สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 166 เถ้าแก่ไป๋ออกปฏิบัติการ
บทที่ 166 เถ้าแก่ไป๋ออกปฏิบัติการ
วันรุ่งขึ้น ข่าวว่าไป๋เยี่ยปฏิเสธข้อเสนอเงินเดือนปีละหนึ่งล้านหยวนแพร่กระจายไปทั่วย่านมหาวิทยาลัย
จะมีข่าวใดน่าตกใจไปกว่าข่าวข้อเสนอเงินเดือนปีละหนึ่งล้านหยวนถูกปฏิเสธโดยนักศึกษาระดับปริญญาตรีที่กำลังจะสำเร็จการศึกษากัน
ในยุคที่อัตราการว่างงานหลังเรียนจบเพิ่มสูงขึ้น จะมีใครกล้าปฏิเสธข้อเสนอดีๆ แบบนี้บ้าง
เงินเดือนต่อปีหนึ่งล้านหยวนในมณฑลจิ้นซีซื้อบ้านสักหลังในเมืองหลวงได้เลย แม้แต่คนในเมืองใหญ่ๆ ยังอิจฉาเงินเดือนที่สูงขนาดนี้เลย
แต่มันกลับถูกปฏิเสธโดยนักศึกษาแพทย์ปีห้าคนหนึ่ง
ขณะที่ข่าวนี้แพร่กระจายไป ก็มีข่าวว่านักศึกษาหลายสิบคนจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีได้รับข้อเสนอเงินเดือนต่อปีมากกว่าสองแสนหยวนแพร่สะพัดไปทั่วเหมือนกัน
เป็นเวลานานแล้วที่มหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีไม่ได้รับความนิยม เนื่องจากมีอัตราการจ้างงานต่ำ ไม่ค่อยมีโอกาสได้พัฒนา ได้เงินเดือนน้อย ฯลฯ
แต่ตอนนี้ ในขณะที่มีการมอบข้อเสนอมากมายให้นักศึกษา ทางมหาวิทยาลัยก็กำลังเซ็นสัญญาการจ้างงานกับบริษัทเป่ยจิงน่าย่าและจัดงานมหกรรมจัดหางานเช่นกัน
หรือว่านี่จะเป็นยุครุ่งเรืองของมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีกันนะ
แม้ว่านักศึกษาจากสถาบันอื่นจะรู้สึกอิจฉาตาร้อนไปตามๆ กันก็ตาม แต่นี่ก็เป็นครั้งแรกที่นักศึกษาจากมหาวิทยาลัยแพทย์แผนจีนจิ้นซีสัมผัสได้ถึงเกียรติยศและความรู้สึกเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับสถาบัน
หลังจากการบรรยายเมื่อวานนี้ ไป๋เยี่ยก็ได้รับโทรศัพท์ส่วนตัวจากถังฮั่น โดยคราวนี้เขาหวังว่าจะได้พูดคุยกับไป๋เยี่ยอีกครั้งหนึ่ง
ซึ่งไป๋เยี่ยเองก็ตอบรับ โดยนัดหมายสถานที่กันที่ห้องรับรองของมหาวิทยาลัย
หลังจากมาถึง ไป๋เยี่ยก็พบว่าในห้องมีคนมารอแล้ว ซึ่งนำทีมโดยถังฮั่น
มีคนติดตามถังฮั่นมาสามสี่คน พร้อมด้วยผู้หญิงอีกคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเป็นเลขาของเขาเดินเข้ามาพร้อมกับแฟ้มเอกสารในมือ และชายอีกสองคนที่กำลังเปิดโน้ตบุ๊กอยู่
เมื่อเห็นว่าไป๋เยี่ยมาถึงแล้ว ถังฮั่นก็ลุกขึ้นจับมือทักทายไป๋เยี่ยอย่างเป็นมิตร
ไป๋เยี่ยยังรู้สึกเสียดายเล็กน้อยที่ปฏิเสธถังฮั่นไป อย่างไรถังฮั่นก็ให้ความสำคัญกับเขามากถึงขั้นยื่นข้อเสนอเงินเดือนสูงสุดให้ แต่เขากลับปฏิเสธไปเสียดื้อๆ
ไป๋เยี่ยฝืนยิ้ม “สวัสดีครับคุณถัง วันนี้…ผมขอโทษนะครับ”
ถังฮั่นโบกมือไปมาด้วยท่าทีไร้กังวล ก่อนจะเอ่ยขึ้นพร้อมรอยยิ้ม “การปฏิเสธถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่งนะครับ”
ไป๋เยี่ยรับคำพลางส่งยิ้มให้เขาโดยที่ไม่พูดอะไรต่อ
ถังฮั่นจึงพูดต่อ “คุณไม่มีแผนจะมาร่วมงานกับเราจริงๆ เหรอครับ ผมสามารถส่งคุณไปเรียนรู้เทคโนโลยีล้ำสมัยใหม่ๆ ที่มหาวิทยาลัยชั้นนำในต่างประเทศได้นะครับ”
ไป๋เยี่ยส่ายหัว “อนาคตของผมไม่ได้อยู่ที่นั่นน่ะสิครับ”
ถังฮั่นได้ยินดังนั้นก็เบิกตากว้าง แม้เขาจะไม่ค่อยยินดีนัก แต่เขาก็วิเคราะห์ไป๋เยี่ยไว้แล้ว
นี่ถือเป็นความสามารถอย่างหนึ่งของถังฮั่น
ถังฮั่นวิเคราะห์นิสัยของผู้อื่นได้ผ่านการพูดคุย
ตัวอย่างเช่น การที่เขายื่นข้อเสนอเงินเดือนสูงสุดและมอบโอกาสในการไปศึกษาเกี่ยวกับสัตว์ทดลองให้ไป๋เยี่ย แต่สุดท้ายกลับโดนไป๋เยี่ยปฏิเสธมา
เพราะอะไรล่ะ
ก็เพราะว่านี่ไม่ใช่เป้าหมายที่แท้จริงของไป๋เยี่ยนั่นเอง!
ในโลกนี้มีคนประเภทหนึ่งที่ยึดมั่นในเส้นทางของตนเองและยืนหยัดที่จะเดินต่อไปบนเส้นทางนั้นๆ ไม่ว่าจะต้องพบเจอกับอุปสรรคใดๆ ก็ตาม
ถ้าไป๋เยี่ยไม่สนใจเรื่องสัตววิทยาทดลองนักล่ะก็!
ไป๋เยี่ยคงจะไม่ได้ใส่ใจเรื่องอาหารหนูบีวายวันมากนัก อย่างน้อยเขาก็คงไม่คิดจะทำมันเป็นอาชีพแน่ๆ
เพราะฉะนั้นถังฮั่นจึงค่อนข้างมั่นใจว่าเขาจะดึงสูตรอาหารบีวายวันมาได้
ตอนนี้เขาได้โอกาสแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการหารือเรื่องราคา
ถังฮั่นคิดแล้วก็รู้สึกมั่นใจขึ้นมาเล็กน้อย เพราะว่าการทดลองที่ไป๋เยี่ยทำนั้นเลือกใช้อาหารหนูบีวายวันและอาหารหนูลอนก้า
ไป๋เยี่ยคงจะไม่รู้ว่าบริษัทลอนก้ามีจุดแข็งในเรื่องของอาหารสัตว์ทดลองมากแค่ไหน แต่ถังฮั่นนั้นรู้จักคู่แข่งของเขาดีมาก!
อย่างน้อยอาหารบีวายวันของไป๋เยี่ยก็ดีกว่าอาหารของลอนก้าแน่นอน
ถังฮั่นพยายามถามต่อ “ถ้าอย่างนั้นคุณสนใจมอบสูตรอาหารบีวายวันให้ทางเราไหมครับ”
ไป๋เยี่ยคิดไว้แล้วว่าถังฮั่นคงไม่มีอะไรที่อยากได้ไปมากกว่าสูตรอาหารบีวายวันแล้ว
เพราะว่าแผนโครงการพิเศษเกี่ยวกับเกณฑ์บีพีเอฟเอชนั้นเป็นโครงการระยะยาว คงยังไม่ได้ผลลัพธ์ใดๆ ในระยะเวลาอันสั้นนี้แน่นอน
ซึ่งระหว่างที่ดำเนินการก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยเชื่อมโยงหลายๆ อย่างได้
หนึ่งในนั้นคืออาหารบีวายวันที่ไป๋เยี่ยกำลังทดลองอยู่
ไป๋เยี่ยมองว่าถังฮั่นเป็นคนเก่งเรื่องการสืบค้นข้อมูลจากหลายแหล่งมาก
แม้ว่าจะยังไม่มีการเผยแพร่สูตรอาหารบีวายวันออกไป แต่โครงการที่ไป๋เยี่ยกำลังทำนั้นก็ถือเป็นหลักฐานพิสูจน์การมีอยู่ของมันได้ ซึ่งถังฮั่นก็คงวิเคราะห์คุณค่าและแนวโน้มการพัฒนาสูตรอาหารบีวายวันได้จากแผนโครงการของเขา
อย่างไรก็ตาม ไป๋เยี่ยก็ยังคงวางแผนจะเก็บสูตรอาหารนี้ไว้ให้เถ้าแก่ไป๋เป็นคนจัดการอยู่ดี พอคิดได้เช่นนั้น ไป๋เยี่ยก็รู้สึกอยากส่ายหัวปฏิเสธถังฮั่น ณ ตอนนั้นเลย ทว่าจู่ๆ เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
มีสายเรียกเข้ามาในเวลาที่ไม่ค่อยเหมาะสมนัก ทำให้ตอนแรกไป๋เยี่ยคิดจะตัดสายไป แต่เมื่อเขาอ่านชื่อบนหน้าจอและพบว่าคนที่โทรมาคือเถ้าแก่ไป๋ เขาก็มีท่าทีลังเลเล็กน้อยก่อนจะยอมเอ่ยปากขึ้นมา “ขอโทษนะครับ ผมขอออกไปรับโทรศัพท์ก่อน”
ถังฮั่นพยักหน้าทั้งรอยยิ้ม “พวกเราจะรอคุณ”
ไป๋เยี่ยจึงเดินออกไปรับโทรศัพท์ทันที
“ว่าไงพี่ หนูสอบเสร็จแล้วนะ!”
สองวันมานี้ไป๋เยี่ยไม่ได้โทรหาคนที่บ้านเลย เพราะไป๋หลิงกำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยจึงไม่อยากให้ใครโทรมารบกวนเธอ ตอนแรกเขาก็ว่าจะโทรหาที่บ้านวันนี้ แต่เขาก็มีธุระเยอะไปหมดจนลืมสนิท
เมื่อได้ยินเสียงของไป๋หลิง ไป๋เยี่ยก็รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมากราวกับว่าเสียงของน้องช่วยฟื้นฟูสภาพจิตใจให้เขาได้ “สอบเป็นไงบ้าง”
“ก็ต้องผ่านไปได้ด้วยดีอยู่แล้ว นี่ใครเอ่ย” ไป๋หลิงตอบไปตามความจริง
ไป๋เยี่ยยิ้ม เขารู้เกรดของไป๋หลิงดี ก็พอฟัดพอเหวี่ยงนั่นแหละนะ เรียนจบปริญญาตรีได้ก็บุญแล้ว แต่ไป๋เยี่ยก็ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนั้นมากนัก
“จะไปเรียนที่ไหนล่ะ” ไป๋เยี่ยถาม
ขณะที่ไป๋หลิงกำลังจะเอ่ยปากตอบ จู่ๆ ไป๋ตงหลินที่นั่งอยู่ตรงข้ามก็แย่งโทรศัพท์มา “เสี่ยวเยี่ย ว่างละเหรอ”
ไป๋เยี่ยพึมพำ “ก็นั่นแหละพ่อ หลิงเอ๋อร์จะไปเรียนที่ไหนเหรอ”
ไป๋ตงหลินครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “พ่อกับแม่ว่าจะพาหลิงเอ๋อร์ไปที่อื่น”
ไป๋เยี่ยผงะไปชั่วครู่
ไปที่อื่น หมายความว่าไง
ไปที่ไหนเหรอ
เมืองหลวง ไห่ซื่อ หรือว่าที่ไหนกัน
“จะไปที่ไหนกันเหรอ”
ไป๋ตงหลินพูดต่อ “จะไปที่อเมริกาน่ะ พ่อฝากเพื่อนที่นั่นติดต่อกับมหา’ลัยไว้ละ เดือนหน้าเดี๋ยวก็ไปที่นั่นกันแล้ว”
ไป๋เยี่ยถอนหายใจ โอเค พวกเขาจะไปที่อื่นอีกแล้วสินะ แต่ชีวิตม.ต้นจนถึงม.ปลายของไป๋หลิงก็ผ่านไปได้ด้วยดี อย่างน้อยก็ไม่ต้องย้ายที่เรียนไปเรื่อยแบบเรา…
อีกอย่างที่เถ้าแก่ไป๋พูดมามันก็ถูก ในเมื่อเกรดของไป๋หลิงไม่ผ่านเกณฑ์ที่จีน ก็สู้ไปเรียนต่ออเมริกาเลยดีกว่า อย่างน้อยไปใช้ชีวิตที่นั้นก็ดีอยู่แล้ว อย่างไรพวกเขาก็เคยอยู่ที่นั่นมาหลายปีเหมือนกัน
ไป๋เยี่ยเอ่ยขึ้น “ผมว่าจะแนะนำธุรกิจหนึ่งให้พ่อ แต่คงไม่มีโอกาสแล้วมั้ง”
ไป๋ตงหลินยิ้ม “ธุรกิจอะไร บอกพ่อมา”
ไป๋เยี่ยจึงเล่าเรื่องราวการค้นพบเกณฑ์บีพีเอฟเอชและอาหารบีวายวันให้ไป๋ตงหลินฟังก่อนจะพูดต่อ “ต้นทุนของอาหารสูตรนี้ไม่สูงมาก แถมยังไม่ต้องใช้เทคโนโลยียุ่งยากด้วย ผมว่าพ่อน่าจะลองเอาไปทำดูนะ”
ไป๋ตงหลินเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงถามขึ้น “นี่ลูกคิดไอ้เกณฑ์นั่นขึ้นมาเองเหรอ แล้วไอ้ข่าวที่ว่าช่วงนี้เอ็มไอโอกำลังยุ่งอยู่กับการอนุมัติเกณฑ์อะไรนั่นก็เป็นฝีมือลูกงั้นเหรอ”
ไป๋เยี่ยไม่คิดว่าเถ้าแก่ไป๋จะสนใจเรื่องนี้ด้วย
เขารู้สึกแปลกใจมากจึงถามออกไป “พ่อ! พ่อก็รู้เรื่องนี้เหรอ”
ไป๋ตงหลินพึมพำ “ก็ไม่ได้รู้เยอะหรอก พ่อก็ได้ยินมาจากเขาอีกที เพราะพ่อก็ไม่ได้ทำงานด้านนี้ พ่อไม่รู้ไอ้เรื่องการทดลองวิศวกรรมชีวภาพในสัตว์อะไรนั่นหรอก แต่พ่อรู้ว่ามันก็ดังใช้ได้เลย”
ไป๋เยี่ยตอบรับอย่างเกร็งๆ
ไป๋ตงหลินใช้ความคิดอยู่พักหนึ่งแล้วจึงถามต่อ “แล้วช่วงนี้มีใครเข้ามาติดต่อบ้างไหมล่ะ พวกคนจากบริษัทเพาะพันธุ์สัตว์น่ะ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้าและเล่าเรื่องของถังฮั่นให้ไป๋ตงหลินฟัง
ไป๋ตงหลินได้ยินดังนั้นก็พูดขึ้น “ไม่ต้องรีบหรอก อย่าเพิ่งปฏิเสธเรื่องอาหารกับเกณฑ์นั่นนะ ไว้พรุ่งนี้พ่อไปคุยให้เอง”
ไป๋เยี่ยถึงกับตะลึง นี่เถ้าแก่ไป๋จะลงมือเองเหรอ
หลังจากวางสายไป ไป๋เยี่ยก็รู้สึกผ่อนคลายและสบายใจมาก เขาเชื่อว่าทุกอย่างย่อมมีทางแก้ถ้าเถ้าแก่ไป๋เป็นคนลงมือเอง!
ไป๋เยี่ยกลับไปที่ห้องรับรองพร้อมกับส่งยิ้มแสดงความเกรงใจให้ถังฮั่น “คุณถัง พ่อผมอยากคุยกับคุณเรื่องอาหารบีวายวันครับ”
ถังฮั่นได้ยินดังนั้นก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมาหน่อย ไป๋เยี่ยไม่ได้ปฏิเสธเขา แต่กลับเลือกมาพูดคุยกับเขาดีๆ หลังจากที่ได้ปรึกษาคนในครอบครัวแล้ว แสดงให้เห็นว่าเขายังมีโอกาสทำเรื่องนี้ต่อไปอยู่