สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - ตอนที่ บทที่ 113 โป๋อีกู่[รีไรท์]
ดวงตาของโป๋อีกู่ไม่ได้แสดงความสงสารต่อคนที่นอนอยู่บนพื้นเลยแม้แต่น้อย เพราะถ้าเขาไม่ลงมือรวดเร็วแบบนี้ ก็คงเป็นตัวเขาเองนี่แหละที่ลงไปนอนอยู่ที่พื้นแทน 2 คนนี้แน่ ๆ การจัดการกับคนที่ปองร้ายเรานั้นการใจอ่อนเป็นสิ่งต้องห้าม
ในขณะที่ทั้งสองยังนอนโอดโอยอยู่บนพื้น โป๋อีกู่ก็ยืนจ้องมองพวกเขาอย่างเย็นชา ตอนนี้ทั้งคู่รู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขากำลังอยู่ต่อหน้าเทพสงครามที่โหดเหี้ยมก็ไม่ปาน ทั้งสองคนได้แต่โอดครวญด้วยความเจ็บปวดอยู่ที่พื้น ไม่กล้าลุกขึ้นมา
ตอนนี้พวกมันทั้ง 2 ได้แต่คิดว่า ทำไมพวกเขาถึงมาหาเรื่องหมอนี่กัน? ถึงแม้ฝ่ายตรงข้ามจะไม่ใช่คนที่ดีอะไรขนาดนั้น แต่ตัวโป๋อีกู่เองก็ไม่ได้ระรานพวกเขาสักหน่อย ช่างเถอะยังเสียตอนนี้มันก็คงไม่มีโอกาสแก้ตัวอีกแล้ว
หวงม่านอิ่งฟื้นขึ้นมาจากอาการสลบ ทันทีที่เธอลืมตาขึ้นมา หญิงสาวก็เจอกับชายสองคนที่กำลังนอนร้องโอดโอยอยู่บนพื้น ข้าง ๆ กันนั้นมีผู้ชายหน้าตาดีคนหนึ่งยืนอยู่
ด้วยความที่พึ่งตื่น เธอจึงยังมึนงงอยู่เล็กน้อย แต่เมื่อหวงม่านอิ่งรู้ตัวว่าเธอไม่ควรที่จะมาอยู่ที่นี่ ดังนั้นเธอจึงเริ่มตื่นตัว และหันซ้ายหันขวามองไปรอบ ๆ ด้วยความตื่นกลัวในทันที
“สาวน้อย ตื่นซะที เป็นอะไรรึเปล่า! ตอนนี้คนที่จะทำร้ายเธอ ฉันจัดการให้แล้ว! เดี๋ยวฉันจะพาเธอกลับบ้าน! ” คำพูดอันอ่อนโยนของโป๋อีกู่ทำให้หวงม่านอิ่งหันกลับมามองชายผู้นี้
“นี่คือที่เขาเรียกกันว่าปกป้องสาวงามสินะ? อืมม.. แต่ตอนนี้เธอไม่ได้ดูกลัวเลยแฮะ” โป๋อีกู่คนนั้นเดินออกมาขวางระหว่างคนร้าย แล้วก็พูดออกมาลอยๆ
“ไม่ต้องห่วงฉันเอาอยู่”
หวงม่านอิ่งยังคงนั่งนิ่ง เหมือนกับว่าสติของเธอจะยังคงไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเท่าไหร่ หญิงสาวได้แต่จ้องมองโป๋อีกู่โดยไม่ได้พูดอะไร
“สาวน้อย เป็นอะไรรึเปล่า! สบายใจได้ ไอ้กร๊วกสองคนนั้นมันทำอะไรเธอไม่ได้แล้วนะ!” สิ่งที่โป๋อีกู่ที่พูดทำให้เธอตื่นจะภวังค์ จากนั้นหน้าของหวงม่านอิ่งก็เริ่มแดงก่ำด้วยความเขินอาย “ตอนนี้ปลอดภัยแล้วล่ะ? รู้ไหมว่านี่มันอันตรายมากนะ!”
“เอ่อ…คุณช่วยฉันไว้เหรอ? ขอบคุณมากนะคะ”
ถ้าฉู่เหินอยู่ตรงนี้ เขาต้องตะโกนด้วยความแปลกใจสุดขีดแน่ เพราะคาดไม่ถึงว่าหวงม่านอิ่งที่ดูเป็นคนเข้มแข็งอดทน เธอกลับมีด้านที่อ่อนโยนขนาดนี้ด้วยรึเนี่ย
“สาวน้อย ถ้าเธอเป็นมีอะไรจะพูดก็ไม่ต้องเกรงใจหรอกนะ ฉันจะช่วยเธอเอง” ก่อนที่โป๋อีกู่จะเริ่มอธิบายเรื่องทุกอย่างให้หวงม่านอิ่งฟัง หลังจากที่เธอรับรู้ มันก็เลี่ยงไม่ได้ที่หญิงสาวจะหน้าซีดเผือด เธอรีบโทรเพื่อบอกเรื่องนี้ให้พ่อของเธอที่ปักกิ่งทราบอย่างรวดเร็ว
โป๋อีกู่สังเกตสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างเงียบ ๆ โดยไม่ได้พูดแทรกเลย โดยเฉพาะเรื่องของคนที่ปลายสายทำให้เขารู้สึกดีใจมาก ถึงแม้ว่าเสียงจากปลายสายจะยังคงสงบนิ่งอยู่ แต่ก็นี่คงเป็นเพียงแค่ความสงบก่อนที่พายุจะมาเท่านั้น
นี่ก็ผ่านไป 20 นาทีเข้าไปแล้วตั้งแต่ที่ฉู่เหินมาถึงที่นี่ ด้วยความช่วยเหลือจากชาวบ้าน นั่นจึงทำให้เขามาถึงได้อย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึง ชายหนุ่มก็เห็นเข้ากับหวงม่านอิ่งและโป๋อีกู่ที่กำลังนั่งพูดคุยอย่างสนุกสนาน ภาพตรงหน้าทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายจากอาการตึงเครียดในตอนแรกได้ประมาณหนึ่ง
“เกิดอะไรขึ้นเนี่ย? เธอถูกลักพาตัวไปไม่ใช่เหรอ?” อย่างไรก็ตาม พอเห็นหน้าคน 2 คนที่นอนอยู่บนพื้นเขาก็พอจะเดาอะไรบางอย่างได้!
“อ้าว ฉู่เหิน เป็นไงบ้าง? แต่ทำไมถึงไม่พักอยู่ที่บ้านล่ะ!”
เธอไม่ได้รอให้ฉู่เหินอธิบายอะไร แล้วยิงคำถามจำนวนมากใส่อีกฝ่ายทันที! ทำให้ฉู่เหินที่กำลังจะพูดนั้น เงียบไปซะเฉย ๆ
แต่ในตอนที่ฉู่เหินสบตากับโป๋อีกู่ เขาก็รู้สึกเหมือนกำลังถูกจ้องโดยนักล่า โป๋อีกู่มองฉู่เหินตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยความประหลาดใจ ด้วยความรู้สึกที่ว่าคนตรงหน้านั้นเก่งกาจกว่าตัวเอง ของแบบนี้เขาไม่ได้รู้สึกไปเองแน่!
“ซี๋ปาเที๋ยน ไม่สิ โป๋อีกู่?” ถึงคำพูดของฉู่เหินนั้นจะยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย แต่เขาต้องการที่จะยืนยันตัวตนของคนตรงหน้า
“ฉันไม่คิดเลยว่าที่ห่างไกลแบบนี้จะมีคนที่ดูเป็นยอดฝีมือแบบนี้ด้วย นี่จะต้องเป็นโชคชะตาแน่ ๆ ” จากคำพูดของโป๋อีกู่ ถึงจะไม่มีความเย่อหยิ่งอย่างชัดเจน แต่มันก็ไม่ใช่ว่าไม่มีเลย
“ความจนและความไกลปืนเที่ยงนี่ซ่อนสิ่งนั้นได้ไม่มิดจริง ๆ นั่นแหละ!”
ฉู่เหินพูดอย่างใช้ความคิด
“เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายมีแต่ที่จะอยากใช้ชีวิตสงบ ๆ แหละน่า!” ร่องรอยของความเหงาปรากฏขึ้นในคำพูดของโป๋อีกู่
“หากต้องการที่จะอยู่อย่างสงบละก็ไม่มีปัญหาหรอก ก็แค่มีชีวิตอยู่ต่อไปสิ!” ฉู่เหินขมวดคิ้วแล้วพูดด้วยท่าทางที่เคร่งขรึม
“แบบนั้นมันไม่ใช่ชีวิตที่เสียเปล่างั้นเหรอ?” ความเหงาและความอับจนหนทางปรากฏในใจโป๋อีกู่อีกครั้ง
“พวกนายสองคนเป็นบ้าอะไรกัน? พูดอะไรไม่รู้เรื่องเลยหืม? ถ้าจะพูดอะไรที่ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องพูดดีกว่าไหม? อืมมม ช่างเถอะ!” หลังจากได้ยินอย่างงั้น หวงม่านอิ่งก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากบ่นอุบอิบ และมองค้อน
หลังจากฉู่เหินและโป๋อีกู่ได้ยินคำเหล่านั้น ทั้งคู่ก็ไม่ได้ว่าอะไรต่อ การสนทนาระหว่างทั้ง 2 คนนั้นแท้จริงแล้วไม่ได้มีอะไรแอบแฝง! หากแต่หวงม่านอิ่งที่ไม่ได้อยู่ในแวดวงนี้เท่านั้น ดังนั้นเธอเลยฟังไม่รู้เรื่อง
“ตามฉันมา ฉันจะรักษานายให้” โป๋อีกู่ทำตัวเคร่งขรึม เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉู่เหินพูด
ฉู่เหินมั่นใจมากว่ามันต้องเป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ กว่าที่ยุทธจักรจะมีปรมาจารย์สักคนถือกำเนิดขึ้นมา แน่นอนว่าในที่ทุรกันดารเช่นนี้ก็มีโอกาสที่พวกเขาจะอยู่เช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้ว การที่สหายร่วมยุทธจักรต้องมาบาดเจ็บแบบนี้ ถ้าเขาพอช่วยได้ เขาก็ยินดีที่จะช่วย
โป๋อีกู่ยังไม่ได้ตอบรับอะไร ทางด้านหวงม่านอิ่งเอง เธอก็มองไปที่โป๋อีกู่ด้วยความกังวลเล็กน้อย ก่อนจะถามออกมาอย่างรวดเร็ว “ได้รับบาดเจ็บตรงไหนเนี่ย? ฉันพอจะมีคนรู้จักในวงการแพทย์อยู่ ถ้าต้องการฉันสามารถช่วยได้นะ”
หลังจากได้ฟังคำพูดของหวงม่านอิ่ง โป๋อีกู่ก็ยิ้มอย่างอ่อนโยน “ขอบคุณมาก เธอนี่ช่างเป็นคนที่มีจิตใจดีจริง ๆ แต่แย่หน่อยนะ อาการของฉันน่ะ ใช้การรักษาธรรมดาไม่หายหรอก”
พอหวงม่านอิ่งได้ยินเช่นนั้น เธอก็อดไม่ได้ที่จะรบเร้าอีกฝ่าย “ยิ่งได้ยินว่าช่วยไม่ได้แบบนี้ก็ยิ่งต้องเข้าไปช่วยสิ ฉันจะต้องช่วยคุณให้ได้ บอกมาเร็ว ๆ ว่าเป็นอะไร?”
พอเป็นเช่นนั้น เธอก็เหลือบมองมาทางฉู่เหินด้วยดวงตาที่คาดหวังว่าเขาพอจะช่วยเหลืออะไรได้บ้างหรือเปล่า