สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 164 บุคคลสำคัญ
บทที่ 164 บุคคลสำคัญ
เสียงโทรศัพท์ปลุกให้ไป๋เยี่ยตื่นขึ้นในตอนบ่าย เป็นสายจากจางฮั่นหลินนั่นเอง เขาโทรมาปลุกให้ไป๋เยี่ยไปที่ห้องผู้อำนวยการ
หลังจากมาถึงห้องผู้อำนวยการ จางฮั่นหลินก็มองเขาด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากลิ้นชักแล้วยื่นให้ไป๋เยี่ย “คุณดูนี่สิ”
ไป๋เยี่ยรู้สึกว่าวันนี้ท่าทีของจางฮั่นหลินดูต่างออกไป แต่เขาก็รับกระดาษใบนั้นมาด้วยสีหน้างงงวย
‘การวางแผนโครงการวิจัยพิเศษเกี่ยวกับเกณฑ์บีพีเอฟเอช’
ไป๋เยี่ยนิ่งไปก่อนจะก้มลงอ่านเนื้อหา
มหาวิทยาลัยของเรามีแผนจะจัดโครงการวิจัยพิเศษเกี่ยวกับเกณฑ์บีพีเอฟเอช โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพด้านงานวิจัยของบุคลากรในมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซี…
หลังจากที่ไป๋เยี่ยอ่านจบ เขาก็มองไปที่จางฮั่นหลินด้วยความสงสัย “อาจารย์จาง…นี่มันอะไรกันครับ”
ระบบการประเมินโดยใช้เกณฑ์บีพีเอฟเอชจะกลายเป็นเกณฑ์มาตรฐานในโลกของสัตว์ทดลองต่อไปในอนาคต ซึ่งแม้แต่ไป๋เยี่ยเองก็ยังคาดเดาอิทธิพลของเกณฑ์นี้ไม่ได้เลย
เขาเพียงต้องรอให้เกณฑ์บีพีเอฟเอชกลายเป็นที่นิยมและมีความแพร่หลายมากขึ้น เพื่อที่มันจะได้กลายเป็นสิ่งที่ขับเคลื่อนการพัฒนาสูตรอาหารของเขา
วิสัยทัศน์ของแต่ละบุคคลเป็นตัวกำหนดว่าคุณมองเห็นคุณค่าในสิ่งต่างๆ ได้ดีเพียงใด ประสบการณ์และวิสัยทัศน์ของจางฮั่นหลินในฐานะผู้อำนวยการสถาบันโรคประสาทสมอง ผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซี และผู้รับผิดชอบโครงการของสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์ทางธรรมชาตินั้นกว้างขวางกว่าไป๋เยี่ยมาก
ทันทีที่ได้รู้ว่ามีการคิดค้นเกณฑ์บีพีเอฟเอชขึ้น ความคิดมากมายก็ปรากฏขึ้นในหัวของจางฮั่นหลิน เขาจึงเริ่มมีความกล้าที่จะทำสิ่งใหม่ๆ มากขึ้น
นั่นคือการวางแผนโครงการวิจัยพิเศษเกี่ยวกับเกณฑ์บีพีเอฟเอช
ทั้งวิทยาศาสตร์และค่านิยมล้วนมีความเกี่ยวพันกัน เมื่อมีเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมล้ำยุคปรากฏขึ้นมาใหม่ เมื่อเทคโนโลยีและแนวคิดใหม่ข้ามยุคปรากฏขึ้นในอุตสาหกรรมใดๆ การใช้เทคโนโลยีใหม่นี้เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องย่อมเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว
ตัวอย่างเช่น การพัฒนาเทคโนโลยีชิปสามารถขับเคลื่อนความนิยมของผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ได้ ตราบใดที่เข้าใจในค่านิยมของผู้คนต่อเทคโนโลยี ก็จะพัฒนาเทคโนโลยีตามเทรนด์ได้
เช่นเดียวกับเกณฑ์บีพีเอฟเอช ไป๋เยี่ยที่เพิ่งเสนอเกณฑ์นี้ไปกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ แต่ในทางเดียวกัน ถ้าเขายกระดับประสิทธิภาพของเกณฑ์บีพีเอฟเอชได้ถึงขั้นสูงสุด ก็จะใช้เกณฑ์ดังกล่าวในการพัฒนาเทคโนโลยีหรือนวัตกรรมอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องได้ เกณฑ์บีพีเอฟเอชก็จะยิ่งได้รับความสำคัญมากขึ้นไปอีก
นี่คือแนวคิดของจางฮั่นหลินต่อการใช้โอกาสนี้ในการใช้เกณฑ์บีพีเอฟเอชกับการยกระดับสถานะของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีไปสู่อีกระดับหนึ่ง
อันที่จริง ในตอนแรกเขาก็ไม่ได้คิดการณ์ไกลขนาดนั้น แต่หลังจากได้พูดคุยกับถังฮั่นในวันนี้ ทำให้เขามองมุมกว้างมากขึ้น
เขาจึงเกิดความคิดนี้ขึ้นมา
ในความเป็นจริง ไม่ใช่ทุกความคิดที่จะนำมาปฏิบัติจริงได้ และถึงแม้จะนำไปปฏิบัติแล้ว ก็ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จ
ถ้าเป็นหลี่เผยซั่ว เขาก็คงจะไม่ทำเพราะมันมีความเสี่ยงมากเกินไป
การดำเนินการตามแผนโครงการพิเศษนั้นเป็นกระบวนการที่กินเวลายาวนานกว่าห้าปี สิบปี ยี่สิบปี หรืออาจจะนานกว่านั้นด้วยซ้ำ
มันเหมือนกับการพยายามทำอะไรสักอย่าง โดยที่ไม่รู้ว่าจะได้รับผลลัพธ์แบบไหน
แต่จางฮั่นหลินก็เต็มใจที่จะลองดูสักตั้ง โดยอาศัยความเข้าใจในด้านนี้ วิสัยทัศน์ต่อวิชาชีพ ตลอดจนประสบการณ์และความรู้ของเขา
หากมีเพียงจางฮั่นหลิน แผนนี้ก็อาจไม่สำเร็จ แต่จางฮั่นหลินผู้นี้ดันบังเอิญได้พบกับถังฮั่นผู้แข็งแกร่ง
เป็นการร่วมมือที่ทรงพลังมาก!
หลังจากที่ไป๋เยี่ยอ่านจบ เขาก็เงยหน้าขึ้นมามองจางฮั่นหลินอย่างไม่อยากเชื่อสายตาตนเอง
“อาจารย์จาง…อาจารย์เขียนเองเหรอครับ ทำได้จริงๆ เหรอ”
จางฮั่นหลินพึมพำก่อนจะยืนขึ้นและหันมาพูดกับไป๋เยี่ยด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ “ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ผมเชื่อในคุณค่าของเกณฑ์บีพีเอฟเอชที่มีต่อแนวโน้มในการพัฒนาของแวดวงสัตววิทยาในอนาคต”
“เราร่วมมือกับบริษัทน่าย่าเพื่อก่อตั้งสถาบันวิจัยแห่งใหม่ เรียกว่าสถาบันวิจัยสัตว์ทดลอง เราจ้างทีมผู้เชี่ยวชาญระดับมืออาชีพ และเริ่มเตรียมพร้อมสำหรับการฝึกฝนอย่างรอบด้าน หลังจากก่อตั้งสถาบันแล้วเราจะเปิดรับสมัครผู้เข้าเรียนภายในเวลาสามปี…บริษัทน่าย่าเองก็จะลงนามในสัญญาการจ้างงานและประกันแรงงาน รวมถึงดูแลเรื่องการส่งออกบุคลากร…”
ไป๋เยี่ยฟังคำพูดของจางฮั่นหลินจบก็เข้าใจได้ทันทีว่าทำไมจางฮั่นหลินถึงได้เป็นผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยตั้งแต่อายุสี่สิบ
จางฮั่นหลินหันมาพูดกับไป๋เยี่ย “และบุคคลสำคัญของโครงการนี้ก็คือคุณ!”
ไป๋เยี่ยสัมผัสได้ถึงแรงใจอันมากล้นพลางรู้สึกตื่นเต้นไปด้วย
จางฮั่นหลินก้มหัวลง “ถ้าพวกเราไม่คว้าโอกาสนี้ไว้ ต่อให้รออีกสักสิบ ยี่สิบ หรือห้าสิบปีก็คงไม่มีวันพัฒนาไปได้ไกลหรอก ถ้าเราไม่ลองดูสักตั้ง เราจะชนะได้ไงล่ะ!”
“ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้เราได้บริษัทน่าย่าเข้ามาช่วยด้วย ซึ่งทางนั้นก็เป็นเครือบริษัทที่มีมูลค่าการตลาดมากกว่าแปดพันล้านหยวนและมีมูลค่าผลผลิตต่อปีราวๆ หนึ่งพันล้านหยวน และจะเข้ามาร่วมระดมทุนสร้างสถาบันวิจัยไปกับเรา”
สายตาของจางฮั่นหลินที่มองมายังไป๋เยี่ยนั้นเต็มไปด้วยความจริงใจ เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “แล้วคุณก็คือกุญแจสำคัญของการร่วมมือในครั้งนี้!”
ไป๋เยี่ยถึงกับกลืนน้ำลาย เราเนี่ยนะกุญแจสำคัญ หมายความว่าไง
“ผมเหรอ”
จางฮั่นหลินพูดต่อ “ใช่แล้ว คุณนั่นแหละ! คุณเป็นหนึ่งในเงื่อนไขการร่วมมือกันจัดตั้งแผนโครงการพิเศษเกี่ยวกับเกณฑ์บีพีเอฟเอชที่ทางน่าย่าเสนอมา”
ไป๋เยี่ยผงะ “ทำไมล่ะครับ”
จางฮั่นหลินยิ้ม “ก็เพราะถังฮั่นสนใจคุณไงล่ะ คุณผู้เป็นคนคิดค้นเกณฑ์บีพีเอฟเอชซึ่งมีอนาคตอันกว้างไกลและเปี่ยมไปด้วยความหวัง”
“คุณเป็นผู้รับผิดชอบแผนโครงการพิเศษเกี่ยวกับเกณฑ์บีพีเอฟเอชและจะเป็นหนึ่งในคณบดีกิตติมศักดิ์ของโครงการจัดตั้งสถาบันวิจัยสัตว์ทดลอง!”
ไป๋เยี่ยรู้สึกว่าสมองของเขาปั่นป่วนไปหมด!
เขาเริ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องแปลกๆ
ทั้งหมดนั้นมันหนักเกินไปสำหรับเขา ทว่าจู่ๆ ก็มีน้ำเสียงสดใสยินดีดังเข้ามาในโสตประสาทของเขา
“ใช่แล้ว! คุณนั่นแหละ”
ไป๋เยี่ยเงยหน้าขึ้นมอง และพบว่ามีชายสวมชุดสูทสีน้ำเงินเข้มมายืนอยู่ตรงหน้าเขาตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เขาคือคนที่คณะบริหารของมหาวิทยาลัยไปรับมาไม่ใช่เหรอ
ไป๋เยี่ยมองชายคนนั้นด้วยท่าทีสงสัย ก่อนที่ชายคนนั้นจะเผยรอยยิ้มออกมา “สวัสดีครับ ผมชื่อถังฮั่น ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ”
ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะดำเนินต่อไปอย่างเป็นธรรมชาติดี เหมือนกับการแนะนำตัวของถังฮั่นเมื่อครู่ ‘สวัสดีครับ ผมชื่อถังฮั่น ยินดีที่ได้รู้จักนะครับ’
ฟังดูเป็นประโยคแนะนำตัวที่เป็นทางการ แต่กลับน่าจดจำเช่นเดียวกัน
ทั้งสามคนสนทนาเกี่ยวกับการคิดค้นเกณฑ์บีพีเอฟเอชกันเป็นเวลานาน และพูดถึงแนวทางการพัฒนาในอนาคตอีกด้วย
ตั้งแต่การสร้างแผนโครงการพิเศษ ไปจนถึงจำนวนเงินที่ลงทุนและการจัดวางพนักงาน
อีกทั้งยังหารือกันถึงเรื่องการจัดทำแผนพัฒนาภายในเวลาหนึ่งเดือน การจัดตั้งสถาบันวิจัยสัตววิทยาภายในหนึ่งปี ไปจนถึงระบบการลงทะเบียนและการฝึกอบรมและช่องทางการจ้างงาน
นอกจากนี้ยังมีเรื่องอาหารบีวายวันที่มีผลต่อการประเมินโดยใช้เณฑ์บีพีเอฟเอช และการพัฒนาเทคโนโลยีที่หลากหลายในอนาคต
แม้แต่ถังฮั่นเองก็มีความฝันเช่นกัน ทว่าการเปลี่ยนสถานะของบริษัทน่าย่าก็เป็นเรื่องยากมาก
หากไม่ก้าวหน้าต่อไปก็ต้องถอยหลังกลับ!
และช่องว่างก็จะกว้างขึ้นเรื่อยๆ!
ถ้าเขาต้องการลดช่องว่างระหว่างบริษัทน่าย่ากับบริษัทเพาะพันธุ์สัตว์ทดลองในต่างประเทศนั้น เขาจะต้องทำงานอย่างหนัก
การคิดค้นเกณฑ์บีพีเอฟเอชกลายเป็นมีดเล่มคมในตลาดสัตว์ทดลอง หลังจากที่ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ได้รับการตรวจสอบมาตรฐานแล้วก็จะมีเพียงผู้ที่ปรับตัวเข้ากับเกณฑ์ได้เท่านั้นที่ยังคงอยู่รอด
หากไม่ปรับเปลี่ยนก็จะต้องถอยออกจากตลาดไป
ในขณะเดียวกัน หากคุณคว้าโอกาสนี้ไว้ได้ คุณก็จะได้รับส่วนแบ่งในตลาดมากขึ้นและอาจจะกลายเป็นแนวหน้าของอุตสาหกรรมสัตว์ทดลองได้!