สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 63 เรือมาถึงแล้ว
หลังจากได้ยินคำพูดของฉู่เหิน นายกเทศมนตรีหวังก็เหงื่อไหลจนท่วมตัว เขาได้แต่ยกแขนขึ้นซับเหงื่อที่หน้าผากโดยไม่รู้ตัวตลอดเวลา! ตอนนี้เขาชักกลัวจริง ๆ แล้ว
“คุณฉู่ ผมไม่ได้คิดจะทำอย่างนั้นจริง ๆ นะครับ!” เห็นท่าทางของนายกเทศมนตรีหวัง ฉู่เหินก็ถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้ ทำไมเขาต้องมาทนรำคาญเพราะเรื่องนี้ด้วย!
“งั้นท่านนายกเทศมนตรีหวังต้องการร่วมดื่มเหล้ามงคลสักแก้วก่อนออกจะกลับรึเปล่าครับ?”
“ไม่ ไม่ล่ะ ผมยังมีธุระอีกมากมายต้องไปทำ ลาก่อนนะครับ ลาก่อน” นายกเทศมนตรีหวังรีบลากลูกชายปัญญาอ่อนของเขาเดินจ้ำไปที่รถอย่างรวดเร็ว จากนั้น Audi A6 ก็แล่นจากไปอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ไม่ว่าจะเป็นซูวี่เหมยหรือพ่อแม่ของเสี่ยวชิง รวมไปถึงญาติและเพื่อน ๆ ของเธอ สายตาของพวกเขาที่มองดูฉู่เหินนั้นดูแปลกไป! ในสายตาของพวกเขานั้นนายกเทศมนตรีเป็นบุคคลที่สูงส่งเกินเอื้อมถึง แต่ตอนนี้คนธรรมดาอย่างฉู่เหินกลับไล่ให้เขาจากไปได้ นี่แสดงให้เห็นว่าอิทธิพลของฉู่เหินนั้นน่ากลัวขนาดไหน
“พี่สะใภ้ คุณลุงคุณป้าและเพื่อน ๆ ทุกคน พวกคุณไม่ต้องแปลกใจกันหรอก ผมแค่รู้จักเพื่อนคนหนึ่งซึ่งบังเอิญเป็นเจ้านายของคนคนนี้ คนที่ผมรู้จักนั้นเสี่ยวชิงเองก็เคยพบมาก่อน ต่อให้ผมไม่ได้มาที่นี่วันนี้ เสี่ยวชิงเพียงคนเดียวก็ไล่พวกเขาไปได้แล้ว”
สำหรับคำอธิบายของฉู่เหินทุกคนก็ไม่มั่นใจนัก แต่เรื่องหนึ่งที่มั่นใจได้ก็คือ ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านั้นเขาดูเหมือนจะไม่ธรรมดา สิ่งนี้ทำให้ทุกคนต่างมีรอยยิ้มออกมา
จากนั้นทุกคนหันหลังและเดินกลับไปที่บ้านของเสี่ยวชิง หลังจากเหตุการณ์นี้ นี่ทำให้ทุกคนเกรงใจฉู่เหินและซูวี่เหมยขึ้นมาก คนที่สามารถใช้คำพูดเพียงไม่กี่คำไล่นายกเทศมนตรีไปได้ คนคนนั้นย่อมไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
อย่างไรก็ตามในเวลานั้นเอง ก็มีน้ำเสียงที่แปลกแยกดังขึ้นอีกครั้ง เรื่องนี้ทำให้หลิวจ้านซานพ่อของเสี่ยวชิงที่ได้ยินคำพูดนั้น โกรธมากจนแทบอดใจไม่ไหวที่จะต่อยคนพูดนั้น
“ก็แค่รู้จักคนไม่กี่คน ไม่เห็นจะวิเศษตรงไหน ยังไงก็เป็นแค่พวกคนจน!” คนพูดไม่ใช่ใครอื่นก็คือต่งกุ้ยเซียงนั่นเอง
“เขาจะเป็นคนจนหรือคนรวย ครอบครัวหลิวของฉันรู้ดี แม้ว่าวันหลังเขาจะไม่มีเงินกินข้าว ครอบครัวหลิวของฉันก็เลี้ยงเขาได้ เรื่องเหล่านี้พี่สาวต่งไม่ต้องกังวลหรอก! ตอนนี้เวลาไม่เช้าแล้ว คุณรีบกลับเข้าเมืองดีกว่า ไม่งั้นเดี๋ยวจะไม่ทันรถ”
หลิวจ้านซานเป็นคนที่ซื่อสัตย์มาก ๆ การที่สามารถทำให้คนซื่อสัตย์อย่างนี้พูดคำพูดเหล่านี้ออกมาได้ มันก็แสดงให้เห็นว่าต่งกุ้ยเซียงเป็นคนที่เรียกแรงอาฆาตได้ขนาดไหน
หลังจากได้ยินคำพูดของหลิวจ้านซาน ฉู่เหินก็รู้สึกอบอุ่นใจมาก ครอบครัวคืออะไร นี่แหละคือสิ่งที่เรียกว่าครอบครัว คำพูดที่หลิวจ้านซานเพิ่งพูดออกมานั้น ฉู่เหินจดจำไว้ในใจอย่างซาบซึ้ง ไม่ว่าสิ่งใดที่ชายชราต้องการในอนาคต เขาจะเห็นด้วยอย่างไม่มีเงื่อนไข
“คนจนก็คือคนจน เธอคิดว่าฉันอยากอยู่กับคนจนอย่างพวกเธอเหรอ?” หลังจากต่งกุ้ยเซียงพูดประโยคนี้จบ เธอก็หันกลับและเตรียมจะออกเดินทาง ทันใดนั้นโทรศัพท์ของฉู่เหินดังขึ้นทันที
“สวัสดีครับ ผมคือฉู่เหิน หืม! เรือมาถึงแล้วเหรอ ตอนนี้อยู่ที่ท่าเรือของหมู่บ้านชาวประมงไหก่างใช่มั้ย? ดีมาก งั้นผมจะไปเดี๋ยวนี้” หลังจากวางโทรศัพท์ ฉู่เหินก็รีบเดินไปหาพ่อแม่ของเสี่ยวชิงที่ยืนอยู่ด้านข้าง
“คุณลุง คุณป้า พี่สะใภ้ พวกคุณคุยกันไปก่อนนะครับ เรือประมงที่ผมสั่งซื้อมาถึงแล้ว ผมต้องไปดูก่อน” หลังจากฟังคำพูดของฉู่เหิน หลิวจ้านซานก็พูดขึ้นอย่างรวดเร็ว “เธอซื้อเรืออะไร ตอนนี้มันอยู่ที่ไหน? ฉันจะไปช่วยเธอดูเอง”
หลิวจ้านซานคิดว่าตัวเขาเองมีอาชีพเป็นชาวประมงมาทั้งชีวิต ไม่ว่าจะเป็นเรือประมงขนาดใหญ่หรือขนาดเล็กเขาก็เคยใช้มาหมด ดังนั้นเขาจึงรู้จักเรือประมงเป็นอย่างดี ตอนนี้ในเมื่อเขายอมรับฉู่เหินแล้ว เขาย่อมจะไม่ยอมให้ลูกเขยใช้จ่ายเงินอย่างไม่ยุติธรรม
ฉู่เหินได้ยินหลิวจ้านซานบอกว่าต้องการไปช่วยเขาเช็กคุณภาพของเรือก็มีความสุขมาก เนื่องจากเขาไม่ได้มีความรู้อะไรมากมายเกี่ยวกับเรื่องนี้ เดิมทีคนที่คุ้นเคยกับเรื่องนี้มากที่สุดคือพี่ชายของเขาหวงเจี้ยนหมิง แต่ตอนนี้พี่ชายของเขาเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล เขาจึงไม่มีคนรู้จักที่จะช่วยเขาเลือกเรือได้ ดังนั้นเขาจึงต้องซื้อด้วยตัวเอง
“ถ้าคุณลุงช่วยไปดูให้ได้ก็ดีเลยครับ เสี่ยวชิง งั้นเธอรออยู่ที่นี่นะ ฉันไปกับคุณลุงสองคนก็พอแล้ว” เมื่อกลุ่มญาติและเพื่อน ๆ ได้ยินบทสนทนาของฉู่เหินและหลิวจ้านซาน ทุกคนก็ต้องการจะไปดูด้วย
ในท้ายที่สุดหลิวจ้านซานนำรถพ่วงสามล้อของเขาออกมา ต้องรู้ว่ามันเป็นพาหนะที่พบได้บ่อยที่สุดในชนบท รถพ่วงสามล้อนี้มีขนาดใหญ่และบรรจุของได้มากมาย มันเหมาะสมที่สุดที่จะใช้ในบริเวณนี้ และมันสามารถบรรทุกคนหลาย 10 คนได้อย่างไม่มีปัญหา
ฉู่เหินคิดอยู่ครู่หนึ่งก็ขอให้หลิวจ้านซานมานั่ง Audi A6 และเขาจะขับรถพ่วงสามล้อไปเอง ฉู่เหินเติบโตขึ้นที่นี่ ดังนั้นเขาจึงสามารถขับรถชนิดนี้ได้เป็นอย่างดี สรุปแล้วจึงแบ่งคนเป็นสองกลุ่มเพื่อเดินทางไปโดยรถพ่วงสามล้อและรถ Audi A6
หมู่บ้านต้าหวังและหมู่บ้านชาวประมงไหก่างนั้นอยู่ใกล้ ๆ กัน ใช้เวลาแค่เพียงไม่กี่นาทีทุกคนก็มาถึงท่าเรือของหมู่บ้านชาวประมง เมื่อพวกเขาลงจากรถก็มองเห็นเรือที่สวยงามมาก 2 ลำจอดเทียบอยู่ที่ท่า
ลำแรกเป็นเรือเร็วและอีกลำเป็นเรือประมงขนาดใหญ่ที่มีความยาวมากกว่า 20 เมตร เรือประมงมีสีขาวเงิน บนตัวเรือนั้นออกแบบไว้อย่างสวยงามและน่าตื่นตาตื่นใจ อีกทั้งข้างบนยังมีแหดักปลาอยู่ 10 กว่าอัน ถึงแม้ว่าจำนวนแหที่มีอยู่จะไม่มากนัก แต่มันก็ยังมีที่ว่างอีกมากบนลำเรือ
ทุกคนที่เห็นเรือประมงลำนี้ต่างรู้สึกถึงความหรูหราราคาแพง แม้แต่หลิวจ้านซาน หลังจากเขาเห็นเรือประมงลำนี้ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายระยิบระยับ เรือประมงนี้สวยเกินไป! ทุกคนรีบเดินเข้าไปดูและเมื่อพวกเขาลงไปในเรือ พวกเขาก็พบว่ามันกว้างขวางมาก
ภายในเรือประมงนี้มีตู้แช่ขนาดใหญ่ที่ใช้สำหรับเก็บปลา ดูจากขนาดของมันแล้วน่าจะสามารถเก็บปลาได้ 3-5 ตัน และภายในเรือยังมีเครื่องปั่นไฟอยู่อีกด้วย อุปกรณ์ทุกอย่างล้วนแต่เป็นของชั้นหนึ่ง สามารถพูดได้ว่าเรือประมงนี้เป็นเรือในฝันของทุกคน
“สวัสดีครับคุณฉู่ ผมมาจากอู่ต่อเรือเทียนชัง นี่คือเรือประมงที่คุณสั่งเอาไว้และส่วนอีกลำคือเรือเร็วที่คุณเลือกไว้ในวันนั้น รบกวนคุณช่วยตรวจสอบและลงชื่อรับสินค้าด้วยครับ” ชายหนุ่มอายุราว 20 กว่าปีกล่าวกับฉู่เหินอย่างเกรงใจ
“โอเค คุณช่วยรอสักครู่นะครับ” จากนั้นฉู่เหินก็หันไปมองทางหลิวจ้านซานอีกครั้ง
“คุณลุงครับ คุณช่วยผมดูหน่อยว่าเรือประมงลำนี้ใช้ได้ไหม ถ้าไม่มีปัญหาผมจะได้เซ็นรับ” หลังจากได้ยินเสียงฉู่เหิน หลิวจ้านซานก็เหมือนเพิ่งตื่นขึ้นมาจากความฝัน เขามองที่ฉู่เหินด้วยแววตาเหลือเชื่อ
“เสี่ยวเหิน นี่คือเรือประมงลำใหม่ที่เธอเพิ่งซื้อมาเหรอ?” จนถึงตอนนี้หลิวจ้านซานยังรู้สึกว่าทุกอย่างเหมือนภาพลวงตาทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ในเมฆและหมอก
“ใช่ครับคุณลุง นี่คือเรือประมงที่ผมกับเสี่ยวชิงซื้อด้วยกัน” ฉู่เหินมองดูหลิวจ้านซานอย่างสงสัยพลางพูดว่า “หรือว่าเรือลำนี้จะไม่ค่อยดี ดูเหมือนคุณลุงจะไม่ค่อยชอบมันนะครับ”
หลังจากได้ยินคำพูดของฉู่เหิน หลิวจ้านซานก็รีบดึงฉู่เหินไปอีกฝั่ง “เสี่ยวเหินเรือลำนี้ดีมาก แต่เรือลำนี้ท่าทางจะราคาแพง ถ้าเธอต้องกู้เงินเพื่อมาซื้อเรือราคาแพงแบบนี้ ฉันไม่เห็นด้วยแน่!”
เมื่อได้ยินคำพูดนั้น ฉู่เหินก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เขาคิดว่าอีกฝ่ายไม่ชอบเรือลำนี้ ถ้าเป็นอย่างนั้นเขาคงต้องวิ่งไปที่อู่ต่อเรืออีกครั้ง ยุ่งยากยังไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องที่เขาจะต้องชะลอแผนการที่จะออกทะเลอีกครั้งเนี่ยซิ! สัปดาห์นี้เขายังมีภารกิจหนึ่งที่จะต้องออกทะเลและทำให้เสร็จสมบูรณ์ ดังนั้นฉู่เหินไม่ต้องการยอมแพ้ง่าย ๆ แน่!