สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - ตอนที่ 45 ชดใช้เงินมาซะดีๆ
ตอนที่ 45 ชดใช้เงินมาซะดีๆ
เวลาบ่ายสามโมง ผลสอบได้ประกาศออกมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เข้าสู่ขั้นตอนสุดท้ายของการแข่งขัน
เหลือแค่ตัดสินสิบอันดับแรกของการแข่งขันแบบเดี่ยว
แต่ละเขตการสอบจะส่งตัวแทนมาหนึ่งคนเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันรอบสุดท้ายนี้และจะต้องเข้ารับการสอบสัมภาษณ์
โดยผลคะแนนสุดท้ายจะมาจาก คะแนนสอบ x ห้าสิบเปอร์เซ็นต์ + คะแนนสอบสัมภาษณ์ x ห้าสิบเปอร์เซ็นต์
การจัดอันดับสุดท้ายจะขึ้นอยู่กับผลคะแนนรวม
จริงๆ แล้วมีคนจำนวนมากที่คิดว่าการแข่งขันรอบนี้ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย เพราะว่าถึงแม้จะให้แต่ละเขตส่งตัวแทนมาหนึ่งคน แต่คะแนนของอันดับสอง อันดับสามประจำเมืองจิงตูอาจจะเยอะกว่าคะแนนของอันดับหนึ่งในเขตอื่นๆ ก็ได้
แต่อย่างไรเสียนี่ก็เป็นกฎการแข่งขัน
ผู้ที่ถูกเลือกจึงเป็นอันดับหนึ่งของแต่ละเขต
การแข่งขันจะเริ่มต้นขึ้นพรุ่งนี้เวลาเที่ยง ทว่าทุกคนจะต้องตะลึงในวิธีการสอบ!
จะมีการถ่ายทอดสดในระหว่างการสอบ โดยสถานีวิทยุส่วนกลางช่องสิบจะเป็นผู้ถ่ายทอดสดให้คนนอกได้ชม
ไป๋เยี่ยนั่งอยู่ในหอพัก เขารู้สึกประหม่าเล็กน้อย เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้เห็นข้อสอบ แถมตอนนั้นจะต้องถูกถ่ายทอดสดให้คนนนอกดูอีก เขาจึงประหม่าไม่น้อยเลย
แถมนี่ยังเป็นการออกทีวีครั้งยิ่งใหญ่ด้วย คิดๆ ดูแล้วก็ตื่นเต้นนิดหน่อย
ตรงข้าม เพื่อนร่วมทีมเฮงซวยทั้งเก้าคนกลับกำลังนั่งเล่นเกมกัน
“มาเร็วๆ อย่าป๊อดน่าหลี่ไป๋ ฆ่ามัน!”
“ตีๆๆ ไม่ต้องกลัว โฮ่วอี้อัลติเลย!”
ไปตายซะ!
ไอ้พวกเวรเอ้ย!
สอบอะไรยังไม่รู้กันเลย
ไป๋เยี่ยนั่งเล่นอยู่พักใหญ่ๆ เขารู้สึกไม่สบายใจเอาเสียเลย จึงลุกขึ้นและเดินออกไปข้างนอก
ไม่ได้การ! ออกทีวีทั้งทีต้องหล่อหน่อย ต้องออกไปเสริมหล่อหน่อยแล้ว!
แม้ว่าพวกเราจะทุ่มเทแรงกายไปกับการทำมาหากิน แต่เราก็ต้องโชว์ภาพลักษณ์ภายนอกบ้างถูกไหม คนจะหล่อทั้งทีดันถูกหาว่าเป็นพวกมีดีแต่หน้าตาซะงั้น
คิดได้ดังั้น ไป๋เยี่ยก็เรียกรถไปที่ห้างสรรพสินค้าใกล้ๆ
ห้างสรรพสินค้าหย่วนฮุยเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง มีแบรนด์ดังระดับโลกมากมายอยู่ที่นี่
ตอนนี้ไป๋เยี่ยมีเงินติดตัวอยู่แสนกว่าหยวน น่าจะพอซื้อเสื้อผ้าดีๆ สักตัวได้ เขาเดินเข้าๆ ออกๆ สามสี่ร้าน จนท้ายที่สุดเขาก็ซื้อชุดสูทสีฟ้าที่ดูมีความเป็นผู้ใหญ่ขึ้นหน่อย เสื้อเชิ้ตสีอ่อน เนกไทสีม่วง และรองเท้าหนังหนึ่งคู่
ไป๋เยี่ยซื้อชุดนี้มาในราคาสี่หมื่นกว่าหยวน ซึ่งสำหรับเขาแล้วการจับจ่ายใช้สอยนั้นย่อมขึ้นอยู่กับรายได้ของเขาเอง
เพียงเพราะเขาไม่ได้เป็นคนจู้จี้จุกจิกไม่ได้หมายความว่าเขาเป็นคนสบายๆ เสียหน่อย!
เสื้อผ้าที่เข้าคู่กันนี้ดูดีและดูมีรสนิยมมากเลยทีเดียว!
ไป๋เยี่ยเดินออกไปหลังจากที่เปลี่ยนชุดกลับเป็นชุดเดิมและห่อชุดที่เพิ่งซื้อมาใหม่แล้ว
ห้างสรรพสินค้าหย่วนฮุยตั้งอยู่บนทำเลที่ดีมาก ที่นี่ถือเป็นย่านการค้าที่ค่อนข้างใหญ่ จึงมีคนหลั่งไหลมาที่นี่เป็นจำนวนมาก!
ไป๋เยี่ยหิ้วของหลายชิ้นจึงเดินฝ่าฝูงชนไปได้อย่างยากลำบาก
หลังจากที่ฝ่าฝูงชนออกมาได้ด้วยความลำบากลำบน เขาก็รู้สึกได้ว่ามีคนเดินมาชนเขาจากด้านหลัง จนเขาเซและเกือบล้มลงกับพื้น
ทว่ากลับมีเสียง เพล้ง! ดังแว่วมาจากด้านหลัง
ไป๋เยี่ยหันกลับไปมองก็เห็นว่ามีชายหัวโล้นอายุราวๆ สี่สิบปีกำลังจ้องมาที่ตนด้วยสายตาเหม่อลอย
กลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งไปทั่วอากาศบริเวณนั้น ทำเอาไป๋เยี่ยตื่นตระหนก!
ชายหัวโล้นคนนั้นจ้องไปยังเหล้าที่หกเต็มพื้นและขวดเหล้าที่แตก
ไป๋เยี่ยใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขามองชายคนนั้นอย่างนิ่งๆ โดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกไป
ชายคนนี้มีรูปร่างไม่สูงเท่าไหร่ เขาสวมชุดสูทและรองเท้าหนัง จึงพอดูออกว่าเขาน่าจะมีอำนาจอยู่พอสมควร
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นถามไป๋เยี่ยอย่างสุภาพ “น้องชาย นายจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี”
ทว่าไป๋เยี่ยก็ไม่ได้ร้นรอนอะไร เถ้าแก่ไป๋สอนเขาว่า ‘ไม่มีเรื่องก็อย่าสร้างเรื่อง เมื่อมีเรื่องก็อย่ากลัวเกิดเรื่อง ในเมื่อเกิดเรื่องแล้ว ก็ให้หาวิธีจัดการกับเรื่องนั้นซะ’
เพียงแต่ว่า นี่มันเรื่องอะไรกันน่ะ
เขามองขวดเหล้าที่แตกละเอียดและกล่องของมัน ซึ่งบนกล่องเขียนว่า ‘กุ้ยโจวเหมาไถ[1]‘
ในกล่องนั้นเผยให้เห็นขวดเหล้าเหมาไถที่แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ชัดเจนว่านี่คือ ‘เหล้าเหมาไถ’ ซึ่งเป็นเหล้าที่มีราคาแพงมาก!
ไป๋เยี่ยมองเศษขวดเหล้าเหมาไถพลางสูดหายใจเข้าลึกๆ เขามีความคิดบางอย่าง
ไป๋เยี่ยเงยหน้าขึ้นมองชายคนนั้นซึ่งมีท่าทีไม่รีบเร่ง อีกทั้งเขายังไม่มีท่าทีวางอำนาจ ไม่มีเหตุผล หรือไม่ให้อภัยเลย แต่กลับสงบนิ่ง
ไป๋เยี่ยเอ่ยอย่างยิ้มๆ “เรื่องมันเกิดไปแล้ว คุณคิดว่าควรจัดการยังไงดีล่ะครับ ถ้ามันไม่มากเกินไปผมก็ยินดีไม่ปฏิเสธนะ แต่อย่างไรก็ตาม…ทั้งผมและคุณล้วนมีส่วนต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้นะ”
ชายคนนั้นอึ้งไปชั่วขณะ เขานึกไม่ถึงว่าไป๋เยี่ยจะมีทัศนคติแบบนี้ แม้ว่าจะไม่ได้เอ่ยอะไรออกไปแต่ภายในใจเขากลับรู้สึกตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย
“พ่อหนุ่ม คุณก็ดูเข้าใจคนอื่นดีนี่ ถูกต้อง ทั้งผมและคุณต่างมีส่วนต้องรับผิดชอบในเรื่องนี้ เอาแบบนี้แล้วกัน ผมยอมขาดทุนหน่อยก็ได้ ผมรับผิดชอบหกส่วน คุณรับผิดชอบอีกสี่ส่วน จัดการเรื่องนี้แล้วก็จบกันไป คุณคิดว่ายังไง”
ชายคนนั้นพูดพร้อมกับก้มตัวลงหยิบขวดเหล้าและกล่องให้ไป๋เยี่ยพลางถอนหายใจอย่างสิ้นหวัง “เสียดายเหล้าดีๆ ตอนแรกว่าจะเอากลับไปเก็บดีๆ ซะแล้ว”
และในตอนนี้ คนกลุ่มหนึ่งก็เข้ามามุงดูเรื่องที่เพิ่งเกิดขึ้น
“นี่มันเหล้าเหมาไถนี่นา! ราคาใช่ว่าจะถูกนะนั่น พ่อหนุ่มนี่ต้องจ่ายค่าเสียหายนะ!”
“ใช่ เฮ้อ…ดันมาเจอเรื่องโชคร้ายแบบนี้ก็ช่วยไม่ได้ละนะ จะไปหาเงินเยอะขนาดนี้มาจากไหนล่ะพ่อหนุ่ม!”
“ดูอะไรอยู่เหรอ เห็นถุงในมือเขาไหม มีแต่ของแบรนด์เนม ของฟุ่มเฟือยทั้งนั้น ราคาตั้งกี่หมื่นก็ไม่รู้!”
ทว่าไป๋เยี่ยกลับยิ้มรับ “น่าเสียดายจริงๆ ครับ เหล้าขวดนี่น่าจะมีอายุอยู่พอสมควร…เป็นเหล้าของปีไหนเหรอครับ”
ชายคนนั้นขมวดคิ้วลง “อืม ก็พอรู้มาบ้าง นี่เป็นเหล้าเหมาไถปีเก้าแปดน่ะ ถึงตอนนี้ก็เก็บมาเกือบๆ ยี่สิบปีแล้ว!”
ไป๋เยี่ยตะลึง “ราคาไม่ถูกเลยนะครับนั่น!”
ชายคนนั้นถอนหายใจ “จะเงินเท่าไหร่ก็ไม่มีค่าเท่าเหล้าผมหรอก!”
ไป๋เยี่ยหัวเราะโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
ทว่าชายคนนั้นกลับพูดต่อ “ตอนนั้นฉันซื้อเหล้าเหมาไถปีเก้าแปดขวดนี้มาในราคาหมื่นหยวน เหล้าห้าขวดก็ห้าหมื่นหยวน คุณจ่ายผมมาสองหมื่นก็พอแล้ว ผมไม่โกงคุณหรอก!”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าพร้อมกับหยิบขวดเหล้าขึ้นมาก่อนจะเอ่ยทั้งรอยยิ้ม “อืม ก็ไม่ได้แพงเลยจริงๆ เดี๋ยวนี้เหล้าเหมาไถปีเก้าแปดก็ขายกันขวดละไม่ถึงหมื่นหยวนหรอกครับ”
ชายคนนั้นพยักหน้าด้วยความพอใจ “อืม งั้น…จะจ่ายผมหรือว่าจะฟ้องล่ะ ว่ามาเลย”
ไป๋เยี่ยส่ายหัว “ถ้าให้จ่าย ผมจ่ายแค่ยี่สิบ แต่ถ้าให้ฟ้องผมก็แจ้งตำรวจแล้วกัน คุณว่าไงล่ะครับ”
ชายคนนั้นผงะไปในทันที สีหน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยนไป เขาขมวดคิ้วแน่นพร้อมกับเอ่ยถามเสียงต่ำ “หมายความว่าไง”
ไป๋เยี่ยจ้องชายคนนั้นโดยที่มีมีทีท่าหวาดกลัวเลย “ผมหมายความว่าไงคุณก็รู้อยู่แก่ใจนั่นแหละ!”
หัวใจของชายคนนั้นเต้นไม่เป็นจังหวะ หรือว่าเราจะถูกจับได้แล้ว
[1] เหล้าเหมาไถ เป็นเหล้าขาวชนิดหนึ่ง ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นเหล้าประจำชาติของจีน