สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 120 พูดคุยเรื่องธุรกิจ[รีไรท์]
บทที่ 120 พูดคุยเรื่องธุรกิจ[รีไรท์]
ดูเหมือนว่าหางของมันจะงอกออกมานิดหน่อยแล้ว เรื่องนี้ทำให้ฉู่เหินรู้สึกสนใจ เขาเคยได้ยินเรื่องของจิ้งจอกเก้าหางมาก่อน หากแต่ไม่เคยเห็นแมวเก้าหางมาก่อนเลย ถ้าเป็นแบบนี้ ความสามารถของเจ้าเหมียวต้องสูงมาก ๆ แน่!
หลังจากเห็นแบบนั้นฉู่เหินก็คิดอะไรบางอย่างได้ ก่อนที่มุมปากของเขาจะตกลง เสียงของมันดังออกไปไกลในท้องฟ้าอันเงียบสงบ ไม่นานนักก็มีนกสีทองตัวหนึ่งนั้นบินขึ้นมา ฉู่เหินเอง เขาก็ทำการยื่นมือออกไปให้มันเกาะ
นี่เป็นนกคีรีบูน หลังจากพัฒนาความสามารถทางด้านการต่อสู้ขึ้นมา เจ้านกนี่มันก็น่าสนใจยิ่งขึ้นไปอีก เพียงแต่ช่วงหลังมันไม่ได้อาศัยในป่าแล้ว และฉู่เหินเอง ช่วงนี้เขาก็ให้มันกินเนื้อสัตว์ประหลาดเข้าไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ตอนนี้มันดูไม่ธรรมดา!
ฉู่เหินมั่นใจว่าความสามารถของเจ้านกนี่ต้องสูงมาก เพราะงั้นมันคงไม่มีทางที่จะถูกล่าได้ง่าย ๆ ดังนั้นฉู่เหินจึงสั่งให้มันไปปกป้องหวงลี่ลี่ ซึ่งเขาเองก็ได้บอกกับผู้อาวุโสจางว่าให้นำเนื้อสัตว์ไปไว้ที่บ้านของตัวเองสักหน่อย เพื่อให้เขาให้อาหารนกคีรีบูน
วันต่อมา ฉู่เหินนั่งอยู่บนรถของคนขับรถจางเพื่อที่จะเข้าไปในเมือง เขาต้องมาที่บ้านของผู้อาวุโสจางก่อน เพราะทั้งคนและนกไม่เคยเจอกันมาก่อน เขาเกรงว่าผู้อาวุโสจางจะเผลอไล่นกคีรีบูไป เพียงเพราะเห็นว่ามันเป็นนกตัวเล็ก ๆ ที่ดูอ่อนแอ
อีกอย่างเขายังมีเรื่องที่ต้องขอให้ผู้อาวุโสจางช่วย เพราะนอกจากผู้อาวุโสจางแล้ว เขาก็ไม่รู้จักใครอีก
“น้องฉู่ มาหาฉันในวันนี้มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่า?” ผู้อาวุโสจางถามอย่างร่าเริง
“เฮียจาง พูดถูกซะแล้ว ผมมาที่นี่มีธุระจริง ๆ นั้นแหละ!” ฉู่เหินเกาหัวเล็กน้อย เขานั้นรู้สึกลำบากใจทุกครั้งที่จะต้องขอให้อีกฝ่ายช่วย
“ลองบอกมาสิ อะไรที่ช่วยได้ฉันจะช่วย” ก็เพราะว่าฝ่ายตรงข้ามจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ทำให้ฉู่เหินต้องลำบากใจขนาดนี้นั้นแหละ
ฉู่เหินบอกฝ่ายตรงข้ามเกี่ยวกับธุรกิจอาหารที่จะทำอย่างละเอียด สิ่งที่ไม่คาดคิดคือหลังจากที่ผู้อาวุโสจางฟังเสร็จ เขาก็บอกว่าฉู่เหินต้องทำได้สำเร็จแน่ ๆ ก่อนที่ชายชราจะออกตัวว่าในช่วงระยะแรก ๆ เดี๋ยวเขาจะคอยช่วยเหลือให้ทุกอย่างราบรื่นเอง
ฉู่เหินดีใจขอบคุณอย่างรีบร้อน เพราะสำหรับฉู่เหินนั้นนี่เป็นเรื่องที่ใหญ่เกินตัวของเขามาก ๆ
“แล้วก็มีอีกเรื่องหนึ่งครับ ผมอยากจะขอความร่วมมือหน่อย ก่อนน่านั้นผมอยากให้เฮียจางดูนี่ก่อนนะครับ”
ต่อมา ฉู่เหินกับผู้อาวุโสจางก็พากันออกไปที่สนามหน้าบ้าน ฉู่เหินหยิบของบางอย่างออกมาจากแหวนมิติโดยที่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มอยู่
มันเป็นปะการังที่เติบโตอยู่ใต้ทะเล มันดูราวกับรูปแกะสลักที่มีรูปร่างแปลกประหลาด
หลังจากที่ผู้อาวุโสจางเห็นสิ่งนั้นก็ตกตะลึงไปจนอ้าปากค้าง โดยเฉพาะเมื่อฉู่เหินบอกว่ามันสามารถเปล่งแสงออกมาได้
เขารู้ว่ามันมีค่ามากขนาดไหน มันไม่มีสิ่งไหนในตอนนี้ที่จะสามารถเทียบราคากับมันได้ ชายชราไม่เข้าใจเลยว่าฉู่เหินหาของพวกนี้มาจากไหน
“ผมให้นี่เป็นหลักประกันก็แล้วกันนะ? “เมื่อเห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่าย ผู้อาวุโสจางก็ตกตะลึง คนตรงหน้าตอนนี่ไม่ใช่คนไม่เอาไหน เขามักจะเอาของแบบนี้มาให้คนอื่น ๆ แบบฟรี ๆ อย่างนี้ บอกได้คำเดียวว่ามีพิรุธสุด ๆ
“บอกมาตรง ๆ ว่าอยากให้ทำอะไรกันแน่?” ผู้อาวุโสจางยิ้ม นี่เขากำลังล้อเล่นอยู่รึเปล่าที่พูดอะไรออกไปแบบนั้น
“ก็ตามที่พูดเลยครับ นี่เป็นหลักประกัน ไม่ได้ให้ฟรี ๆ ขอแลกกับพวกอาหาร ของใช้ในชีวิตประจำวัน หนังสือ ขอความร่วมมือแบบระยะยาวเลยครับ แล้วเดี๋ยวผมจะเอาของแบบนี้มาให้อีกเรื่อย ๆเลย” ฉู่เหินยังคงยิ้มอยู่อย่างนั้น
ถึงได้รับคำอธิบายแบบละเอียดผู้อาวุโสจางก็ไม่ได้สบายใจสักนิด ชายชราจ้องไปที่ฉู่เหินตาเขม่ง ถ้าใช้ของแลกเปลี่ยนที่เท่า ๆ กันล่ะก็ มันเท่ากับอาหารจำนวนมหาศาลเลย ดังนั้นเขาต้องการที่จะรู้รายละเอียดมากกว่านี้
“บอกแล้วไงว่าให้บอกมาตรง ๆ อยากได้ของแลกมากขนาดไหน?”
ฉู่เหินนิ่งไปสักพักก่อนที่จะตัดสินใจ
“ขอปริมาณที่ทำให้คน 5 พันคนอยู่ได้ 1 ปี! ใช้ปริมาณนี้ไปตลอดเลยครับ” ฉู่เหินรู้ว่าเงือกนั้นมีจำนวนไม่มากเท่าไหร่ รวมพวกตัวเล็กตัวใหญ่ก็คงจะไม่เกิน 5 พัน แค่นี้คงทำให้พวกเงือกนั้นชีวิตดีขึ้นแล้วละ
นั่นทำให้ผู้อาวุโสจางรู้สึกกลุ้มใจเล็กน้อย ในความคิดของเขานั้นแค่นั้นก็ยังไม่เทียบเท่ากับปะการังเรืองแสงอยู่ดี เพราะฉะนั้นการแลกเปลี่ยนนี้ฉู่เหินเสียผลประโยชน์แบบเต็ม ๆ
แล้วถ้าเขาเอาสิ่งที่ได้มาไปขายคงจะได้ราคาที่สูงมากในอนาคต ผู้อาวุโสจางจึงตอบตกลงโดยไม่ลังเลอีก ว่าแล้วฉู่เหินก็ให้นกคีรีบูนกับผู้อาวุโสจางทำความรู้จักกับ จากนั้นเขาก็คิดที่จะลาอีกฝ่ายเลย
แต่ก่อนที่จะไป เขาก็บอกเอาไว้ว่า “อ้อ ผู้อาวุโสจาง ผมลืมบอกไป ช่วยต่อไฟบ้านซะทีเถอะครับ รวยออกไม่ใช่รึไง จะได้มีอะไรอย่างอื่นบ้าง
ประโยคนี้ทำให้ผู้อาวุโสจางงงมาก เขาไม่เข้าใจเลยว่าตัวเขานั้นล้าหลังตรงไหน แต่ฉู่เหินกลับมองว่านี่เป็นความลับของชายชรา แม้ว่าใครมาถามเขาก็คงไม่พูดหรอก
เมื่อมองด้านหลังของฉู่เหินที่ค่อย ๆ ลับตาไป สีหน้าของชายตรงหน้าก็พลันดูลึกลับมากขึ้น
ในที่สุดฉู่เหินก็มาที่โรงเรียน เมื่อเขาเห็นว่าหวงลี่ลี่สบายดี ชายหนุ่มก็แอบปล่อยนกคีรีบูนอย่างลับ ๆ ให้มันบินไปรอบ ๆ ก่อนที่เขาจะไปต่อที่โรงพยาบาล
เขาต้องการปกป้องทุกคน ไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่สามารถสบายใจได้
การมาข้างนอกในครั้งนี้ ฉู่เหินได้ทำตามสัญญาที่ตกลงกันไว้กับพวกเงือกได้ นี่จึงทำให้เขาเบาใจไปเปลาะหนึ่ง อีก 2-3 วัน คงสามารถส่งของลงไปให้ได้ ถึงตอนนั้นเขาจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด
ครั้งที่แล้วเขาไม่ได้หยิบไข่มุกออกมาให้ผู้เฒ่าจางดู เป็นเพราะว่าพวกมันมีค่ามาก ฉู่เหินวางแผนที่จะทำการค้าขายอีกหลายครั้ง ดังนั้นการรีบร้อนโลภมากจึงไม่ใช่สิ่งที่ดีสำหรับทั้ง 2 ฝ่าย
มนุษย์นั้นโลภมาก หากรีบปล่อยของดี ๆ ออกไป แล้วแบบนี้ของธรรมดา ๆ ใครจะซื้อล่ะ? อีกอย่างตัวฉู่เหินเองก็ไม่อยากที่จะไปรบกวนพวกเงือกมากนัก โดยเฉพาะเมื่อไม่รู้ว่าปัญหาจะไปตกอยู่กับใครกันแน่
ดังนั้นฉู่เหินจึงเลือกที่จะทำอะไรบางอย่างแทน