สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - ตอนที่ 67 แม่ผมไม่ใช่เซียนกระบี่ แต่เป็นเศรษฐินีต่างหาก!
ตอนที่ 67 แม่ผมไม่ใช่เซียนกระบี่ แต่เป็นเศรษฐินีต่างหาก!
ระหว่างที่ไป๋เยี่ยกำลังจดจ่อกับการเชือดหมูอยู่นั้น ครอบครัวไป๋ก็กำลังตั้งโต๊ะประชุมเร่งด่วนขึ้น!
โดยมีหูไฉ่อวิ๋นผู้รับบทเป็นผู้ดำเนินการประชุมเป็นคนเริ่มพูดขึ้นก่อน
“เหล่าไป๋! ลูกชายคุณเป็นบ้าหรือเปล่า ทำไมเขาถึงไปขลุกอยู่ในโรงเชือดหมูทั้งวันเลยล่ะ! อย่าบอกนะว่าโดนเล่นของใส่น่ะ!”
ไป๋ตงหลินส่ายหัว “ลูกคิดเองเป็นแล้ว คุณไม่ต้องกังวลหรอก!”
จู่ๆ ไป๋หลิงก็เอ่ยขึ้น “พ่อ แม่ หนูเห็นว่าในห้องนอนพี่มีแต่เลือด…”
หูไฉ่อวิ๋นถึงกับหน้าซีด เธอรีบขึ้นไปดูบนบ้านโดยที่มีไป๋ตงหลินตามหลังมาติดๆ
เมื่อเข้าไปในห้องของไป๋เยี่ย พวกเขาก็พบว่าที่มุมโต๊ะนั้นมีถุงสีดำที่มีเลือดเจิ่งนองอยู่นอกถุงวางกองอยู่
ไป๋ตงหลินเปิดถุงใบนั้นอย่างระมัดระวัง และพบว่าในถุงเต็มไปด้วยหัวใจ!
ส่วนถุงอีกใบที่อยู่ข้างๆ นั้นมีแต่ไต!
แถมทั้งหัวใจและไตเหล่านั้นยังถูกหั่นออกเป็นชิ้นๆ อีกด้วย!
ไตแต่ละชิ้นถูกหั่นออกเป็นแผ่นๆ ทำเอาหูไฉ่อวิ๋นทนมองภาพตรงหน้าไม่ไหวและรีบวิ่งออกนอกห้องไป
ทิ้งให้ไป๋ตงหลินยืนปากสั่นตากระตุกอยู่ตรงนั้น!
อ…ไอ้เด็กนี่มันโดนของจริงๆ เหรอวะเนี่ย
ประมาณสองทุ่ม ไป๋เยี่ยก็ได้รับข้อความแจ้งเตือนจากระบบ
[ติ๊ง! เพิ่มเลเวลวิชากายวิภาคศาสตร์เป็นเลเวล 3]
ไป๋เยี่ยอึ้ง ในที่สุดก็เลเวลสามแล้วสินะ ก่อนหน้านี้ไม่รู้เชือดหมูไปกี่ตัว ชำแหละเครื่องในไปกี่ชิ้น แล้วก็ดูชิ้นไหนไปบ้าง!
เขาคิดว่าตนเองน่าจะใกล้เป็นพวกโรคจิตแล้ว
ไป๋เยี่ยตัดสินใจไม่ใช้แคปซูลเร่งค่าประสบการณ์สิบเท่าแล้ว เพราะว่าค่าประสบการณ์ที่ได้รับนั้นน้อยลงเรื่อยๆ
ก็ยังดีที่อัปขึ้นเลเวลสามแหละนะ!
วันนี้เป็นวันที่ยี่สิบเก้า พรุ่งนี้ก็เป็นวันที่สามสิบแล้ว เดี๋ยวก็คงต้องไปวุ่นกับการแขวนกลอนคู่อีก
อีกอย่างวันนี้โรงเชือดหมูก็ปิดแล้ว ไป๋เยี่ยจึงได้แต่เดินถือหัวหมูที่เหล่าผางให้กลับบ้านไป
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เขาก็ไปอาบน้ำล้างตัวก่อนเป็นอันดับแรก เพราะว่าหลายวันมานี้ตัวเขาเหม็นไปด้วยกลิ่นคาวจากหมู เขาใช้เวลาขัดสีฉวีวันอยู่พักหนึ่งกว่าจะออกมาและล้มตัวลงนอนบนโซฟาอย่างสบายใจ ไม่อยากลุกไปไหน
เชือดหมูนี่มันเหนื่อยชะมัด ให้ตายเถอะ งานใช้แรงงานชัดๆ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าทำแล้วเลเวลจะอัป ให้ตายก็ไม่ทำหรอก!
“ลูก น…นี่ลูกชอบเชือดหมูเหรอ” หูไฉ่อวิ๋นถามขึ้นอย่างกล้าๆ กลัวๆ
ไป๋เยี่ยนิ่งก่อนจะตอบไป “หือ ก็นิดหน่อยครับ”
ทันใดนั้นหูไฉ่อวิ๋นก็เบิกตากว้าง “ไปทำอะไรที่บ้านเหล่าผางทั้งวันทั้งคืนน่ะ! ไม่ได้โดนทำของใส่ใช่ไหม เรียนมันเครียดมากนักหรือไง หา!”
ตั้งแต่กลับมาที่บ้าน ไป๋เยี่ยก็ไม่ได้บอกใครเรื่องที่ตนเองไปเข้าร่วมการแข่งขันระดับประเทศเลย นับประสาอะไรกับผลสอบเข้าล่ะ และเพราะเหตุนี้เองจึงทำให้หูไฉ่อวิ๋นคิดว่าไป๋เยี่ยไม่อยากเรียนแพทย์แผนจีน
ไป๋เยี่ยรีบส่ายหน้าปฏิเสธ “เปล่านะแม่ ผมแค่เห็นว่าโครงสร้างร่างกายของหมูมันคล้ายกับของคนเฉยๆ เลยลองไปศึกษาดูน่ะ! เนี่ย เกรดผมก็ไม่ได้แย่นะ!”
เถ้าแก่ไป๋ถอนหายใจ “เฮ้อ พ่อผิดเอง ตระกูลไป๋เราไม่มีอัจฉริยะเลยสักคน ลูกก็หยุดโม้ได้แล้ว ถ้าเกรดดีจริงอาจารย์คงโทรมาบอกพ่อแล้ว! พอเถอะ ยังไงก็คนบ้านเดียวกัน ไม่ต้องมาองมาอายหรอก”
หูไฉ่อวิ๋นจ้องไป๋ตงหลินตาเขม็ง “ระวังปากหน่อยไป๋ตงหลิน คุณก็คือคุณ ลูกก็คือลูก ถ้ายังพูดจาไร้สาระอยู่อีกล่ะก็ ระวังปีหน้าจะไม่มีอะไรกินนะ!”
หูไฉ่อวิ๋นดูจะมั่นใจมากเพราะเธอเป็นคนจัดการทรัพย์สินภายในบ้าน จากนั้นเธอก็หันมาทางไป๋เยี่ยและกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงลึกลับ “เสี่ยวเยี่ย ตามมานี่ซิ แม่มีเรื่องอยากคุยด้วย”
ไป๋เยี่ยเดินตามหูไฉ่อวิ๋นเข้าไปในห้องนอน หูไฉ่อวิ๋นปิดประตูลงและนิ่งไปชั่วครู่ ก่อนจะหยิบสมุดบัญชีออกมา “เสี่ยวเยี่ย ไหนๆ ลูกก็โตแล้ว แม่เองก็ไม่อยากปิดบังลูกหรอกนะ ตอนนี้บ้านเรายังพอมีเงินอยู่ ถ้าลูกไม่อยากเรียนแล้ว แม่ซื้อโรง’บาลให้ก็ได้ อย่าเครียดเลย จริงๆ นะ ไม่ต้องเรียนก็ได้ ขอแค่เป็นคนดีก็พอ!”
ไป๋เยี่ยรับสมุดบัญชีเล่มนั้นมา ตัวเลขบนนั้นขึ้นต้นด้วยหนึ่งและตามด้วยศูนย์อีกเจ็ดตัว
สิบล้านหยวน!
แม่มีเงินเยอะขนาดนี้เลยเหรอ!
ไป๋เยี่ยช็อกไปนิดหน่อย
เงินสิบล้านหยวนอาจจะไม่พอซื้อโรงพยาบาลรัฐในมณฑล แต่มากพอที่จะซื้อโรงพยาบาลเอกชนสักแห่งได้!
ไป๋เยี่ยยังคงช็อก ก่อนจะปริปากถามหูไฉ่อวิ๋น “แม่…นี่แม่คิดจะทำอะไรเหรอ จะหย่ากับพ่อแล้วให้ผมไปอยู่ด้วยอะนะ”
หูไฉ่อวิ๋นได้ยินก็นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วจึงหลุดหัวเราะออกมา “ไอ้เด็กนี่! พูดบ้าอะไรของแก แม่หมายความว่า ไม่ต้องกังวลว่าจะเรียนดีหรือไม่ดี มันไม่เป็นไรเลย ยังไงแม่ก็อยู่ข้างลูกเสมอ! ต่อให้พ่อจะเอาแต่โม้ก็เถอะ แต่แม่น่ะ ซื้อโรง’บาลให้ลูกได้จริงๆ นะ”
ไป๋เยี่ยยิ้มแห้งพร้อมกับส่งสมุดบัญชีคืนแม่ไป “พอได้แล้วแม่ เก็บเงินไว้ใช้ตอนแก่เถอะครับ ต่อให้ผมจะเป็นลูกอกตัญญูแค่ไหน ผมก็คงใช้เงินก้อนนี้ไม่ลงหรอก!”
ทันทีที่ไป๋เยี่ยเดินกลับมาที่ห้องรับแขก ก็เห็นเถ้าแก่ไป๋นั่งถอนหายใจอยู่ “เฮ้อ! พาลูกไปดูคลังเงินสินะ ขอเงินสักยี่สิบหยวนหน่อยสิ ว่าจะไปซื้อบุหรี่น่ะ”
หูไฉ่อวิ๋นปรายตามองไป๋ตงหลิน “หึ! ทั้งปีหาเงินได้แค่นั้นยังมีหน้ามาขอเงินอีก!”
ไป๋ตงหลินกลัวจนหัวหดจึงได้แต่ถอนหายใจ “เย็นนี้กินอะไรดีที่รัก”
“กินๆๆ เอะอะก็กิน ไม่คิดจะหาเงินก็ซดน้ำแกงต่อไปละกัน! ไม่มีเงินพาไปกินร้านดีๆ หรอก” หูไฉ่อวิ๋นเกรี้ยวกราด
จู่ๆ ไป๋เยี่ยก็นึกถึงหัวหมูที่เหล่าผางให้ขึ้นมา “แม่ เหล่าผางให้หัวหมูมาน่ะ ให้เอาไปแช่ไหม”
คุณนายหูได้ยินดังนั้นก็ตาเป็นประกาย “ดีมาก! งั้นพรุ่งนี้ก็ไปดูว่าเหล่าผางเชือดหมูไหม ลูกก็ไปช่วยลุงเขาหน่อยแล้วกัน เอาเนื้อหมูกลับมาด้วยนะ ประหยัดได้ก็ช่วยกันประหยัดเถอะ บ้านเราไม่ได้ทำเหมืองแล้วนะ! แล้วก็ไป๋ตงหลิน…!…ไปทำกับข้าวเดี๋ยวนี้!”
คุณนายหูชี้หน้าไป๋ตงหลินราวกับว่าเธอมีอำนาจล้นฟ้า
ไป๋หลิงดูจะเป็นคนที่ใช้ชีวิตอย่างสนุกสนานที่สุดแล้ว
“แม่ เมื่อกี้หนูเจอมาส์กของแบรนด์หนึ่งแหละ ดูใช้ดีนะ มีรีวิวเยอะมาก เป็นของนำเข้าจากเกาหลีด้วย หนูเลยสั่งมาสองกล่องแน่ะ”
หูไฉ่อวิ๋นนิ่งไปก่อนจะรีบเดินมาหาไป๋หลิง “หืม มาให้แม่ดูหน่อยซิ! ใช่ๆ! แบรนด์นี้นี่แหละ เพื่อนแม่ใช้กันหลายคนเลย! ซื้อๆ! ซื้อมาใช้ก่อนสักสิบกล่อง ว่าแต่ราคาเท่าไหร่นะ ทั้งหมดสองหมื่นหยวนงั้นเหรอ งั้นก็ซื้อเลย ไม่เป็นไร! เดือนก่อนแม่ให้หนูไปแสนหนึ่งไม่ใช่เหรอ ใช้หมดแล้วเหรอ โอเค งั้นแม่ให้เพิ่มอีกห้าหมื่นนะ ประหยัดด้วยล่ะ”
ไป๋เยี่ยมองไป๋หลิงด้วยความอิจฉาแล้วจึงถอนหายใจออกมา ผู้ชายกับผู้หญิงมันต่างกันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย!
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ไป๋เยี่ยก็กลับเข้าห้องไปอ่านหนังสือต่ออีกนิดหน่อยก่อนจะเข้านอน
การเชือดหมูเป็นงานที่ต้องใช้แรงเยอะ เขาเองก็เหนื่อยมาทั้งวันแล้ว
เมื่อไป๋เยี่ยลืมตาขึ้นมาในเช้าวันต่อมาก็พบว่าด้านนอกบ้านกลายเป็นสีขาวโพลน เพราะว่าเมื่อคืนมีหิมะตกนั่นเอง
เดี๋ยวนี้เทศกาลปีใหม่ครึกครื้นน้อยลงกว่าตอนเขายังเด็กเสียอีก บางทีคนเราก็คิดมากเกินจนความสุขลดน้อยลงตามไปด้วย
ไป๋เยี่ยเก็บที่นอนแล้วลงมากินข้าวเช้า ทว่าจู่ๆ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าตนยังไม่ได้เอาไตกับหัวใจหมูของเมื่อวันก่อนไปทิ้ง!
เขาหยิบถุงที่มีกลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาขึ้นมา แม้ว่าตอนนี้จะเป็นฤดูหนาว แต่ภายในห้องของเขาก็ยังคงอุ่นอยู่
ไป๋เยี่ยถือถุงใบนั้นออกไปนอกบ้าน ทันใดนั้นก็เห็นว่ามีสุนัขตัวหนึ่งกำลังวิ่งมาทางเขา
แต่จะว่าไป…สุนัขตัวนี้ดูขี้เหร่นิดหน่อยนะ!