สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - ตอนที่ 89 คุณเรียกผมมาดูอะไรแบบนี้ตอนดึกเนี่ยนะ
ตอนที่ 89 คุณเรียกผมมาดูอะไรแบบนี้ตอนดึกเนี่ยนะ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น
ไป๋เยี่ยสงสัยเหลือเกินว่าใครที่ไหนจะมาตามหาเขาตอนสามทุ่ม
ทันทีที่เปิดประตู ไป๋เยี่ยก็ต้องผงะเมื่อพบว่าคนที่มาหาเขาคือเดซี่นั่นเอง!
ทำไมเธอถึงสวมชุดนอนสายเดี่ยวล่ะ… ถึงระบบฮีตเตอร์ในหน่วยทดลองจะใช้งานได้ดีมากก็เถอะ แต่ว่า… เธอจะมาที่นี่ทั้งชุดนอนไม่ได้นะ!
ถ้าเป็นชุดนอนธรรมดาก็ว่าไปอย่าง แต่ทำไมถึงต้องสวมชุดนอนสายเดี่ยวรัดรูปสีชมพูอ่อนนี่มาด้วย
โอเค! สายเดี่ยวก็สายเดี่ยว แต่กระโปรงสั้นแบบนี้หมายความว่าไงกัน แถมยังไม่ใส่ถุงน่องมาด้วย นี่เธอไม่รู้เหรอว่าถุงน่องกับเสื้อสายเดี่ยวน่ะเข้ากันได้ดีมากเลย
ไม่มีถุงน่องไม่เป็นไร แต่เธอจะถือกระบองไฟฟ้ามาทำไมเหรอ
ไป๋เยี่ยรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย ก็รู้ตัวแหละว่าฉันน่ะหล่อ แต่ฉันไม่ได้มีงานอดิเรกแบบนั้นซะหน่อย! ฉันมีศีลธรรมพอ เพราะงั้นเลิกยัดเยียดความคิดของพวกอเมริกันใส่ฉันได้แล้ว!
จะไม่ยอมออกนอกลู่นอกทางเด็ดขาด!
ทว่า…ไป๋เยี่ยกลับรู้สึกรำคาญขึ้นมาเสียอย่างนั้น ทำไมจู่ๆ ร่างกายของเขาจึงรู้สึกแปลกๆ จนแทบจะควมคุมตนเองไม่ได้กันนะ หรือเพราะว่าฮอร์โมนในร่างกายของเขากำลังพลุ่งพล่านจนทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองไม่พอ เพราะว่ามันดันไหลเวียนไปที่บางส่วนแทน… ******…แล้วมันก็ค่อยๆ กลืนกินสติสัมปชัญญะของเขาไป!
ไป๋เยี่ยคิดว่าถ้าเขามีเวลาอีกสักสิบปี เขาคงจะพิสูจน์ได้ว่าข้อความ “มนุษย์เพศชายเป็นสัตว์ที่ใช้อวัยวะส่วนล่างในการคิด” นั้นเป็นความจริงพร้อมทั้งหลักฐานสนับสนุนแนวคิดนี้ แล้วยังเป็นการให้ความรู้วิชาสรีรวิทยาอีกด้วย
ไป๋เยี่ยปรายตามองหญิงสาวอเมริกันอย่างเคอะเขิน เขาไม่รู้ว่าควรจะทำตัวอย่างไรดี “อืม…เดซี่…คุณมีอะไรหรือเปล่าครับ”
แววตาของเดซี่ช่างดูมีเสน่ห์ “โอ๊ะ มาหาทั้งทีต้องมีเรื่องด้วยเหรอจ๊ะ”
ไป๋เยี่ยเริ่มหงุดหงิด!
หล่อแล้วผิดเหรอ หล่อแล้วต้องมาเจออะไรแบบนี้ด้วยเหรอ ไม่เห็นด้วยเลยสักนิด!
ไป๋เยี่ยยิ้มอย่างเคอะเขินก่อนจะตอบกลับไปอย่างขำๆ “เปล่าครับ ถึงไม่มีอะไรก็มาหาได้แหละครับ มากวนได้ตลอดเลย… ”
น้ำหอมบนตัวของเดซี่ทำให้ไป๋เยี่ยรู้สึกเวียนหัวเล็กน้อย ทำเอาเขาสงสัยว่าผู้ประดิษฐ์น้ำหอมนั้นเป็นนักเคมีหรือศิลปินกันแน่! จุดประสงค์ของเขาในการประดิษฐ์น้ำหอมนี้อาจไม่ใช่เพื่อทำให้ให้ผู้ชายรู้สึกดี แต่เพื่อทำให้ผู้หญิงดูน่าหลงใหลมากขึ้น…
เดซี่สวน “โอ๊ะ กวนเหรอ หมายความว่าไงน่ะ”
ไป๋เยี่ยรีบส่ายหัว เขากลัวว่าเดซี่จะเข้าใจผิด “ไม่มีอะไรครับ เดซี่ แต่นี่มันก็ดึกมากแล้ว…”
แววตาของเดซี่เป็นประกาย “ใช่สิ! ฉันกำลังจะนอนแล้วแท้ๆ แต่พอจะถอดเสื้อก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าคุณกำลังจะไปจากที่นี่แล้ว… แต่ฉันยังมีเรื่องอยากปรึกษาคุณอยู่เลย”
ไป๋เยี่ยแค่นหัวเราะ มีเรื่องอยากปรึกษางั้นเหรอ! คิดว่าไม่รู้หรือไง ผมไม่ได้เป็นคนใสๆ แบบนั้นซะหน่อย เข้าใจไหม
เดซี่พูดต่อ”งานวิจัยทั้งสองเรื่องของคุณสร้างแรงบันดาลใจให้ฉันมาก โดยเฉพาะทฤษฎีเรื่อง…”
ไป๋เยี่ยได้แต่คิดในใจ ทฤษฎีเหรอ ทฤษฎีที่ต้องมาหารือกันตอนกลางคืนมีอะไรบ้างล่ะ การทดสอบการลอยตัวในอ่างอาบน้ำของอาร์คิมีดีส การทดลองการแกว่งของลูกบอลสองลูก หรือว่าจะเป็นหลักการโยกล่ะ!
เดซี่กล่าวอย่างเขินอาย “ช่างมันเถอะนะ มานี่สิ ถ้าคุณได้เห็นมันเดี๋ยวก็รู้เอง! ยิ่งใช้ไฟฟ้าช็อตผลจะยิ่งได้ผลดีด้วยนะ!”
ไป๋เยี่ยผงะ ว่าไงนะ นี่เธอกำลังสื่ออะไรอยู่ใช่ไหม ถ้าฉันไม่เชื่อฟังก็จะเล่นบทซาดิสม์ใส่สินะ นี่เธอคิดว่าฉันเป็นคนแบบนั้นเหรอ
นี่..มันกะทันหันเกินไป ฉันรับไม่ได้! จะทำไงดี!
ไป๋เยี่ยกำลังคิดที่จะส่งข้อความหาพ่างจื่อแล้วถามเขาว่าควรจะทำตัวอย่างไรในสถานการณ์แบบนี้!
เดซี่หมุนตัวและเดินออกไปข้างนอก
ทิ้งให้ไป๋เยี่ยยืนกัดฟันกรอดๆ อยู่อย่างนั้น
แต่ไป๋เยี่ยยิ่งเดินตามไปก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขายืนนิ่งไปชั่วครู่ ไม่ใช่ละ…นี่มันทางไปห้องแล็บ! หรือว่าจริงๆ เธอจะชอบที่แบบนั้น
โอ้พระเจ้า! คิดจะเล่นบทคุณครูคนสวยงั้นเหรอ
เมื่อมาถึงห้องแล็บ เดซี่ก็ตรงไปที่หล้องจุลทรรศน์ “ดูนี่สิ ฉันลองทำตามทฤษฎีที่คุณเสนอเมื่อวาน ผลลัพธ์ออกมาดีมากเลยล่ะ!”
ไป๋เยี่ยชะงักไป เขาเริ่มพูดจาตะกุกตะกัก “คุณมาหาผมตอนดึกด้วยชุดแบบนี้เพียงเพราะว่าจะพาผมมาส่องกล้องจุลทรรศน์เนี่ยนะ”
เดซี่พยักหน้ายอมรับ “ใช่แล้ว ไม่ว่าเราจะสวมเสื้อผ้าแบบไหนเราก็คือนักวิจัยอยู่ดี ดูนั่นสิ สารโพลีคาร์บอกซิลิกกำลังกำจัดเชื้อมาลาเรียอยู่!”
ไป๋เยี่ยทำการทดลองกับเดซี่เป็นเวลาสองชั่วโมงเต็มๆ เขารู้สึกง่วงเกินกว่าจะทำต่อไปได้จึงขอยอมแพ้เสียก่อน
เดซี่เป็นคนเก่งมาก เธอเป็นนักวิชาการหญิงอายุสามสิบสามปีที่ครองตนเป็นโสด
เธอมีความเป็นอเมริกันสูงมาก ทั้งหน้าตาและรูปร่างของเธอแฝงไปด้วยเอกลักษณ์ของสาวอเมริกัน แถมเธอยังเป็นคนสุขภาพดีมากๆ ด้วย!
ขณะที่ไป๋เยี่ยกำลังจะตัดสินใจกลับ เขาก็นึกขึ้นได้ว่าเดซี่พอมีประสบการณ์เกี่ยวกับการทดลองกับสัตว์ จึงเอ่ยถามขึ้น
“เดซี่ คุณพอรู้จักบริษัทเพาะพันธุ์หนูทดลองบ้างไหม”
เดซี่ขมวดคิ้ว “คุณจะซื้อหนูเหรอ”
ไป๋เยี่ยส่ายหัว “เปล่าครับ แต่หลังจากที่ผมลองวิเคราะห์ข้อมูลและประสบการณ์ในการให้อาหารหนูที่ผ่านมา ผมพบว่าหนูทดลองจำนวนมากสร้างผลกระทบต่อผลการทดลองได้”
“เพราะงั้นผมเลยอยากทำการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เผื่อว่าผมจะพอเปลี่ยนแปลงอะไรได้บ้าง!”
เดซี่ได้ฟังดังนั้นก็เงียบไป อันที่จริง คุณไม่สามารถคาดเดาผลกระทบของหนูต่อการทดลองได้ ซึ่งการทำเช่นนั้นอาจจะทำให้การทดลองล้มเหลวได้
“ฉันรู้จักเพื่อนคนหนึ่ง พ่อของเธอทำงานวิจัยด้านการแพทย์ แถมเขายังเพาะพันธุ์หนูทดลองด้วย บางทีเขาอาจจะช่วยให้ข้อมูลกับคุณได้นะ”
ไป๋เยี่ยได้ยินดังนั้นก็ตาเป็นประกายทันที ได้โอกาสแล้ว!
ทว่าระหว่างที่ไป๋เยี่ยกำลังดีใจอยู่นั้น จู่ๆ เดซี่ก็ยกยิ้มขึ้น “เพื่อนของฉันไม่ได้ทำงานด้านการแพทย์และการทดลอง แต่เธอกำลังเรียนเอ็มบีเอที่อเมริกาน่ะ พอกลับมาที่จีนก็ดูเหมือนว่าเธอจะทำงานในแผนกขายด้วย ถ้าคุณต้องการล่ะก็ ฉันจะแนะนำคุณให้เธอเอง”
มีเหรอที่ไป๋เยี่ยจะละทิ้งโอกาสแบบนี้ไป
“ถ้างั้นก็ฝากด้วยนะครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องค่อนข้างสำคัญ! ขอโทษที่รบกวนนะครับ”
เดซี่ยิ้มเล็ก “อันที่จริง ที่แคลิฟอร์เนีบมีสถาบันวิจัยทางชีววิทยาชื่อเอ็มไอโอ เป็นสถาบันที่ทำการวิจัยเกี่ยวกับสัตว์ทดลองและค่อนข้างน่าเชื่อถือ พวกเขาตีพิมพ์วารสารด้วยนะ คุณลองไปหาบทความของพวกเขามาอ่านสิ อาจจะพอได้ข้อมูลบ้างก็ได้”