สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 50 มิตรสหายในความทรงจำ
บทที่ 50 มิตรสหายในความทรงจำ[รีไรท์]
กลางดึกคืนนั้น แทนที่แมวนพเวทย์จะนอน มันกลับจ้องมาที่ท่วงท่าการปล่อยหมัดของฉู่เหินด้วยความหลงใหล เขาซ้อมท่วงท่าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งเจ้าแมวนพเวทย์ก็พยายามเลียนแบบท่วงท่าในแบบเดียวกัน
การฝึกเพียง 1 คืนในวันนี้ของฉู่เหินทำให้เขารู้สึกว่าพลังการฝึกตนของเขาเพิ่มขึ้นมา ครั้งก่อนที่วิชาพลังดวงดาวเขาสามารถไปถึงขั้นก่อกำเนิดได้นั้น ทั้งหมดเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพจิตใจตัวเขาเองทั้งสิ้น ถ้าเขาฝึกไปทีละขั้นตอน อาจต้องใช้เวลาถึงครึ่งปีเพื่อมาถึงขั้นนี้
แม้ว่าตอนนี้ขั้นก่อกำเนิดจะก้าวหน้าไม่น้อยแล้ว แต่มันก็ไม่ง่ายเลยที่จะไปถึงขั้นบรรลุได้ น่ากลัวว่าต่อให้ฉู่เหินกินเนื้อสัตว์อีกจำนวนมากเป็นอาหารเสริม เมื่อเวลาผ่านไปอีกปีหรือสองปี เขาก็ยังไม่ถึงขั้นนี้ ฉู่เหินรู้ดีจึงไม่ได้รีบร้อนกับการฝึก เพราะเขารู้ดีว่ามันเร่งไม่ได้
เมื่อถึงเวลาเช้าตรู่วันรุ่งขึ้น การฝึกของฉู่เหินก็เสร็จสิ้น เขารู้สึกสดชื่นไปทั้งตัว มันแปลกมากจริง ๆ ตั้งแต่ฉู่เหินเริ่มฝึกวิทยายุทธนี้ เขาก็แทบไม่จำเป็นที่จะต้องนอนด้วยซ้ำ พอเช้ามาก็สดชื่นเลย สมัยก่อนเขานอนเป็น 10 ชั่วโมง แต่ก็ไม่เคยสดชื่นเท่านี้
วันนี้ทั้งสองสาวดูจะตื่นเช้ามาก พอฉู่เหินฝึกตนเสร็จเขาก็ได้กลิ่นหอม ๆ ของอาหาร มันทำให้ท้องเขาร้องจ๊อก ๆ ด้วยความอดรนทนไม่ไหว เขาไม่รอช้ารีบกลับเข้าห้องไปอาบน้ำอย่างรวดเร็ว เพื่อเตรียมตัวไปทานข้าว ทันทีที่เขาอาบเสร็จ เขาก็ได้ยินเสียงร้องด้วยความตกใจของสองสาวอยู่นอกบ้าน ฉู่เหินจึงรีบวิ่งออกไป
เมื่อฉู่เหินไปที่สวนนอกบ้าน เขาก็รู้ว่าไม่ได้เกิดเรื่องเลวร้ายอะไร หากแต่เป็นตัวเขาเองที่ตื่นตูมไปเอง ทั้งสองสาวกำลังยืนอยู่ที่แปลงดอกไม้ พวกเธอแปลกใจจนอ้าปากค้าง แม้แต่เสี่ยวชิงที่ปกติแล้วจะนิ่งมากก็ยังไม่เว้น
พระเจ้า! มันช่างน่าเหลือเชื่อจริง ๆ เมล็ดที่เขาหว่านไว้ที่แปลงดอกไม้เมื่อวาน วันนี้มันไม่เพียงแต่เจริญเติบโต แต่ยังออกผลอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นแตงกวาที่ออกผลเยอะขนาดที่ต้องใช้สองมือถือถึงจะได้ มะเขือเทศก็ลูกใหญ่เท่ากำปั้นและสุกกำลังพอดี โดยเฉพาะดอกเก๊กฮวยที่พร้อมใจกันบานสะพรั่งเต็มสวนเสียจนดูสวยงามน่าจับตาเป็นพิเศษ
ภาพตรงหน้าทำให้ทั้งสองสาวรู้สึกมึนงง ถ้าไม่ได้ว่าพวกเธอปลูกเมล็ดพวกนี้ด้วยมือตัวเอง สองสาวคงไม่เชื่อว่ามันจะเกิดขึ้นจริง ๆ นี่มันยอดมาก ๆ โลกนี้จะมีอะไรที่วิเศษมากไปกว่านี้อีก เมล็ดที่ไหนที่ปลูกเมื่อคืน แล้วออกผลวันรุ่งขึ้น
“พี่เหินคะ นี่คือสิ่งที่พี่บอกว่าจะทำให้เราแปลกใจใช่ไหม?” เสี่ยวชิงลอบมองฉู่เหินพร้อมกับถามด้วยความแปลกใจ
“พี่ทำได้ยังไง รีบบอกหนูมานะ นี่มันเจ๋งมากเลย” เขามองหวงลี่ลี่ที่กระโดดโลดเต้นโผเข้ามาหา ความรู้สึกของฉู่เหินตีกันไปมาในใจ ก่อนที่เขาจะตัดสินใจบอกออกไป ก็ใครมันจะไปทนอาการรบเร้าของเจ้าเด็กคนนี้ไหวละถูกไหม?
เมื่อทานข้าวเช้าเสร็จ ทั้งสามก็เดินไปที่บ่อปลาเพื่อสำรวจอะไรบางอย่าง ในเมื่อเขาตัดสินใจสร้างบ้านแล้ว แบบนั้นก็ต้องวางแผนให้ดีก่อน เพราะการสร้างบ้านไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ ว่าแล้วทั้งสามก็เดินหัวเราะต่อกระซิกกันไปจนถึงบ่อปลา
ไม่กี่นาทีต่อมา พวกเขาก็เดินออกจากหมู่บ้านไปที่บ่อปลา แต่เมื่อเขาไปถึงบ่อขยะของหมู่บ้าน ที่อยู่แถว ๆ บ่อปลา พวกเขาก็เห็นเข้ากับร่างของคน ๆ หนึ่งนอนอยู่บนผืนหญ้า แม้จะมีหญ้าบัง แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นผู้หญิง ไม่มีใครนึกว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ในตอนเช้า แต่เมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ต้องเดินไปดูกว่าเกิดอะไรขึ้น เผื่อจะช่วยอะไรได้
ฉู่เหินเดินมาอยู่ข้างหน้าเธอ เขาเอามืออังจมูก ก่อนที่จะพบว่าเธอยังหายใจอยู่ แต่มันรวยรินเหลือเกิน ไม่รอช้าฉู่เหินรีบอุ้มเธอขึ้นไปที่บ้านของเขา การช่วยชีวิตคนมีค่ามากกว่าสร้างเจดีย์เจ็ดชั้น* จะให้พวกเขาแค่มองแล้วไม่ช่วยได้อย่างไร
เสี่ยวชิงที่เข้ามาช่วย เธอเอาน้ำใส่กะละมังมาล้างโคลนบนหน้าให้หญิงสาวปริศนาด้วยผ้า ฉู่เหินมองหน้าสาวที่อยู่ตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา เธอเป็นหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง คิ้วโก่งดั่งใบวิลโลว์ ผมดำสยายยาวถึงเอว
ชุดกระโปรงสีชมพูอ่อนขับเน้นทรวดทรงอันงดงาม โดยเฉพาะหน้าอกที่นูนสูงดันเสื้อขึ้นมา ผิวขาวเนียนของเธอเต่งตึงเปล่งประกายราวกับคริสตัล
ถึงเธอจะแสดงสีหน้าเจ็บปวดทั้งที่ยังหลับตา แต่นั่นก็ไม่สามารถบดบังความสวยของเธอได้ ตอนนี้เธอยังนอนนิ่งไม่ต่างกับเจ้าหญิงนิทรา
อันที่จริงแล้วฉู่เหินไม่ได้มองเพราะว่าเธอสวยหรือหุ่นดีแต่อย่างใด หากแต่เพราะเขารู้สึกคุ้นหน้าเธอมาก ดูเหมือนว่าจะเคยรู้จักกัน แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าเคยเจอเธอที่ไหนเนี่ยซิ
ระหว่างที่เขานึกอยู่นั้น ความทรงจำอันเลือนรางจากในอดีตก็โผล่มา เขาจำได้ว่าตอนเรียนมัธยมปลายปีที่ 5 มีนักเรียนคนหนึ่งที่เพิ่งย้ายมา ถ้าเขาจำไม่ผิด เธอน่าจะชื่อซ่างกวนเสี่ยวฟู๋
ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ไม่เหมือนใครและมักอยู่คนเดียว เธอหน้าตาสวย ทำให้มีนักเรียนชายหลายคนมาจีบ แต่ก็ไม่มีใครเข้าใกล้เธอได้ พวกเขาจึงเลิกตอแยเธอและจากไปอย่างเงียบ ๆ
แต่ความสัมพันธ์ระหว่างซ่างกวนเสี่ยวฟู๋และฉู่เหินกลับไม่เลวนัก ด้วยความที่เขาเป็นคนตรงไปตรงมา เวลามีอะไรก็จะพูดตรง ๆ นั่นก็ทำให้ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ยอมเป็นเพื่อนกับฉู่เหิน
แต่ช่วงม. 6 นั้นเองซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ก็ย้ายไปเรียนที่อื่น นั้นก็ทำให้ทั้งสองสนิทกันได้แค่ช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เขาไม่นึกไม่ฝันเลยว่าหลังผ่านไปไม่กี่ปีเขาจะได้เจอซ่างกวนเสี่ยวฟู๋วันนี้อีกครั้ง ภาพเธอยังตราตรึงอยู่ในความทรงจำของเขาเสมอ และดูเหมือนว่าเรื่องที่เกิดขึ้นจะมีก็แต่ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋คนเดียวเท่านั้นที่รู้ ดังนั้นเขาจึงต้องรอสอบถามหลังเธอตื่น
หวงลี่ลี่กำลังใช้ไม้กวาดกวาดหน้าบ้านอยู่ เด็กคนนี้ขยันไม่ค่อยบ่อยนักหรอก ระหว่างที่เธอทำความสะอาดอยู่นั้น เธอก็เจอเมล็ดพืชขนาดเท่านิ้วมืออยู่บนพื้น แต่เธอไม่ได้ใส่ใจอะไรจึงโยนมันลงไปในแปลงดอกไม้ เมื่อกวาดเสร็จ เธอก็เดินไปเล่นกับเสี่ยวชิง
เดิมทีวันนี้ฉู่เหินว่าจะออกทะเล เขากะไว้ว่าจะออกไปหว่านแหอาทิตย์ละ 3 ครั้ง เมื่อวานเขาได้ของมาเยอะมาก วันนี้เลยอยากลองเสี่ยงดวงดูอีกรอบ แต่ก็ดันมาเกิดเรื่องนี้ขึ้นซะก่อน เขาจึงไม่กล้าวางใจออกจากบ้านได้
แค่ดูก็รู้ว่าซ่างกวนเสี่ยวฟู๋กำลังตกที่นั่งลำบาก ร่างกายเธอมีแผลที่เกิดจากดาบหลายแห่ง ฉู่เหินตรวจดูฝ่ามือของเธอตอนเธอหลับ มือของเธอมีหนังด้านหลายจุด เห็นได้ชัดว่าเกิดจากการใช้อาวุธเป็นประจำ เธอน่าจะเป็นผู้ฝึกยุทธแน่เลย
และเพราะอย่างนี้เอง ฉู่เหินจึงไม่กล้าออกไปไหน ถ้ามีศัตรูมาตามหาเธอที่นี่ระหว่างที่เขาไม่อยู่ เสี่ยวชิงกับลี่ลี่อาจตกอยู่ในอันตรายได้ วันนี้เขาจึงยังไปไหนไม่ได้ คงได้แต่นั่งอ่านหนังสือเกี่ยวกับกลไกหุ่นเชิดอยู่ที่บ้าน
กลไกการทำงานของหุ่นเชิดเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งมาก เมื่อเขาศึกษาละเอียดขึ้นเรื่อย ๆ เขาก็รู้สึกว่าเนื้อหามันกว้างมากเกินไป เมื่อค้นคว้าต่อตัวเขาก็รู้ว่าด้วยความสามารถที่มีอยู่ตอนนี้ น่าจะสามารถทำกลไกที่ไม่ซับซ้อนบางอย่างได้ แต่ถ้ามีความรู้ถึงขั้นสูง และสามารถใช้เทคนิคเหล่านั้นได้จริง ๆ ละก็ ถ้าเขาเจอศัตรูลองคิดดูว่ามันจะดีแค่ไหน
ขณะที่ฉู่เหินกำลังศึกษากลไกหุ่นเชิดอยู่นั้น ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ก็ร้องออกมาคำหนึ่ง ในที่สุดก็ได้สติ เธอลืมตามองสิ่งแวดล้อมที่ไม่คุ้นตาเบื้องหน้าเธอ เมื่อเธอเห็นเสี่ยวชิงที่กำลังทำความสะอาดห้อง เธอก็รู้ทันทีว่ามีคนช่วยชีวิตเธอไว้ และที่นี่ก็น่าจะเป็นบ้านของคนที่ช่วยเธอ
*สร้างเจดีย์เจ็ดชั้น คือ คนจีนเชื่อว่าการสร้างเจดีย์เจ็ดชั้นแล้วได้บุญมาก เหมือนกับที่คนไทยเชื่อว่าสร้างโบสถ์แล้วจะได้บุญ