้ไฉ่หลัน
ในภาพที่เห็นพระจันทร์กระจ่างไม่ได้กลมโต แต่ก็มิได้ถึงขั้นจันทร์เสี้ยว เรื่องน่าจะเกิดหลังวันที่สิบเจ็ด ช่วงเวลาจะนำไปฝัง
เหตุอันใดทำให้มารดาจี้ไฉ่หลันสงสัย ทำให้นางเปิดฝาโลงตรวจสอบศพ?
ในสมองซินโย่วมีเรื่องเหล่านี้ผุดขึ้นมาทันที จึงรีบเดินไปหามารดาโจวหนิงเยวี่ยกับโจวหนิงเยวี่ย
“ท่านน้าโปรดระงับความเศร้า น้องโจวโปรดระงับความเศร้า”
มารดาโจวหนิงเยวี่ยก้มกายคำนับขอบคุณเล็กน้อย เอ่ยกับบุตรสาวน้ำเสียงแหบพร่า “เยวี่ยเอ๋อร์ ไปต้อนรับสหายเจ้าเถอะ”
โจวหนิงเยวี่ยขอบตาแดงพยักหน้า พาซินโย่วไปอีกทาง
ไม่รอให้นางถาม จี้ไฉ่หลันก็เอ่ยถึงสาเหตุที่ซินโย่วปรากฎตัวขึ้นในตอนนี้
“ขอบคุณพี่โค่วที่ห่วงใย” ในใจโจวหนิงเยวี่ยรู้ดีว่าซินโย่วตั้งใจหาโอกาสมา แต่ไม่ได้คิดมากต่อ
“น้องโจวจะนำบิดาเจ้าไปฝังยามใด”
“ท่านแม่หารือกับท่านป้าแล้ว จะตั้งไว้เจ็ดวัน”
เรื่องนั้นน่าจะเกิดวันที่สิบเจ็ดถึงยี่สิบเดือนแปดนี้
“น้องโจวเองก็ระมัดระวังสุขภาพด้วย อย่าได้เหน็ดเหนื่อยจนล้มป่วย”
โจวหนิงเยวี่ยยิ้มขื่น “ยังดีมีครอบครัวท่านป้าช่วยเหลือ”
จี้ไฉ่หลันลูบหลังปลอบใจโจวหนิงเยวี่ย “น้องเยวี่ย อย่าได้เอ่ยเช่นนี้ พวกเราเราเป็นญาติกัน”
โจวหนิงเยวี่ยได้ยินดังนี้ก็ยิ่งปวดใจ หากครอบครัวท่านป้ารู้สาเหตุการตายแท้จริงของท่านพ่อ…ทุกครั้งที่ความคิดนี้แวบขึ้นมาในห้วงความคิด นางก็อดสั่นเทาไม่ได้
ยามนี้มารดาจี้ไฉ่หลันส่งเสียงเรียกหลันเอ๋อร์
“ท่านแม่เรียกข้า ข้าไปหาท่านแม่ก่อน” จี้ไฉ่หลันเอ่ยแล้วก็เดินไป
ซินโย่วมีโอกาสเขยิบเข้าใกล้โจวหนิงเยวี่ย เอ่ยน้ำเสียงเบายิ่งว่า “วันนี้มองดูใบหน้าท่านป้า ความยุ่งยากกำลังจะเกิดขึ้น น้องโจวบอกท่านป้าสักคำว่า…”
โจวหนิงเยวี่ยสีหน้าแปรเปลี่ยน พยักหน้าเบาๆ แล้วเดินไปหามารดากระซิบคำพูดที่ซินโย่วฝากมา
ซินโย่วได้พบมารดาโจวหนิงเยวี่ยที่ห้องน้ำด้านหลังบ้านตระกูลโจว
ที่นี่แม้ไม่มีคน แต่ไม่อาจอยู่นานนัก มารดาโจวหนิงเยวี่ยถามขึ้นตรงๆ ว่า “คุณหนูโค่วบอกว่าเรื่องยุ่งยากคือเรื่องใดหรือ”
ซินโย่วเอ่ยตรงยิ่งขึ้น “หญิงตรงหน้าท่านน้าเป็นพี่สาวสามีท่านน้ากระมัง อีกสองวันนางจะเกิดความระแวงสงสัยมาตรวจศพสามีท่านเจ้าค่ะ”
มารดาโจวหนิงเยวี่ยร่างโงนเงน สีหน้าซีดเผือดเอ่ยว่า “เรื่องนี้คุณหนูโค่วก็ทำนายนรลักษณ์ได้หรือ”
“ใช่” ซินโย่วให้คำตอบหนักแน่น ไม่ได้รู้สึกร้อนตัวแต่อย่างใด
นี่คือสิ่งที่นาง ‘เห็น’ จริงๆ
“ท่านป้าแต่งหน้าเป็นไหม”
มารดาโจวหนิงเยวี่ยนิ่งอึ้งไปทันที คิดไม่ออกว่าเหตุใดซินโย่วอยู่ ๆ ถามขึ้นมาเช่นนี้ จึงตอบว่า “เป็นนิดหน่อย”
“หากคิดอยากจะพ้นด่านเคราะห์นี้ บาดแผลบนร่างสามีท่านต้องจัดการตกแต่งเสียหน่อย ใช้ก้อนแป้งผสมกับดินและอื่นๆ อุดบาดแผลไว้ แล้วค่อยใช้ผงแป้งสีใกล้เคียงกับผิวโดยรอบนั้นทาทับ…”
ได้ฟังซินโย่วเอ่ยจบ สีหน้ามารดาโจวหนิงเยวี่ยยิ่งย่ำแย่ “ข้า…ข้าทำไม่ได้…”
นางถึงกับไม่เคยคิดว่าจะสังหารโจวทง เดิมเพียงแต่ไปหาเขาเพื่อยืนยันความจริงเท่านั้น!
เพื่อบุตรสาว นางเก็บกดความหวาดกลัวที่ฆ่าคนตายและหวาดกลัวต่ออนาคตไว้ในใจ ยามนี้ไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอันใดมากไปกว่านี้อีกแล้ว นางนึกภาพไม่ออกว่าจะจัดการบาดแผลนั้นให้คนมองไม่ออกได้อย่างไร
“ข้าจะลองดูเอง”
มารดาโจวหนิงเยวี่ยจ้องมองสาวน้อยที่เอ่ยวาจานี้เขม็ง “คุณหนูโค่วต้องการอันใด”
นางไม่เชื่อว่าสหายคนใหม่ของบุตรสาวจะช่วยถึงขั้นนี้โดยไม่หวังสิ่งใด ยิ่งไม่ต้องเอ่ยถึงท่าทางการแสดงออกต่างๆ ของคุณหนูโค่ว นางมิใช่สาวน้อยธรรมดาอย่างแน่นอน
ซินโย่วไม่รู้สึกเหนือความคาดหมายที่มารดาโจวหนิงเยวี่ยจะถามเช่นนี้
มารดาโจวหนิงเยวี่ยเป็นคนฉลาด คนฉลาดย่อมคิดมาก
“ข้าอยากรู้ความลับที่ท่านป้ากับสามีท่านมีปากเสียงกันเจ้าค่ะ”
ตั้งใจเน้นคำว่า ‘ความลับ’ ทำให้แววตามารดาโจวหนิงเยวี่ยหดเกร็ง “คุณหนูโค่วรู้อันใดมาใช่หรือไม่”
“ไม่รู้ ดังนั้นจึงได้มาถามท่านป้า”
“เหตุใดคุณหนูโค่วจึงอยากรู้”
“สาเหตุหลักก็เพราะความอยากรู้ของข้ามีส่วนช่วยส่งเสริมวิชานรลักษณ์ การได้เห็นมากขึ้นก็ยิ่งอยากรู้มากขึ้น ความอยากรู้มากขึ้นก็ยิ่งเห็นได้ง่ายขึ้นเจ้าค่ะ”
“หากคุณหนูโค่วรู้อาจจะนำภัยถึงแก่ชีวิตมาสู่ท่านได้”
“ท่านน้าก็เงียบไว้ ข้าจะไม่แพร่งพรายออกไป ผู้อื่นจะรู้ได้อย่างไรว่าข้ารู้ ท่านน้าไม่ต้องเป็นห่วงข้า อย่างไรคนอยากรู้อยากเห็นเช่นข้านี้ ยังมีชีวิตยืนยาวมาถึงตอนนี้ได้ก็มิใช่ธรรมดา”
สีหน้ามารดาโจวหนิงเยวี่ยแปรเปลี่ยนไม่หยุด ก่อนจะพยักหน้าเอ่ยว่า “ได้ หากผ่านพ้นเคราะห์นี้ไปได้ ข้าจะบอกความลับนี้แก่เจ้า”
ซินโย่วยิ้มมุมปาก
“คุณหนูโค่วไม่กลัวข้าเปลี่ยนใจหรือ”
“ไม่กลัวเจ้าค่ะ ข้าเชื่อว่าท่านน้าเป็นคนน่าเคารพ”
มารดาโจวหนิงเยวี่ยเองก็ไม่รู้คิดถึงเรื่องใด สีหน้าพลันแปรเปลี่ยน กระซิบนัดแนะกับซินโย่ว ทั้งสองคนออกไปจากจุดนี้ทีละคน
“ปล่อยให้พี่รองรอนานแล้ว” หลังกล่าวอำลากับโจวหนิงเยวี่ยและจี้ไฉ่หลัน ซินโย่วก็เดินไปหาต้วนอวิ๋นหลางที่รออยู่ในลานด้านหน้า
“ไม่เป็นไร” ต้วนอวิ๋นหลางโบกมืออย่างไม่ถือสา
สองพี่น้องเพิ่งเดินออกจากประตูใหญ่ตระกูลโจว ก็เห็นองครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเดินมา
ซินโย่วหลบเข้าข้างทางก่อนหันไปมอง
องครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินเดินเข้าไป ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งรีบเข้ามาต้อนรับ ดูแล้วต้อนรับได้คล่องแคล่ว น่าจะเคยต้อนรับคนสถานะเช่นองครักษ์กองกำลังองครักษ์จิ่นหลินที่มาไว้อาลัยไม่น้อย
โจวทงเป็นนายกองร้อย ไม่ว่าสหายร่วมงานหรือลูกน้องคุ้นเคยกับเขาหรือไม่ การมาส่งครั้งสุดท้ายล้วนกระทำไปตามประเพณี
ซินโย่วอดคิดถึงเฮ่อชิงเซียวไม่ได้
ด้วยสถานะเฮ่อชิงเซียว น่าจะไม่มาไว้อาลัยด้วยตนเอง อย่างไรสถานะทั้งสองก็แตกต่างกันมาก
ซินโย่วหันหน้ากลับมาค่อยๆ เดินตรงไป
“เหตุใดจึงมีกองกำลังองครักษ์จิ่นหลินมาด้วย” ต้วนอวิ๋นหลางถามอย่างอยากรู้
“บิดาของสหายข้าเป็นนายกองร้อยประจำกองกำลังองครักษ์จิ่นหลิน”
“มิน่าเล่า บิดาสหายเจ้าอยู่ๆ ตายไป วันหน้าครอบครัวนี้คงยากลำบากแล้ว”
ซินโย่วชะงักกึก ไม่ได้ตอบรับคำพูดต้วนอวิ๋นหลาง
ต้วนอวิ๋นหลางมองตามสายตาซินโย่วไป ก็เห็นเฮ่อชิงเซียวนำลูกน้องสองคนเดินมา
“น้องชิง ใต้เท้าเฮ่อ!” ต้วนอวิ๋นหลางกระตุกแขนเสื้อซินโย่ว
ซินโย่วเห็นคนที่เดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ ก็เม้มปากเล็กน้อย
หลังจากวันนั้น เฮ่อชิงเซียวก็ไม่ได้ไปร้านหนังสืออีก นี่เป็นการพบกันอีกครั้งครั้งแรกของเขาและนาง
เฮ่อชิงเซียวถึงกับมาตระกูลโจวด้วยตนเอง เพราะมีเหตุการณ์ที่นางลอบสังหารเขาก่อนหน้านี้ พอเขาเห็นนางที่นี่ตอนนี้ เขาจะสงสัยในการตายของโจวทงหรือไม่
ในใจซินโย่วคิดถึงเรื่องเหล่านี้ แต่สีหน้ามิได้แสดงออก เฮ่อชิงเซียวเดินใกล้เข้ามา
ทั้งสองคนสบตากัน นางไม่รู้ว่าหลังจากวันนั้นยังมีอันใดต้องเอ่ยอีก ได้แต่รักษาสีหน้านิ่งเฉยรออีกฝ่ายเดินผ่านไป
ไม่คิดว่าเฮ่อชิงเซียวกลับหยุดฝีเท้าตรงหน้านาง