สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) - บทที่ 79 ตระกูลซ่างกวน
บทที่ 79 ตระกูลซ่างกวน
“ถ้าคุณอยากตามรับใช้ฉันจริง ๆ ก็สามารถทำได้ แต่เราต้องทำสัญญากัน 5 ปี คุณต้องหาที่พักแถวริมทะเล ในเวลา 5 ปีนี้ คุณห้ามทำอะไรนอกจากเฝ้าดูน้ำขึ้นน้ำลงในตอนเช้า และเฝ้าดูน้ำขึ้นน้ำลงในตอนกลางคืน ถ้าคุณพบเจอ หรือคิดอะไรได้แล้วก็ให้มาบอกฉัน”
“ถ้าเวลาผ่านไป 5 ปีแล้ว คุณยังคิดไม่ออก แต่ยังคงเฝ้าอดทนดูทะเลทุกวัน ฉันจะรับคุณไว้ แต่ถ้าภายใน 5 ปีนั้น คุณจากฉันไป ข้อตกลงของเราถือว่ายุติลง”
นี่คือข้อตกลงแรกของฉู่เหิน ถ้าเขาทำได้ ฉู่เหินก็จะให้โอกาสชายคนนี้
ด้วยสถานะปัจจุบันของฉู่เหินที่อยู่ขั้นปรมาจารย์ และระดับความเร็วของการพัฒนาร่างกาย ไม่มีใครรู้ว่าได้เลยว่าในอีก 5 ปีข้างหน้า เขาคนนี้จะพัฒนาไปถึงขั้นไหน
ชายคนนั้นครุ่นคิดอย่างหนัก ถ้าเขาทำตามวิธีของฉู่เหิน เขาจะต้องไปดูทะเลทุกวัน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แน่นอนว่ามันต้องใช้เวลา 5 ปี แต่ถ้าเขาสงบจิตใจและตั้งใจสังเกตทะเล เขาเชื่อว่าภายในเวลาไม่ถึง 1 หรือ 2 ปี ตัวเขาจะต้องเปลี่ยนแปลงอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้น เขาจะต้องสามารถทะลวงขั้นได้อย่างแน่นอน
ยังไม่ทันที่จะให้คำตอบ ฉู่เหินก็ได้ทิ้งเบอร์โทรศัพท์ให้กับชายคนนั้นและบอกว่าถ้าเขาเลือกจะไปเฝ้าดูทะเล เขาจะต้องส่งวิดีโอสั้น ๆ ให้กลุ่มเพื่อน ทุกเช้าเย็น
ส่วนวิดีโอจะเป็นของจริงหรือไม่ แค่ฉู่เหินดู เขาก็รู้ทันที
ชายคนนั้นจากไปโดยไม่บอกชื่อไว้ แต่เมื่อฉู่เหินมองแผ่นหลังอันกำยำของชายคนนี้ เขาก็คิดว่าคน ๆ นี้น่าจะเป็นคนที่มีพรสวรรค์อยู่พอตัว
การฝึกร่างกายของเขาดีอยู่แล้ว แต่จิตใจของเขาต่างหากที่ไม่แข็งแกร่งพอ ถ้าเขาได้มองทะเล ไม่นานเขาจะบรรลุขั้นปรมาจารย์แน่นอน
นี่คือโอกาสที่ฉู่เหินมอบให้เขา แต่เขาจะสามารถทำได้หรือไม่ เรื่องนั้นมันก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของเขาเองแล้ว หลังจากนั้น ฉู่เหินและคนอื่น ๆ ก็เริ่มกลับไปทีละคน เมื่อเห็นดังนั้นฉู่เหินจึงตรงไปหาตระกูลซ่างกวนทันที
ในความเป็นจริงแล้ว ระหว่างที่ฉู่เหินและคนอื่น ๆ กำลังเสียเวลากับเรื่องนี้ ตระกูลซ่างกวนก็เดินทางมาถึงที่นี่แล้ว เมื่อพวกเขาได้ยินว่าแฟนของลูกสาวเป็นจอมยุทธขั้นปรมาจารย์ พวกเขาก็อดยิ้มออกมาไม่ได้
ส่วนเหตุผลที่พวกเขาคิดว่าฉู่เหินเป็นแฟนของซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ก็ง่ายนิดเดียว มีหลายคนเห็นพวกเขาโผล่ขึ้นมาจากหลุมลึกในลักษณะโป๊เปลือย
พวกเขาเชื่อว่าความลับไม่มีในโลก ตระกูลซ่างกวนพอรู้เรื่องดังกล่าว พวกเขาก็คิดว่าทุกอย่างมันดูสมเหตุสมผล ตระกูลซ่างกวนดูแลฉู่เหินอย่างดี ทางด้านฉู่เหินเอง เขาก็ยอมรับว่ามันทำให้รู้สึกปลื้มอยู่ไม่น้อย แม้ในตอนแรกเขาจะพยายามปฏิเสธและยืนยันว่าเขาและซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ก็ไม่มีใครเชื่อ แถมยังมองเขาด้วยสายตาหยามเหยียด
เรื่องนี้ทำให้ฉู่เหินรู้สึกไม่ดี “พูดความจริงในต้นปีแบบนี้ ทำไมไม่มีใครเชื่อเนี่ย”
ตระกูลซ่างกวนอาศัยอยู่บนเขาในเมืองหยุนหลิง ห้อมล้อมด้วยภูเขาอันอุดมสมบูรณ์ แต่บางครั้งสัตว์มีพิษก็โผล่มา นั่นจึงไม่ค่อยมีใครหรือนักเดินทางคนไหนมาที่นี่ พูดง่าย ๆ ว่ามันคือสวรรค์นั่นเอง เมื่อฉู่เหินมา เขาจึงรู้สึกราวกับว่าได้เป็นเจ้าของอาณาเขตนี้ยังไงยังงั้น
ตระกูลซ่างกวนมีความสุขกับที่นี่มาก พวกเขาอยู่ท่ามกลางเขาหนาทึบ ต้นเมเปิ้ลแดงสูงใหญ่นับไม่ถ้วน มีดอกไม้นานาพันธุ์ในทุ่งกว้าง น้ำตกไหลลงมาจากภูเขาอยู่ไกล ๆ ถ้ามีลมพัดแรง ละอองน้ำบาง ๆ ก็จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนเดินอยู่บนก้อนเมฆ
แม่น้ำใส ๆ ไหลวนผ่านภูเขา ปลาคราฟดีดตัวขึ้นมาจากลำธาร ทำให้นกบนฟ้าตื่นเต้นมาก แม่น้ำกว้าง น้ำนิ่งพอสมควร ทำให้การนั่งพายท่อนซุงในแม่น้ำรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในแดนสวรรค์
บนแพจะมีเสาธงปักไว้ นี่คือที่พักสำหรับนกที่บินผ่านมา แถวริมแม่น้ำ ดอกไม้ก็จะเติบโตขึ้นทั้งสองฝั่ง กลิ่นหอมฟุ้งไปทั่วบริเวณ ได้ยินเสียงนกร้องเป็นครั้งคราวราวกับกำลังฝันไป
นกที่มีเยอะที่สุดแถวนี้คือนกขมิ้นที่ไม่เพียงแต่งดงาม หากแต่มันยังร้องเสียงดังอีกด้วย โดยเฉพาะเวลาที่บินรวมกันเป็นฝูง ราวกับกลุ่มดาวที่เกิดขึ้นในอากาศ ภาพที่เห็นช่างงดงามเหลือเกิน
บางครั้งเสือดาวก็วิ่งไล่กันออกมาจากในป่า นี่คือความงดงามของธรรมชาติอันแสนบริสุทธิ์สำหรับคนที่พบ โดยเฉพาะเวลาที่ได้เห็นฝูงไก่ฟ้าและกระต่ายวิ่งอยู่บนเขา ภาพเบื้องหน้าเหล่านี้จะต้องทำให้คุณอยากมาปักหลักอยู่ที่นี่ ไม่จากไปไหนแน่ๆ
บ้านของตระกูลซ่างกวนตั้งอยู่บนพื้นที่ตรงข้ามฝั่งแม่น้ำที่มีขนาดเพียงไม่กี่ร้อยเมตร และอาจเป็นเพราะที่นี่มีสิ่งแวดล้อมที่ดี หรืออาจเป็นเพราะทั้งตระกูลซ่างกวนฝึกกำลังภายในก็ไม่ทราบ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร สมาชิกครอบครัวของตระกูลซ่างกวนเกือบทุกคน ล้วนแต่มีอายุยืนยาวกันทั้งนั้น
ด้วยระบบนิเวศทางธรรมชาติของป่าที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้แล้ว ถ้าคนมาอยู่แถวนี้แล้วไม่มีอายุยืนยาวสิน่าแปลก แต่ถึงแม้ทุกอย่างจะดูงดงามไปหมด ฉู่เหินยังรู้สึกเป็นกังวล
คนที่ทำให้เขากังวลไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นตระกูลซ่างกวนเสียเอง เพราะนี่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ มันทำให้ฉู่เหินรู้สึกแปลก ๆ ซึ่งเขาเองก็บอกไม่ถูก
“คุณลุง เสี่ยวฟู๋กับผมเป็นเพื่อนที่เรียนมาห้องเดียวกัน เราไม่ได้เป็นอะไรกันจริง ๆ มันไม่ได้มีอะไรเลยเถิดเกิดขึ้นนะครับ” ถึงจะรู้ว่าฟังไม่ขึ้น แต่เขาก็อยากพยายาม เขาไม่อยากทำให้ฝ่ายหญิงต้องเสื่อมเสีย เพราะความเข้าใจผิด และที่สำคัญที่สุดก็คือพวกเขาไม่ได้เป็นอะไรกันจริง ๆ มันไม่ได้มีอะไรเกิดขึ้น
“ไม่ต้องเรียกลุง เรียกว่าพ่อตาสิ เดี๋ยวเราจะกำหนดวันแต่งของเธอกับเสี่ยวฟู๋ให้ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวจะหาวิวสวย ๆ จัดงานให้เธอกับลูกสาวฉันเอง” ซ่างกวนชิงเฟิงปฏิบัติกับฉู่เหินราวกับเป็นพ่อตากับลูกเขย มันทำให้ฉู่เหินพูดไม่ออก และนั่นก็ทำให้เขาคิดว่าคงต้องหาทางบอกพวกเขาอย่างชัดเจน ไม่งั้นเรื่องคงไม่จบง่าย ๆ แน่
“คุณลุงครับ เราไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ”
“ลุงอะไรล่ะ ก็บอกแล้วว่าพ่อตา”
“พ่อตา…”
“เอ้อ มันต้องอย่างนี้สิ ลูกเขยสุดที่รัก จำไว้นะว่าต่อไปให้เรียกว่าพ่อตา” ฉู่เหินยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกซ่างกวนชิงเฟิงขัด ยิ่งได้ยินคำพูดของซ่างกวนชิงเฟิง ก็ยิ่งทำให้ฉู่เหินอยากเอาหัวโขกฝา
เขารู้ว่าคุณลุงไม่เข้าใจเขา เขาไม่มีทางเลือกนอกจากเดินทางออกจากที่นั่น
“พูดเป็นเล่น ถ้าจะไป ก็ต้องแต่งงานกับตระกูลซ่างกวนก่อนถึงจะไปได้”
ฉู่เหินไม่มีทางเลือกนอกเสียจากทำเป็นครุ่นคิด แต่จริง ๆ แล้วเขาไม่มีอะไรให้ต้องคิดเลย เวลานี้ตอนเขาออกไปเดินป่าและไปที่แม่น้ำ ฉู่เหินก็จะโดนคนในตระกูลซ่างกวนตามประกบตลอด เหตุผลที่คนพวกนี้พาเขาไปเดินด้วยก็เพราะกลัวว่าเขาจะแอบหนีไปนั่นเอง
ไอ้หนุ่มคนนี้มีเรื่องบัดสีกับลูกสาวเขาแล้ว แต่ถึงจะไม่มี พวกเขาก็จะไม่ปล่อยให้คนเก่ง ๆ แบบนี้หลุดมือไปง่าย ๆ ถ้าพวกเขาได้เด็กคนนี้เข้าตระกูล มันจะส่งผลดีต่อบ้านซ่างกวน มันน่าตื่นเต้นมากที่ลูกสาวจะได้แต่งกับปรมาจารย์อายุ 20 ต้น ๆ แค่คิดก็มีความสุขแล้ว
สิ่งที่มีค่าต่อตระกูลซ่างกวนมากที่สุดคือความสามารถของฉู่เหิน เขาคืออัจฉริยะที่สามารถบรรลุขั้นปรมาจารย์ด้วยอายุเพียง 21 ปี เด็กคนนี้ต้องอนาคตไกลแน่นอน เรื่องนี้จะส่งผลดีต่อตระกูลซ่างกวน เพราะงั้นจึงควรรีบให้พวกเขาแต่งงานกันโดยเร็ว ช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋ก็ได้ใช้เวลากับฉู่เหิน ตัวเธอเองก็เริ่มผูกพันกับเขามาก และเพราะเหตุนี้เอง ถึงเธอจะรู้ว่าพ่อของเธอเข้าใจผิด แต่เธอก็ไม่พูดอะไร แถมยังดีใจเสียด้วย เมื่อเป็นแบบนี้ฉู่เหินจึงกลุ้มใจหนักกว่าเดิม
ถ้าอีกฝ่ายช่วยกันปฏิเสธ พวกเขาก็อาจหนีไปด้วยกันได้ แต่อีกฝ่ายกลับเออออตามที่บ้านไปด้วย มันยิ่งทำให้เขากลืนไม่เข้าคายไม่ออก
แต่ถ้าให้เขาต้องแต่งงานกับซ่างกวนเสี่ยวฟู๋จริง ๆ เขาก็จะไม่มีวันแต่ง เพราะในตอนนี้นั้นเขามีแต่หลิวเสี่ยวชิงอยู่เต็มหัวใจ เขาจะทนอยู่กับหญิงอื่นได้อย่างไร แม้เขาจะรู้ว่าถ้าปฏิเสธไปตรง ๆ มันก็อาจทำให้ซ่างกวนเสี่ยวฟู๋เสียใจ แต่เขาไม่ใช่คนหลายใจ! จุด ๆ นี้เป็นจริงอย่างไม่ต้องสงสัย