สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - ตอนที่ 44 วันธรรมดาๆ ของผู้ชนะ
ตอนที่ 44 วันธรรมดาๆ ของผู้ชนะ
ไป๋เยี่ยรู้สึกงุนงงเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าทุกคนกำลังเศร้า ทำให้จู่ๆ เขาก็รู้สึกผิดหวังตามไปด้วย ให้ตายเถอะ…
คะแนนของพวกเขาคงไม่น้อยขนาดนั้นใช่ไหม แบบนี้ภารกิจก็ไม่สำเร็จน่ะสิ
ทีมเฮงซวยเอ๊ย!
ลูกกระจ๊อกทั้งเก้าเปล่าวะเนี่ย
ก็เล่นให้คนเดียวแบกอีกเก้าคน ฉันจะไปทำอะไรได้เล่า
ทว่าจู่ๆ หูเฟิงอวิ๋นก็พูดขึ้น “ไป๋เยี่ย คุณไม่ต้องเสียใจหรอก คุณยังอายุน้อย ยังมีโอกาสอยู่น่า ถึงแม้ครั้งนี้คุณจะทำออกมาได้ไม่ดีนัก แต่ต่อไปจิ้นซีของพวกเราจะต้องมีอนาคตที่สดใสแน่นอน ถูกไหม”
หูเฟิงอวิ๋นปลอบใจไป๋เยี่ยอยู่พักใหญ่ก่อนจะถาม “ใช่สิ แล้วไป๋เยี่ยได้กี่คะแนนจ๊ะ”
ไป๋เยี่ยถอนหายใจพร้อมกับเปิดผลสอบขึ้นมา “ผมจะสอบได้เท่าไหร่ก็ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกครับ…ผมได้ร้อยคะแนน”
ทันทีที่ไป๋เยี่ยพูดจบ ทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบ เงียบเสียจนได้ยินเสียงเข็มหล่น!
เสียงจากปลายสายก็เงียบไปเช่นกัน!
หนึ่งร้อยคะแนนงั้นเหรอ
ล้อกันเล่นใช่ไหม
หลังจากที่เงียบกันมาครู่หนึ่ง หลี่หวายจงก็กระแอมแล้วจึงเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ไป๋เยี่ย ไม่ตลกเลยนะ คุณได้กี่คะแนนกันแน่!”
ไป๋เยี่ยโชว์หน้าจอโทรศัพท์ให้ทุกคนดูพร้อมกับพูดขึ้นช้าๆ “ก็ร้อยคะแนนนี่ไง พวกคุณดูสิ”
ทั้งเก้าคนรีบลุกมาดูเหมือนกับแมวที่ได้กลิ่นปลา และเมื่อพวกเขาได้เห็นผลสอบของไป๋เยี่ย พวกเขาก็ตกตะลึงไปในทันที!
“ร…ร…ร้อยเปอร์เซ็นต์!”
“จริงด้วย…ร้อยคะแนนจริงด้วย!”
“สุดยอด! โคตรเทพเลย!”
“คะแนนรวมสามร้อยเจ็ดสิบห้างั้นเหรอ หมายความว่า…พวกเรา…พวกเราติดท็อปสิบแล้วสินะ”
“สามร้อยเจ็ดสิบห้า มากกว่าชวนตูที่ได้สามร้อยหกสิบอีกนี่นา ติดแล้วใช่ไหมเนี่ย”
“ติดแล้ว! พวกเราติดท็อปสิบ!”
บรรยากาศกลับมาเฮฮาในทันที ทุกคนกระโดดโลดเต้นกันจนแทบจะกระโดดขึ้นไปบนก้อนเมฆ
ต่างคนต่างเริ่มส่งเสียงโห่ร้อง จากหมดหวังกลายเป็นสิ้นหวัง และกลับมามีความหวังอีกครั้ง จนนำพามาซึ่งความปีติยินดีที่ได้ขจัดความมัวหมองในใจของทุกคนออกไป
ส่วนทางด้านหูเฟิงอวิ๋น เซียวฮั่นซี และหลี่หวายจงต่างก็พากันนั่งงงเมื่อได้ยินเสียงโหวกเหวกดังมาจากปลายสาย
หลี่หวายจงกระแอมแล้วตะโกนถามเสียงดัง “เงียบ! เงียบหน่อย เกิดอะไรขึ้น”
สวี่จงเหล่ยทำเสียงชู่วก่อนจะเอ่ยด้วยเสียงที่สั่นไปด้วยความตื่นเต้น “ติดแล้วครับ! พวกเราติดท็อปสิบแล้ว! ไป๋เยี่ยสอบได้ร้อยคะแนน! เขาได้คะแนนเต็มครับ! พวกเราได้คะแนนรวมสามร้อยเจ็ดสิบห้าคะแนนครับ!”
ทุกคนร้องเฮ!
หลี่หวายจงเหม่อจนเผลอทำโทรศัพท์หล่นลงพื้น ดวงตาของเขาเบิกกว้างพร้อมทั้งหยาดน้ำตาที่ไหลลงมา!
เขาพึมพำเสียงสั่น “ติดแล้ว…ติดแล้ว…พวกเราติดท็อปสิบแล้ว! นี่มันตั้งกี่ปีแล้วนะ…”
หูเฟิงอวิ๋นเองก็ยิ่งปลาบปลื้มใจ ไม่น่าเชื่อเลยว่าไป๋เยี่ยจะสอบได้ร้อยคะแนนจริงๆ!
หลี่หวายจงหัวเราะเสียงดังลั่นโดยที่ไม่รู้ตัวว่าใบหน้าของเขานั้นเปื้อนไปด้วยน้ำตา “ดีมาก! ดีมาก! ดีมาก!”
“รางวัล! ต้องมอบรางวัล! เสี่ยวหยาง ออกประกาศที เราจะจัดงานมอบรางวัล เป็นงานใหญ่ระดับมณฑลเพื่อเป็นการต้อนรับการกลับมาของฮีโร่ทั้งสิบคน! พวกคุณทำสำเร็จแล้ว! พอกลับมาคุณจะได้รับรางวัลมากมายแน่นอน!”
“เยี่ยมไปเลยไป๋เยี่ย! นายคือฮีโร่ของจิ้นซี!”
ระหว่างที่ทุกคนกำลังสังสรรค์กันนั้น ปลายสายก็วางสายไปแล้ว
ไม่นานนัก บอร์ดจัดอันดับคะแนนของแต่ละเขตก็ถูกประกาศออกมาแล้ว
อันดับที่หนึ่ง เมืองหลวง สี่ร้อยห้าสิบคะแนน
อันดับที่สอง เมืองไห่ฮู่ สี่ร้อยสามสิบคะแนน
อันดับที่สาม มณฑลเจียงซู สี่ร้อยสิบคะแนน
อันดับที่สี่ เมืองจิน สี่ร้อยห้าคะแนน
อันดับที่ห้า มณฑลกว่างตง สี่ร้อยคะแนน
…
อันดับที่แปด มณฑลจิ้นซี สามร้อยเจ็ดสิบห้าคะแนน
…
อันดับที่สิบ มณฑลชวนตู สามร้อยหกสิบคะแนน
สวี่จงเหล่ยหัวเราะลั่นเมื่อเห็นบอร์ดอันดับ “ฮ่าๆๆ! ฮ่าๆๆ…พวกเราได้ที่แปด ได้ที่แปดของประเทศ ไป๋เยี่ย พวกเรารอดแล้ว พวกเราได้ที่แปด!”
จางจี๋เซียนกล่าวด้วยสีหน้าประหลาดใจ “นี่บ้านคุณผลิตเลขห้าเหรอ”
สวี่จงเหล่ยไม่ได้รู้สึกโกรธใดๆ แต่กลับหัวเราะด้วยความดีใจกว่าเดิม “พระเจ้า ทำไมการเป็นผู้ชนะมันถึงรู้สึกดีขนาดนี้นะ”
เมื่อไป๋เยี่ยเห็นว่าทีมของตนติดสิบอันดับแล้วก็ถอนหายใจออกมา ให้ตายสิ ยังดีที่ติดท็อปสิบ นึกว่าจะทำภารกิจไม่สำเร็จซะแล้ว
ใจหายคว่ำเลยเนี่ย
ทันใดนั้น ไป๋เยี่ยก็ได้ยินเสียงแจ้งเตือนดังขึ้น
[ติ๊ง! ทีมมณฑลจิ้นซีได้อันดับที่แปดจากทั้งประเทศ ติดสิบอันดับแรก ทำภารกิจสำเร็จจะได้รับรางวัลดังนี้
1. แต้มสมาชิก 30 แต้ม
2. ค่าประสบการณ์วิชาทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนจำนวน 30000 แต้ม
3. โอกาสจับรางวัล 3 ดาว จำนวน 1 ครั้ง]
ไป๋เยี่ยมีความสุขสุดๆ ค่าประสบการณ์วิชาทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีนตั้งสามหมื่นแต้ม แถมยังไม่ใช่ค่าประสบการณ์แบบสุ่มด้วย
ตอนนี้แผงคุณสมบัติของไป๋เยี่ยนั้นต่างกับตอนแรกโดยสิ้นเชิง
วิชาทฤษฎีพื้นฐานการแพทย์แผนจีน เลเวล 5: 39018/50000
วิชายาจีน เลเวล 4: 19000/30000
วิชาฝังเข็ม เลเวล 5: 390/50000
นี่ถือเป็นทักษะด้านการแพทย์ที่สูงพอสมควรซึ่งไป๋เยี่ยก็พอใจกับมันมาก!
วิชายาจีนของเขาใกล้ถึงเลเวลห้า หรือเลเวลปรมาจารย์แล้ว
ไป๋เยี่ยลองนึกถึงตอนที่ทั้งสามวิชานั้นถึงระดับประมาจารย์แล้วก็อดรู้สึกภูมิใจไม่ได้
แถมยังได้โอกาสจับรางวัลสามดาวอีกหนึ่งครั้งด้วย ทว่าไป๋เยี่ยก็ไม่ได้รีบร้อน
เขายังมีอีกภารกิจหนึ่ง นั่นก็คือสอบให้ได้ที่หนึ่งจากทั้งประเทศ!
แค่พามณฑลจิ้นซีติดท็อปสิบได้ก็ได้รางวัลเยอะขนาดนี้แล้ว ถ้าสอบได้ที่หนึ่งรางวัลคงจะเยอะกว่านี้เป็นแน่!
คิดได้ดังนั้นไป๋เยี่ยก็ให้กำลังใจตนเอง จะต้องสอบให้ได้ที่หนึ่ง!
ทุกคนเฮฮากันทั้งเช้า ไม่ทันไรก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ทุกคนไม่ได้สั่งเดลิเวอรี่ แต่เลือกไปกินข้าวเที่ยงที่ร้านอาหารโรงแรมแทน
ที่นี่เป็นโรงแรมระดับห้าดาว อาหารของที่นี่จัดว่ามีรสชาติดีมากทีเดียว และแน่นอนว่าราคาอาหารก็ไม่ได้ถูกเช่นกัน แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ ถูกไหม
หัวหน้าบอกมาว่า ‘ฉลองกันทั้งทีต้องกินของดีๆ สิ!’
ทั้งสิบคนเดินมาที่ร้านอาหารอย่างอิ่มเอมใจ
ร้านอาหารตั้งอยู่ที่ชั้นสามของโรงแรม ทุกคนเดินไปคุยไป จนมาถึงร้านอาหารก็จองห้องส่วนตัวไว้
ไป๋เยี่ยพบว่ารอบๆ ตัวเขามีแต่คนคุ้นหน้าคุ้นตาเต็มไปหมด ซึ่งทั้งหมดนั้นคือผู้เข้าแข่งขันที่ร่วมแข่งกันมานี่เอง!
สวี่จงเหล่ยพูดด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง “สุดยอด…ดูรวยจริงๆ ผมได้ยินมาว่าผู้เข้าสอบจากจิงตูได้ค่าอาหารวันละหนึ่งพันหยวน ดีจริงๆ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงมากินข้าวที่นี่ทุกมื้อ”
ทว่าจางจี๋เซียนกลับถอนหายใจ “คนเก่งๆ ก็ได้ดีทั้งนั้นแหละครับ คนเก่งควรได้รับการตอบแทนแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ใช่แค่เมืองจิงตูที่เดียว แต่ทั้งเมืองไห่ฮู่และสิบอันดับแรกก็ได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลทั้งนั้น
เมื่อพวกเขาเดินเข้าร้านอาหารไปก็กลายเป็นที่ดึงดูดสายตาของคนทั้งร้าน
ทุกคนต่างเอาแต่พูดคุยกัน
“เห็นไหม นั่นทีมจิ้นซีล่ะ ไม่น่าเชื่อว่าจะติดท็อปสิบ!”
“ก็ไม่ใช่เพราะไป๋เยี่ยหรอกเหรอ ครั้งนี้เขาทำได้ตั้งร้อยคะแนน! พระเจ้า มันชักจะเทพเกินไปแล้วนะ!”
“ก็แค่ทีมที่ให้คนหนึ่งคนมาแบกคนอีกเก้าคนแหละ”
“โห นี่มันผู้ชนะชัดๆ ฉันทำได้แค่สี่สิบคะแนนเอง แถมทีมฉันก็ไม่ติดท็อปสิบด้วย”
“พอเถอะ! ได้สี่สิบก็ยังพอว่า ฉันอุตส่าห์โชว์เหนือทำคะแนนได้ตั้งห้าสิบสอง! แต่สุดท้ายทีมฉันดันได้ที่ยี่สิบซะงั้น”
ระหว่างที่กำลังเดินอยู่นั้น สายตาของทุกคนก็จับจ้องมายังทีมจิ้นซีด้วยความอิจฉา!
ทว่าสวี่จงเหล่ยกลับรู้สึกภูมิใจที่ถูกมองแบบนี้ ทำให้ท่าเดินของเขาเปลี่ยนไปโดยที่ไม่รู้ตัว
ซึ่งในขณะเดียวกันก็เรียกความไม่พอใจจากคนอื่นๆ ได้เช่นกัน
“ไรวะ ทำเป็นหยิ่งนี่หว่า…”
“เหอะ เป็นแค่เพื่อนร่วมทีมเฮงซวยยังจะมาทำหยิ่งอีกนะ…”
“เฮ้อ! ใครมันเสกให้ทีมนี้มีเทพคอยแบกวะ!”
สวี่จงเหล่ยเม้มปากแน่นเมื่อได้ยินคนรอบข้างพูดกันเช่นนั้น เขาจึงหันไปพูดกับจางจี๋เซียน “เหล่าจาง ตั้งแต่ใช้ชีวิตมาผมยังไม่เคยรู้สึกดีขนาดนี้มาก่อนเลย เฮ้อ ความรู้สึกของการเป็นผู้ชนะนี่มันยอดจริงๆ!”