สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 186 เทคโนโลยีผูกขาด
บทที่ 186 เทคโนโลยีผูกขาด
หลังจากที่เจียวเจิ้งเต๋อได้รู้ว่าไป๋เยี่ยต้องการจำลองหนูทดลองที่มีภาวะความดันโลหิตสูง เขาก็โทรหาผู้ชายคนหนึ่ง สิบนาทีผ่านไปก็มีชายสวมแว่นคนหนึ่งเดินเข้ามาหาเขา
“อาจารย์ เรียกผมมามีอะไรเหรอครับ” ชายคนนั้นถาม
เจียวเจิ้งเต๋อจึงแนะนำไป๋เยี่ยให้เขารู้จัก “นี่คือไป๋เยี่ย เขาจะมาเรียนรู้วิธีการสร้างแบบจำลองที่นี่สักพักน่ะ ช่วยสอนเขาหน่อยนะ”
“นี่คือต่งฉุนกวง เป็นนักศึกษาของผมเอง เขาประสบความสำเร็จในด้านการสร้างแบบจำลองของหนูทดลอง สงสัยอะไรก็ถามเขาได้เลย”
ห้องแล็บของไป๋เยี่ยตั้งอยู่ข้างๆ ห้องแล็บของต่งฉุนกวง เผื่อมีปัญหาอะไรจะได้เข้าไปช่วยดูแลได้ง่าย
ต่งฉุนกวงเป็นคนค่อนข้างสายตาสั้น เขาจึงสวมแว่นตลอดเวลา แม้ว่าภายนอกเขาจะดูไม่ยิ้มแย้มสักเท่าไหร่ แต่เขาก็คอยให้ความช่วยเหลือแก่ไป๋เยี่ยอยู่เสมอ
วันต่อมา ไป๋เยี่ยยังไม่ได้ลงมือสร้างแบบจำลองด้วยตนเอง แต่ศึกษาวิธีจากต่งฉุนกวงและอ่านหนังสือควบคู่ไปด้วย
จางฮั่นหลินต้องการหนูทดลองสองแบบ แบบที่หนึ่งคือหนูที่มีภาวะความดันโลหิตสูงทั่วไป และแบบที่สองคือหนูที่มีความดันโลหิตในไตสูง ซึ่งงานวิจัยหลักของเขาก็เกี่ยวข้องกับการรักษาภาวะความดันโลหิตสูงทั่วไปและภาวะความดันโลหิตในไตสูง
ตงฉุนกวงไม่ใช่คนเย็นชา แต่เขาแค่เป็นคนเข้าสังคมไม่เก่ง ทว่าไป๋เยี่ยก็สัมผัสได้ว่าเขาต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่ๆ
ปีนี้เขามีอายุสามสิบเอ็ดปี เคยตีพิมพ์วารสารทั้งสิ้นแปดฉบับ และยังได้รับรางวัลการพัฒนางานวิจัยวิทยาศาสตร์รุ่นเยาว์แห่งปักกิ่งเรื่องการพัฒนาแบบจำลองหนูที่มีภาวะความดันโลหิตในไตสูง นอกจากนี้ยังได้รับการเสนอชื่อเข้าไปเรียนปริญญาเอกด้วย
ต่งฉุนกวงเป็นลูกคนโตในบรรดาพี่น้องทั้งสี่คน ทำให้เขาต้องแบกรับภาระค่าเล่าเรียนทั้งหมดไว้
บังเอิญกับที่ถังฮั่นเข้ามายื่นข้อเสนอเงินเดือนประจำปีจำนวนหนึ่งล้านหยวนให้เขา ต่งฉุนกวงจึงเข้าร่วมบริษัทโดยไม่ลังเล ทว่าเขาก็ไม่ได้ทำให้เงินก้อนนั้นเสียไปอย่างเปล่าประโยชน์ เขาปรับปรุงวิธีการสร้างแบบจำลองหลากหลายวิธีอย่างต่อเนื่อง และได้สร้างกำไรมหาศาลให้กับบริษัท
ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ต่งฉุนกวงก็ได้แต่คอยสังเกตการเปลี่ยนแปลงของความดันโลหิตในแบบจำลอง จนมันเริ่มกลายเป็นกิจวัตรประจำวันของเขา ในขณะเดียวกันทั้งสองคนก็เริ่มสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
ไป๋เยี่ยไปถึงห้องแล็บแต่เช้าตรู่เพื่อเตรียมการทดลอง จากนั้นก็เริ่มฝึกฝนทักษะของตนเอง
ต่งฉุนกวงเองก็เริ่มคุยกับเขาเยอะขึ้น “ลองทำเองไหม”
ไป๋เยี่ยชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าด้วยความยินดี หลังจากที่ทำได้แค่คอยสังเกตการณ์มาหลายวัน เขาก็อยากลงมือทำเองจะแย่แล้ว
ต่งฉุนกวงหันไปพูดกับไป๋เยี่ย “ช่วงนี้ผมกำลังทำแบบจำลองหนูที่มีความดันโลหิตในไตสูง คุณน่าจะพอจำอะไรได้บ้างแล้ว ถ้างั้นวันนี้ผมลองให้คุณทำเองก่อนแล้วกัน ถ้ามีปัญหาตรงไหนผมจะบอกคุณเอง”
ไป๋เยี่ยนำหนูเอสดีเพศผู้ขนาดใหญ่ มีน้ำหนักราวๆ หนึ่งร้อยแปดสิบกรัมขึ้นมาเล็มขนขาออก แล้วฆ่าเชื้อด้วยสารไอโอโดฟอร์[1]
อันที่จริงการสร้างแบบจำลองหนูที่มีภาวะความดันโลหิตในไตสูงนั้นง่ายมาก เพียงแค่หนีบหลอดเลือดแดงที่วิ่งผ่านไตไว้ด้วยตัวหนีบหลอดเลือดเท่านั้น ซึ่งแบบจำลองความดันโลหิตสูงของกอลท์บัตต์นั้นมีอยู่สองประเภท นั่นคือแบบไตเดี่ยวและไตคู่ แบบจำลองแบบไตคู่คือการเก็บไตทั้งสองข้างไว้แล้วหนีบหลอดเลือดแดงบริเวณไตทั้งสองข้างหรือข้างเดียวไว้ ส่วนแบบจำลองแบบไตเดี่ยวคือการนำไตออกข้างหนึ่ง แล้วทำการหนีบหลอดเลือดแดงของไตข้างที่เหลืออยู่ไว้
ปัจจุบันแบบจำลองไตคู่ถือเป็นวิธีการสร้างแบบจำลองภาวะความดันโลหิตสูงที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย และเป็นที่ยอมรับมากที่สุดในโลก เพราะสร้างได้ง่าย มีอัตราความสำเร็จสูง และมีอัตราการเสียชีวิตของสัตว์ทดลองต่ำ
ไป๋เยี่ยใช้มีดกรีดบริเวณด้านซ้ายของช่องท้องของหนูเป็นแผลยาวประมาณสามถึงสี่เซนติเมตร โดยใช้ยาสลบเป็นคลอรอลไฮเดรต[2]ที่มีความเข้มข้นสิบเปอร์เซ็นต์ แต่สำหรับหนูเพศผู้ที่มีน้ำหนักถึงหนึ่งร้อยแปดสิบกรัมจะต้องให้ยาสลบปริมาณหนึ่งมิลลิลิตรผ่านทางช่องท้องแทน…
ทว่าไป๋เยี่ยกลับต้องมารู้สึกผิดเพราะเขาทำหนูตาย…
ต่งฉุนกวงมองไป๋เยี่ยที่กำลังรู้สึกผิดอยู่ด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ไม่ต้องผ่าแล้ว มันตายไปแล้ว”
ตอนแรกไป๋เยี่ยก็ไม่ได้คิดมากอะไร แต่เมื่อได้ฟังคำพูดของต่งฉุนกวงเขากลับยิ่งรู้สึกผิดที่ทำหนูตัวนั้นตาย
ต่งฉุนกวงกล่าวอย่างใจเย็น “การสร้างแบบจำลองนี้มีอัตราความสำเร็จสูงและอัตราการเสียชีวิตต่ำมาก เรียกได้ว่าน้อยกว่าสิบเปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ ความล้มเหลวส่วนมากมักจะเกิดจากขั้นตอนการให้ยาสลบ ถ้าให้ผมเดา ตอนที่คุณให้ยาสลบ คุณคงจะฉีดยาเข้าหัวใจหนูไปแน่ๆ”
ไป๋เยี่ย “…”
แรกๆ อะไรๆ ก็ยากทั้งนั้น หลังจากที่ใช้เวลาหลายวันไปกับการศึกษาค้นคว้า ในที่สุดไป๋เยี่ยก็สร้างแบบจำลองหนูให้เสร็จสมบูรณ์ได้สักที ทั้งยังมีอัตราความสำเร็จค่อนข้างสูงด้วย
ในช่วงสิบวันที่ผ่านมานี้ไป๋เยี่ยสร้างแบบทดลองได้ราวๆ หนึ่งร้อยตัว ในขณะที่ต่งฉุนกวงสร้างได้ราวๆ ห้าร้อยตัว ทั้งที่เขาแค่ทำไปเรื่อยๆ ด้วยซ้ำ…
ไป๋เยี่ยและต่งฉุนกวงเริ่มสนิทกันมากขึ้นเรื่อยๆ
ไป๋เยี่ยคิดอะไรบ้างอย่างได้ถึงลองเอาไปถามต่งฉุนกวง “คุณคิดยังไงกับการสร้างแบบจำลองภาวะความดันโลหิตสูง”
ต่งฉุนกวงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งและหยุดมือลง “ไม่น่าทำหรอก เพราะผลลัพธ์ที่ได้นั้นขาดความสม่ำเสมอและมีความแตกต่างค่อนข้างมาก ทำให้ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงของการเกิดภาวะความดันโลหิตสูง ทั้งที่จริงๆ แล้วยังมีวิธีการสร้างแบบจำลองวิธีอื่นอยู่”
ไป๋เยี่ยได้ยินก็นึกขึ้นได้ถึงวิธีการเพาะพันธุ์หนูโดยใช้หนูที่มียีนความดันโลหิตสูง จึงถามอีกฝ่ายไป “แล้วมีหนูที่มียีนความดันโลหิตสูงไหมครับ”
“มันต้องมีอยู่แล้ว พันธุ์ที่นิยมใช้กันมากที่สุดคือหนูเอสเอชอาร์ ดร.โอคามาโตะเคยนำหนูวิสตาร์ตัวผู้ที่มีความดันโลหิต 19.3~23.3 เคพีเอและหนูตัวเมียสายพันธุ์เดียวกันที่มีความดันโลหิต 17.3~18.6 เคพีเอมาผสมพันธุ์กัน จากนั้นก็เลือกหนูรุ่นลูกที่มีความดันโลหิตเกิน 24 เคพีเอออกมา และเรียกมันว่าหนูที่มีความดันโลหิตสูงตามกรรมพันธุ์ (เอสเอชอาร์) จากนั้นในปี 1969 ก็ได้มีการเพาะพันธุ์หนูเอสเอชอาร์สายพันธุ์ชิด[3]ขึ้น จากนั้นก็ทำการเพาะหนูสายพันธุ์ชิดต่อมาเรื่อยๆ จนกระทั่งปี 1986 ซึ่งเป็นยุคที่เทคโนโลยีมีความก้าวหน้าขึ้นแล้ว”艾琳小說
ไป๋เยี่ยถึงกับเบิกตากว้างทันที เพราะจากที่เขาเคยเลี้ยงหนูมา เขาค้นพบว่าการจะสร้างแบบจำลองหนูที่มีภาวะความดันโลหิตนั้นจะต้องมีการเปลี่ยนถ่ายยีนจากหนูที่มียีนความดันโลหิตสูง เขาจึงรู้สึกอิ่มเอมใจมากหลังจากที่ได้เรียนรู้เรื่องหนูเอสเอชอาร์ “แล้วสัดส่วนหนูที่มีภาวะความดันโลหิตสูงคือเท่าไหร่บ้างเหรอครับ”
ต่งฉุนกวงตอบ “ก็ร้อยเปอร์เซ็นต์นั่นแหละ ปกติแล้วความดันโลหิตจะเพิ่มขึ้นตามอายุหลังคลอด ถ้าอิงตามสถิติของหนูรุ่นที่สามสิบถึงสามสิบสอง จะพบว่าความดันโลหิตเฉลี่ยของหนูตัวผู้ที่มีอายุสิบสัปดาห์คือ 24.5±2.3 เคพีเอ ส่วนในหนูตัวเมียจะมีค่าประมาณ 23.7±1.9 เคพีเอ และจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้น”
ต่งฉุนกวงพูดแล้วก็ส่ายหัว “ราคาของหนูเอสเอชอาร์ในประเทศจีนอยู่ที่ประมาณตัวละห้าร้อยหยวน แต่หนูที่เพาะพันธุ์ขึ้นในจีนนั้นไม่ค่อยมีประสิทธิภาพ แถมยังมีอัตราการเจ็บป่วยที่สูงด้วย ในขณะที่หนูเอสเอชอาร์ที่เพาะพันธุ์โดยต่างชาตินั้นมีคุณภาพที่ดีกว่า และมีราคาเพียงสองร้อยถึงสามร้อยหยวนเท่านั้น ทำให้หนูพันธุ์นี้เป็นหนูที่มีค่ามาก
ทางบริษัทของเราเองก็เคยลองเพาะพันธุ์ดูเหมือนกัน แต่น่าเสียดายที่เทคโนโลยีที่เรามีตอนนี้ยังไม่เพียงพอ การเพาะพันธุ์หนูเอสเอชอาร์ของเรายังห่างไกลบริษัทลอนก้าอยู่มาก แต่ถ้าเราลองใช้เกณฑ์บีพีเอฟเอชที่กำลังเป็นที่นิยมมาเป็นเกณฑ์วัดล่ะก็ หนูของเราจะมีคะแนนสูงที่สุดอยู่ที่สอง ในขณะที่หนูที่มีคะแนนต่ำสุดของลอนก้าก็อยู่ที่สองเหมือนกัน ส่วนเจ้าอื่นๆ ก็คงได้คะแนนอยู่ที่หนึ่งแหละนะ”
ไป๋เยี่ยได้ยินก็ไม่รู้สึกแปลกใจกับการที่จางฮั่นหลินเลือกสั่งซื้อหนูจากต่างประเทศแล้ว ที่แท้สาเหตุก็เป็นอย่างนี้นี่เอง เขาถึงลองถามต่งฉุนกวงอีกคำถาม “แล้วไม่มีหนูพันธุ์ไหนมาแทนที่หนูเอสเอชอาร์ได้เลยเหรอครับ”
จู่ๆ ต่งฉุนกวงก็ยิ้ม ถือเป็นภาพที่หาได้ยากมากจริงๆ “มีสิ! แต่…ยังอยู่ระหว่างการวิจัยน่ะ”
ทันใดนั้นไป๋เยี่ยก็ตระหนักได้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นต่งฉุนกวงยิ้มตั้งแต่ที่ได้รู้จักกันมา
“ทำยังไงเหรอ”
แววตาของต่งฉุนกวงเปล่งประกายขึ้นมาทันที “ใช้พันธุวิศวกรรม ผมเพิ่งลองศึกษาลำดับโครงสร้างทางพันธุกรรมของหนูเอสเอชอาร์ ถ้าผมหาความแตกต่างระหว่างหนูเอสเอชอาร์และหนูชนิดอื่นๆ ได้ เราก็อาจจะพอเรียนรู้อะไรจากมันได้บ้าง โดยเราจะใช้วิธีช็อทกัน[4]ในการเปลี่ยนลำดับเบสในเอ็มบริโอ”
หลังจากที่ต่งฉุนกวงพูดจบ เขาก็ดูมีความหวังขึ้นมาทันที “สักวันหนึ่งเราจะทำลายการผูกขาดทางเทคโนโลยีจอมปลอมนี่ และทำให้ชาวต่างชาติหันมาซื้อหนูจากประเทศเราแทน!”
[1] สารไอโอโดฟอร์ สารเชิงซ้อนที่ไม่เสถียรของธาตุไอโอดีนที่มีตัวพาโมเลกุลขนาดใหญ่
[2] คลอรอลไฮเดรต ยาสงบประสาท/ยาคลายเครียด และยานอนหลับ สำหรับ ผู้ใหญ่ เด็ก และผู้สูงอายุ · ใช้สงบประสาทในผู้ป่วยก่อนเข้ารับการผ่าตัด
[3] สายพันธุ์ชิด คือชื่อเรียกที่ใช้เรียกสิ่งมีชีวิตรุ่นลูกที่เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน
[4] การจัดลำดับเบสแบบช็อทกัน (shotgun sequencing) คือวิธีการจัดลำดับเบสในดีเอ็นเอของสิ่งมีชีวิตโดยการตัดชิ้นดีเอ็นเอที่มีขนาดใหญ่ให้มีขนาดเล็กลง