สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 74 ซวยซ้ำซวยซ้อน
บทที่ 74 ซวยซ้ำซวยซ้อน
ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น พวกเขาเกือบทุกคนบาดเจ็บสาหัส มีผู้โชคร้ายอีก 2-3 คนที่บาดเจ็บบริเวณสำคัญของร่างกาย ส่วนคนที่ยังมีชีวิตก็ลากร่างของเพื่อนที่ได้รับบาดเจ็บออกมาทีละคน ตอนนี้คนพวกนี้ไม่อาจสู้ได้อีกต่อไปแล้ว
หัวหน้าแก๊งวัยกลางคนรู้สึกเย็นวาบขึ้นในอกเมื่อเห็นภาพเบื้องหน้า เขาไม่นึกเลยว่าคนที่เขากำลังตามล่าจะสามารถทำอะไรแบบนี้ได้ เรื่องแบบนี้มันทำให้เขารู้สึกขนลุก
ชายวัยกลางคนกลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคออย่างเงียบ ๆ ก่อนที่เขาจะรีบพาลูกน้องและคนในแก๊งที่บาดเจ็บหนีไปทันที แม้ว่าพวกเขาจะอยากได้สมบัติชิ้นนั้นมากก็ตาม แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะต้องสละชีวิตคนทั้งครอบครัว จะมีก็แต่ครอบครัวของพวกมันเท่านั้นแหละที่จะต้องถูกทำลาย!
แม้ฉู่เหินจะหนีรอดมาได้ แต่เขาไม่ได้ดีใจสักนิด เพราะในตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับอันตรายใหญ่หลวง เบื้องหน้าพวกเขาเต็มไปด้วยสัตว์มีพิษร้ายแรง ทั้งตะขาบ แมงป่อง แมงมุม งูพิษเต็มไปหมด ถ้ามีแค่ตัวสองตัว ฉู่เหินคงไม่รู้หวาดกลัวอะไร แต่ตอนนี้กลับมีพวกมันขวางทางอยู่เป็นจำนวนมาก และนั่นก็ทำให้พวกเขาไม่สามารถเดินทางต่อได้
ในเวลาไม่ถึง 10 นาที สัตว์มีพิษเหล่านั้นก็พากันเรียงตัวเป็นรูปครึ่งวงกลมล้อมรอบพวกเขาเอาไว้ แม้ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋จะเติบโตในสภาพแวดล้อมแบบนี้ แต่เธอก็อดขนหัวลุกไม่ได้กับภาพเบื้องหน้า
ต้องมีเหตุผลแน่ ๆ ที่สัตว์พวกนี้มารวมตัวกัน มันอาจจะมีสมบัติบางอย่างที่ดึงดูสัตว์พวกนี้มา หรือไม่ก็พวกมันอาจถูกมนุษย์ควบคุมเอาไว้ แต่ไม่ว่าเหตุผลจะคืออะไร ทั้งสองคนก็ต้องยอมรับจริง ๆ ตอนนี้พวกเขาก็กำลังตกอยู่ในอันตรายเสียแล้ว
ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ เธอนั้นกลัวสัตว์พวกนี้มาตั้งแต่เกิด พอหญิงสาวเห็นสัตว์พวกนี้ตรงเข้ามาหา เธอก็ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่อ ส่วนฉู่เหินก็ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้เลย
เขาพยายามเรียกชื่อเธออยู่หลายครั้ง ก่อนจะพบว่าซ่างกวนเสี่ยวฟู๋เป็นลมไปเพราะก๊าซพิษ เธอโดนพิษงั้นเหรอ ? ฉู่เหินรู้สึกแปลกใจที่เขากลับไม่เป็นอะไรเลย ยิ่งคิดเขาก็ยิ่งไม่เข้าใจ
แล้วจู่ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นเพราะจำได้ว่ายังมีแมงมุมพิษอยู่ในแหวนมิติของเขา เขาไม่รู้ว่าสัตว์มีพิษเหล่านี้ทำอะไรเขาไม่ได้เพราะฤทธิ์ของแมงมุมที่แผ่ออกมาหรือเปล่า
สัตว์มีพิษพวกนี้ต้องใช้พิษต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด หากพวกมันเจอเข้าพิษที่ร้ายแรงกว่า พวกมันก็จะไม่กล้าเข้ามากล้ำกราย เมื่อคิดได้เช่นนี้ ฉู่เหินจึงไม่รอช้า เขานำแมงมุมพิษตัวใหญ่มาไว้บนฝ่ามือ เมื่อแมงมุมออกมา สัตว์มีพิษอื่น ๆ ก็ถึงกับตัวสั่น เขาจึงรีบหันหลังกลับแล้ววิ่งหนีอย่างไม่รอช้า
ฉู่เหินรู้สึกโชคดีที่รอดจากอันตรายครั้งนี้มาได้ อย่างน้อยซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ก็ไม่ได้โดนพิษร้ายแรง หลังเวลาผ่านไปสักพักใหญ่ เธอก็กลับมามีสติอีกครั้งเมื่อพิษสลายตัว
เมื่อพร้อมจะเดินทางต่อ พวกเขากลับรู้สึกว่าพื้นดินใต้เท้านิ่มยวบยาบ ร่างของพวกเขาร่วงลงไปในดินซุย ๆ นั้น เมื่อเห็นแบบนั้นฉู่เหินก็รีบเก็บแมงมุมเข้าไปในแหวนมิติ ในเวลานี้ ฉู่เหินรู้สึกเซ็งมากเพราะความซวยซ้ำซ้อน ในป่าใหญ่เช่นนี้ สิ่งที่แย่ไม่สุดกลับไม่ใช่คนที่กำลังตามล่าพวกเขา หากแต่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่รู้ และเพราะความไม่รู้นี่แหละที่ทำให้มันแย่!
ตอนนี้ทั้งสองอยู่ในหลุมมืด ๆ และไม่รู้ว่ามีอันตรายอะไรรอพวกเขาอยู่ ตอนนี้ทั้งสองคนไม่รู้ว่าควรเดินหน้าต่อหรือกลับหลัง แต่เมื่อทั้งคู่เงยหน้ามองหลุมที่พวกเขาหล่นลงมา ทั้งสองก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาไม่สามารถออกไปได้ง่าย ๆ แน่
เหตุผลเหนืออื่นใดก็คือหลุมมันลึกมาก โชคดีที่ยังมีออกซิเจนอยู่ ไม่อย่างนั้นพวกเขาคงมีชีวิตรอดไม่ถึง 5 นาทีแน่ ถึงตอนนี้ฉู่เหินเพิ่งตระหนักได้ว่าจริง ๆ แล้วเขายังด้อยฝีมือนัก ที่เป็นแบบนั้นก็เพราะว่าถึงแม้เมื่อก่อนเขาจะสนใจศิลปะป้องกันตัวเป็นอย่างมาก แต่ก็ไม่ได้หมกมุ่นหรือทุ่มเทจริงจังกับวิชาพวกนี้สักเท่าไหร่
ดังนั้นพอเจอสถานการณ์แบบตอนนี้เข้าไป เขาจึงได้รับรู้ถึงข้อบกพร่องของตัวเอง ถ้าหากเขาเก่งพอ เรื่องเลวร้ายแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้น ก่อนหน้านี้เขายังไม่รู้ว่าสิ่งที่เขารู้สึกมันคืออะไร แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก เขาก็เริ่มรู้สึกสะเทือนอารมณ์ เขารู้ว่าหากเขายอมรับสิ่งที่เขากำลังรู้สึกอยู่ เขาคงสกัดกลั้นอารมณ์ไว้ไม่ไหว
แต่การจมอยู่กับความรู้สึกเป็นร้อยเป็นพันนี้ไม่มีประโยชน์อะไร สิ่งสำคัญในตอนนี้คือออกจากที่นี่โดยเร็วที่สุด ฉู่เหินเริ่มรู้สึกร้อนและไม่นานนักเขาก็เริ่มเหงื่อออก
“ฉู่เหิน ที่นี่ที่ไหนน่ะ ฉันกลัว” ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ถามด้วยเสียงสั่นเครือ เธอเหลียวซ้ายหันขวาด้วยความหวาดกลัว
“ไม่ต้องกังวลหรอกว่าที่นี่ที่ไหน ฉันจะพาเธอออกไปจากที่นี่ให้ได้” ฉู่เหินเขย่ามือเย็น ๆ ของซ่างกวนเสี่ยวฟู๋เบา ๆ นี่คือคำสัญญา เพราะฉะนั้นเขาจะต้องทำให้สำเร็จ
“ขอบคุณนะ ฉู่เหิน ถ้าไม่มีนาย ฉันคงตายไปแล้ว” นี่คือความจริง ตั้งแต่เขาช่วยเธอครั้งแรกที่หมู่บ้านชาวประมง หรือตอนที่เขาช่วยเธอหนีลงจากรถไฟ ไหนจะตอนที่เธอโดนสัตว์มีพิษทำร้ายอีก ถ้าเขาไม่ช่วยไว้ ป่านนี้เธอคงลงไปเจอยมบาลนานแล้ว
ฉู่เหินเดินนำหน้าโดยมีซ่างกวนเสี่ยวฟู๋เดินจับมือเขาไว้แน่นตามมาติด ๆ หญิงสาวทำท่าราวกับว่าถ้าเธอปล่อยมือ เขาจะทิ้งเธอไปยังไงยังงั้น
ทั้งคู่เดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง แต่ดูเหมือนว่ายิ่งเดินไปข้างหน้า อากาศก็ยิ่งร้อนขึ้น ทั้งสองเริ่มเหงื่อออกมาสักพักแล้ว แต่นั่นก็ไม่สามารถทำให้ทั้งสองหยุดเดินไปข้างหน้าได้ นั่นเป็นเพราะว่ามีแต่การเดินไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดนิ่งในตอนนี้เท่านั้น ที่ทำให้พวกเขายังคงมีความหวังอยู่ได้
หลังจากเดินมาเป็นเวลานาน เหงื่อตามร่างกายของพวกเขาก็แห้งลง ลองคิดดูสิว่าอุณหภูมิในนี้ต้องสูงมากแค่ไหน ในที่สุดแสงสว่างก็เริ่มปรากฏขึ้นเบื้องหน้า ทั้งคู่ถึงกับอดยิ้มไม่ได้ แต่เมื่อพวกเขาเดินเข้าไปใกล้ พวกเขากลับพบว่ามันไม่ใช่ทางออก และต้นตอของแสงสว่างที่พวกเขาเห็นคือเปลวไฟ
เปลวไฟมีขนาดไม่ใหญ่มาก มันใหญ่แค่ขนาดเท่ากำปั้น แต่อุณหภูมิของมันกลับร้อนมาก ทั้งสองอยู่ห่างจากเปลวเพลิงกว่า 10 เมตร และก็ไม่สามารถเดินเข้าไปใกล้ได้มากกว่านี้อีกแล้ว
เมื่อมาถึงที่นี่ ฉู่เหินไม่มีทางเลือกนอกจากเริ่มใช้ทักษะของตัวเอง ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร แต่เขารู้สึกอะไรบางอย่างมาตลอด ดูเหมือนเขากำลังจะได้รับโอกาสอันยอดเยี่ยม ตอนนี้มีเปลวเพลิงอยู่ตรงหน้าเขา หรือเปลวเพลิงนี้จะเป็นโอกาสของเขา
“อัคคีในหลุมลึก สมบัติระดับ 5 ท่านสามารถใช้พลังแห่งดวงดาวเก็บมันไว้ในร่างกายได้ และสามารถนำค่าประสบการณ์แลกกับดวงอัคคีแบบต่างๆ ได้ ท่านต้องการแลกเปลี่ยนหรือไม่?”
ฉู่เหินไม่คิดเลยว่าเปลวเพลิงตรงหน้าเขาจะเป็นสมบัติระดับ 5 ถ้าได้มันมา นี่น่าก็จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับเขา ถึงค่าประสบการณ์จะสำคัญมาก แต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่เขาจะได้มา เขาขอเลือกไฟดีกว่า