สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 118 การฝึกอบรม[รีไรท์]
บทที่ 118 การฝึกอบรม[รีไรท์]
สิ่งเดียวที่ทำให้ฉู่เหินรู้สึกสนใจก็คือ การที่ต้นไม้สามารถให้ประสบการณ์ ซึ่งตอนนี้ในมือของเขานั้นมันก็ยังมีอีกมากกว่า 20 ต้น ดังนั้นเขาจะได้ค่าประสบการณ์ประมาณ 20,000 ได้ เรื่องนี่ทำให้ฉู่เหินมีความสุขมาก เพราะด้วยคะแนนขนาดนี้ เขาจะสามารถเข้าไปถึงระดับ 3 ได้อย่างรวดเร็วแน่นอน ส่วนพอถึงระดับ 3 แล้วจะเป็นยังไงนั้น ฉู่เหินเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง!
และเมื่อนึกถึงการต่อสู้ครั้งล่าสุดที่สร้างความลำบากให้กับเขามาก ในครั้งนั้น ไม่เพียงแค่ความแข็งแกร่งจะลดลงเท่านั้น หากแต่การฝืนใช้งานอีกครั้งยังอันตรายมากขึ้นด้วย ดังนั้นก่อนที่เขาจะเลื่อนไปยังระดับ 3 เขาน่าจะต้องหาวิธีเพิ่มศักยภาพในการต่อสู้ของตัวเองซักหน่อยแล้ว!
หลังจากที่เขาให้โป๋อีกู่กลับไปจัดการเรื่องของตัวเอง ฉู่เหินก็เริ่มวางแผนที่จะปรับแต่งหุ่นเชิดของเขาทันที การปรับปรุงหุ่นครั้งนี้จะแตกต่างจากครั้งที่แล้ว เป็นเพราะฉู่เหินได้เพิ่มวัสดุระดับ 4 เข้าไปด้วยในครั้งนี้ ซึ่งถ้าทำได้สำเร็จละก็ หุ่นเชิดตัวนี้จะต้องแข็งแกร่งอย่างมากแน่นอน
อย่างไรก็ตาม การปรับปรุงครั้งนี้มันก็ไม่ได้ปลอดภัยซะทีเดียว เพราะถ้าเกิดว่าฉู่เหินทำได้ไม่ดี นอกจากหุ่นจะพังแล้ว มันก็ยังอาจทำให้จิตใจของเขามีปัญหาตามมาอีกด้วยด้วย
ตอนที่หลอมหุ่นครั้งก่อนหน้านี้ ฉู่เหินได้ก็สังเกตเห็นความเชื่อมโยงทางจิตใจของเขากับตัวหุ่นเชิด และเมื่อสังเกตที่จิตวิญญาณของเขาดี ๆ มันก็ทำให้ฉู่เหินเริ่มกังวล เพราะมีความเป็นไปได้ที่ว่าการปรับปรุงอีกครั้งมันอาจจะทำให้วิญญาณเสียหายจนทำให้เป็นบ้าได้ และอีกอย่าง ยังไงเสียสำหรับฉู่เหินแล้ว เรื่องของความปลอดภัยก็ย่อมต้องสำคัญกว่าอยู่แล้ว
ดังนั้นฉู่เหินจะต้องหาที่ที่ตัวเขาจะไม่ถูกรบกวน ด้วยเหตุนี้เขาจึงเรียกโป๋อีกู่มาให้ช่วยอีกครั้ง ตอนแรก โป๋อีกู่นั้นรู้สึกแปลกใจที่เขาที่อยู่ ๆ ก็ถูกขอให้ช่วยเหลือ แต่เหมือนเขาจะคิดอะไรได้ และหลังจากนั้นท่าที่ของโป๋อีกู่ที่ทำตัวของฉู่เหินก็ดูเปลี่ยนไป มันดูไปในทิศทางที่ดีขึ้น
หลังจากที่โป๋อีกู่รักษาขาของตัวเองแล้ว พละกำลังของเขาก็กลับมาเป็นปกติถึง 8 ส่วนแล้ว ซึ่งถ้าเขายังคงทำอย่างต่อเนื่อง อีกไม่นานเขาก็จะสามารถบรรลุสูงขึ้นไปอีกขั้นได้ ซึ่งเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นนี้ ก็เป็นภาพฉู่เหิน ชายตรงหน้าของเขา
แต่มันก็มีบางเรื่องที่ทำให้โป๋อีกู่รู้สึกปวดหัว และนั่นก็คือเรื่องของหวงม่านอิ่ง ที่เวลาเธอว่าง ๆ เธอก็จะมาแวะหาเขาอยู่เสมอ ซึ่งนั่นมันก็เป็นอะไรที่เขาไม่ชินกับมันนัก
สำหรับเรื่องนี้ฉู่เหินก็ได้แค่ปล่อยมันไป ความคิดของผู้หญิงไม่ใช่สิ่งที่จะเดากันได้ แต่ถ้าเกิดว่าเธอแวะเวียนมาบ่อย ๆ แบบนี้ มันแปลได้ว่าเธอกำลังสนใจเขาคนนั้นอยู่ และในตอนนี้ ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนก็นับได้ว่าเป็นสหายกันแล้ว พอคิดแบบนั้น ฉู่เหินจึงได้แต่ยินดีอยู่เงียบ ๆ
ขณะที่ฉู่เหินกำลังปรับปรุงหุ่นอยู่ที่กลางหุบเขา มันก็ได้มีหญิงสาวคนหนึ่งกำลังสืบข้อมูลของฉู่เหินอย่างเงียบ ๆ
เป็นเวลานานมาแล้วที่เม่ยซานเหนียงต้องหนีไปหลังจากการสูญเสียครั้งใหญ่ เธอเรียนรู้ที่จะใจเย็นมากขึ้น หญิงสาวได้ใช้เส้นสายและอำนาจที่มีเพื่อทำการข้อมูลของฉู่เหิน ยิ่งหญิงสาวสืบลึกลงไปเท่าไหร่ เธอก็พบเข้ากับสิ่งที่มันไม่สามารถอธิบายได้มากขึ้นเท่านั้น
เท่าที่เธอรู้ ฉู่เหินเป็นแค่ชาวประมงธรรมดา ตั้งแต่ที่พี่ชายของเขาเข้ารักษาตัวภายในโรงพยาบาล ตัวเขาก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความสนใจของเม่ยซานเหนียง เธอคิดว่าความเปลี่ยนแปลงที่ว่าน่าจะเกิดจากปัญหารอบตัวของฉู่เหินหรือไม่ตัวเขาไปเจอเข้ากับอะไรบางอย่าง ซึ่งเม่ยซานเหนียง เธอก็คิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังเสียมากกว่า
และด้วยความี่ฉู่เหินนั้นเป็นเพียงแค่เด็กกำพร้า ดังนั้นเรื่องก่อนหน้านั้นคงจะไม่สามารถสืบอะไรได้อีก ฉะนั้นเม่ยซานเหนียงจึงคิดว่าฉู่เหินน่าจะเป็นลูกหลานของตระกูลอู๋โบราณเป็นแน่
อีกอย่าง ในตอนนี้นั้น ตระกูลอู๋อะไรนั่นมันก็ไม่มีอีกแล้ว มันจึงไม่มีเหตุผลที่เธอจะต้องไปเกรงกลัวอิทธิพลของตระกูลนั้นอีก ประกอบกับการที่เธอได้เห็นสิ่งที่ฉู่เหินทำ นั่นก็ยิ่งทำให้เธออดไม่ได้ที่อยากจะจัดการกับเขา
ดังนั้นเม่ยซานเหนียงจึงเริ่มวางแผนการบางอย่าง หญิงสาวส่งคนและม้าออกไปจำนวนมาก ซึ่งแผนการในครั้งนี้นั้น มันจะต้องทำให้ฉู่เหินเจ็บปวดมากอย่างแน่นอน เพราะเป้าหมายในครั้งนี้ก็คือคนที่อยู่ใกล้ตัวของเขาทุกคน
ขณะที่เขากำลังปรับปรุงหุ่นฉู่เฟิงอยู่ ฉู่เหินก็ได้ใส่หินห้วงลึกทมิฬลงไปในหมอสามขาด้วย ทันทีที่ใส่ลงไป ความเสียหายบนร่างกายของฉู่เฟิงก็เลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
วัตถุระดับ 4 นั้นแตกต่างจากระดับ 3 อย่างสิ้นเชิง ความเร็วในการกลั่นของมันช้ากว่ามาก! มันต้องใช้เวลากลั่นกว่า 3 ชั่วโมงในการกลั่นหินห้วงลึกทมิฬในมือของเขา ซึ่งแต่เดิมนั้น ฉู่เฟิงก็มีผิวดำซีดอยู่แล้ว แต่หลังจากที่ใส่หินพวกนี้เข้า นั่นก็ยิ่งทำให้มันดูเหมือนจะดำคล้ำมากขึ้นไปอีก
อันที่จริงแล้วฉู่เหินกำลังวางแผนที่จะใช้หินอุกกาบาตเข้าไปเพิ่ม ด้วยวิธีนี้มันจะทำให้คุณภาพของฉู่เฟิงดีขึ้นอย่างสมบูรณ์ แต่หลังจากการค้นหาอยู่หลายที นั่นก็ทำให้ฉู่เหินพบว่าหินอุกกาบาตนั้นได้หายไปแล้ว มันทำให้เขาสับสนด้วยความที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่จู่ ๆ ฉู่เหินก็พบเข้ากับหม้อสามขาที่ตัวขาข้างหนึ่งเคยเสียหาย แต่ตอนนี้มันเป็นปกติแล้ว
ถ้ามองให้ดี ๆ เขาก็อดไม่ได้ที่จะตกใจ ฉู่เหินพบว่าอุกกาบาตได้รับการขัดเกลาให้กลายเป็นขาของฉู่เฟิงโดยอัตโนมัติเสียแล้ว อย่างไรก็ตาม หม้อสามขานี้น่าจะไม่ใช่อะไรที่ธรรมดา ๆ เนื่องจากเขาได้ทำการหลอมหินอุกกาบาตก้อนนี้แล้ว ดังนั้นมันจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องปล่อยมันไป
โชคดีที่คราวนี้การปรับปรุงฉู่เฟิงให้แข็งแกร่งขึ้นไม่ได้ทำลายวิญญาณของเขา ไม่งั้นฉู่เหินเองก็ไม่อยากจะจิตนาการถึงความเจ็บปวดทรมานเลย แต่ถ้าคิดให้ดี ๆ บางทีเขาอาจจะแค่กลัวไปเองก็ได้ หลังจากไฟอเวจีห่อหุ้มหุ่นฉู่เฟิงเอาไว้ อุกกาบาตที่ได้จากบนภูเขานั้นก็ค่อย ๆ ผสานกับร่างของหุ่นเชิดอย่างสมบูรณ์แบบ ระหว่างนั้นเอง กระบวนการซ่อมแซมของฉู่เฟิงก็ดำเนินต่อไปอย่างรวดเร็ว
ฉู่เหินใช้ประโยชน์จากเวลาที่ว่างอยู่นั้นหยิบงาช้างที่เหลือจากการกลั่นให้กับโป๋อีกู่ออกมา อย่างไรก็ตามมันก็เป็นถึงวัตถุดิบระดับ 5 ในตอนที่โป๋อีกู่เอาไปใช้นั้น เขาใช้ไม่ถึง 1 ใน 10 เพราะงั้นฉู่เหินจึงเอาส่วนที่เหลืออยู่มากลั่น ชายหนุ่มเชื่อว่าถ้าหากเขาอัดพลังเข้าไป มันอาจจะมีประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้นก็เป็นได้
อย่างไรก็ตาม ทันทีที่ของเหลวจากงาช้างนั้นหยดลงในมือของฉู่เหิน จากเดิมที่มันแค่เปล่งแสงอ่อนๆ ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง ทันใดนั้นร่างกายของฉู่เหินก็เต็มไปด้วยแสงสว่าง ตัวของเขาในตอนนี้เป็นเหมือนหลุมลึกที่กลืนแสงพวกนั้นลงไปจนหมด
เดิมทีฉู่เหินนั้นต้องการจะหยดมันลงไปอีกเล็กน้อยเพื่อที่จะเพิ่มคุณภาพของมัน แต่เขาก็ไม่ได้คาดหวังว่ามันจะเกิดขึ้นในทันที ด้วยความอับจนหนทาง ดังนั้นฉู่เหินจึงทำการกลั่นมันอีกครั้ง ก่อนจะหยดของเหลวที่ได้จากการกลั่นงาช้าลงไปที่ร่างของตัวเองอีกครั้ง
เวลาผ่านไปกว่า 2 ชั่วโมง ตอนนี้ฉู่เหินรู้สึกเหนื่อยล้ามาก! ชายหนุ่มไม่เคนรู้มาก่อนเลยว่าการกลั่นแบบสองทางนั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก และต้องใช้สมาธิเป็นอย่างมาก …โดยเฉพาะในตอนที่ร่างกายของเขาเป็นแบบนี้
โชคดีที่ยังมีสายลมเย็น ๆ เกิดขึ้นหลังจากที่ใช้งาช้างไปแค่ครึ่งเดียว ฉู่เหินหยุดมือในทันที เพราะเขานั้นรู้สึกแปลก ๆ ปกติแล้ว เวลาคนอื่นใช้งาช้างอันนี้ มันไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไรแบบนี้เลย แต่เมื่อใช้กับตัวเขาเอง มันกลับต่างออกไป!
ฉู่เหินจ้องมองไปที่กำปั้นของเขาที่ยาวเกือบ ๆ 2 เมตร ซึ่งตอนนี้งาช้างก็เหลือเพียงแค่ 3 ใน 4 จากเดิมเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังคงยาวมากอยู่ดี หลังจากคิดอะไรบางอย่าง ฉู่เหินก็ตัดสินใจเก็บงาช้ากลับเข้าไปในแหวน พร้อมกับความที่ว่าจะสร้างอาวุธให้กับโป๋อีกู่สักชิ้น
โป๋อีกู่นั้นขยันฝึกฝนกว่าเขาเสียอีก แต่ถึงอย่างนั่นการฝึกหนักมันก็ไม่ค่อยเห็นผลซักเท่าไหร่ ดังนั้นฉู่เหินจึงเข้าไปคุยกับโป๋อีกู่ ซึ่งมันก็ทำให้ชายหนุ่มได้รู้ว่าโป๋อีกู่นั้นชอบใช้ปืนกับหอกอสรพิษ ซึ่งเป็นอาวุธในสมัยโบราณ
ซึ่งหากฉู่เหินจะใช้งาช้างอันนี้เป็นแกนหลัก มันก็คงไม่มีปัญหาในการสร้างอยู่แล้ว แน่นอนว่าหอกอสรพิษที่เขาจะสร้างขึ้นมานั้น มันจะต้องแตกต่างจากของธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน