สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 240 สถานการณ์ฉุกเฉิน
บทที่ 240 สถานการณ์ฉุกเฉิน
แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลผู่เจ๋อเป็นศูนย์การแพทย์ฉุกเฉินของปักกิ่ง ที่หน้าประตูจะมีรถพยาบาลคอยให้บริการอยู่เสมอ
แผนกฉุกเฉินยุ่งจนต้องแบ่งเวรวันละสามกะ แพทย์ต่างทำงานกันจนไม่มีเวลาหายใจ
หลิวเสี่ยวกังเดินลงบันไดด้วยท่าทีใจเย็นก่อนจะหันมาพูดกับไป๋เยี่ย “ไม่ต้องกังวล ในเมื่อเป็นการวินิจฉัยกระดูกและข้อฉุกเฉิน ก็แปลว่ายังไม่อันตรายถึงชีวิต”
“ถ้าอยู่ในขีดอันตรายก็คงไม่เรียกแผนกเราหรอก”
แน่นอนว่าหากชีวิตของผู้ป่วยอยู่ในภาวะวิกฤต ย่อมต้องถูกส่งไปยังแผนกอื่นๆ อย่างแผนกศัลยกรรมหัวใจ แผนกศัลยกรรมประสาท หรือห้องไอซียู
หลิวเสี่ยวกังพูดต่อ “เราอาจจะถูกเรียกไปวินิจฉัยอาการเพื่อจะได้กำหนดแผนการรักษาต่อไป…”
อันที่จริง นี่เป็นครั้งแรกที่ไป๋เยี่ยต้องเผชิญกับการวินิจฉัยฉุกเฉิน ดังนั้นเขาจึงค่อนข้างสงสัยและเป็นกังวลเล็กน้อย
เนื่องจากเขาคิดว่ามีเพียงเคสวิกฤตเท่านั้นที่ต้องได้รับการวินิจฉัยฉุกเฉิน
อย่างไรก็ตาม ไป๋เยี่ยก็ไม่ได้มีท่าทีหวาดกลัวใดๆ มืออาชีพย่อมต้องพกความกล้าหาญมาด้วย อีกทั้งไป๋เยี่ยยังมีทักษะการแพทย์ฉุกเฉินเลเวลหกด้วย โดยพื้นฐานแล้วตอนนี้เขารับมือกับเคสร้ายแรงได้บ้างแล้ว
วันนี้เขาเพิ่งจะได้มีโอกาสมาเยือนห้องฉุกเฉินบ้าง
เมื่อไป๋เยี่ยตามหลิวเสี่ยวกังมาถึงแผนกฉุกเฉินที่ชั้นหนึ่ง เขาก็เห็นคนราวๆ ยี่สิบสามสิบคนนอนอยู่บนเตียงบ้าง เปลหามบ้าง รถเข็นบ้าง แถมบางคนยังอยู่ในชุดเครื่องแบบตำรวจ และกลุ่มคนที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็คือตำรวจทั้งนั้น!
สถานการณ์ตรงหน้าทำให้ไป๋เยี่ยตกอยู่ในอาการงุนงง เกิดอะไรขึ้นกันแน่
ในเวลานี้ ‘หลิวเป่าเซ่อ’ หัวหน้าแผนกฉุกเฉินก็เดินเข้ามาทักทายหลิวเสี่ยวกัง “หมอหลิวมาแล้ว เชิญเข้ามาเลยครับ ผมจะอธิบายอาการคร่าวๆ ของผู้ป่วยให้”
หลิวเป่าเซ่อพาหลิวเสี่ยวกังเข้าไปในห้องตรวจ ด้านในห้องมีชายลักษณะคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจนั่งรออยู่ เพียงแต่ว่าแขนของชายผู้นั้นถูกล็อกไว้ไม่ให้ขยับ หยาดเหงื่อที่หยดติ๋งๆ บนใบหน้าของเขาแสดงให้เห็นว่าเขาเจ็บปวดสุดขีด!
เจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งสามคนที่ยืนรออยู่ข้างๆ ก็มองไปที่ชายคนนั้นอย่างประหม่าเช่นกัน
หลิวเป่าเซ่อพูดต่อ “นี่คือคุณจ้าวปัว หัวหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจอาชญากรรมของสำนักงานสืบสวนคดีอาญาประจำกรุงปักกิ่ง วันนี้ระหว่างที่เข้าเวรเขาประสบอุบัติเหตุ ตอนนี้แขนขวาอาจเคลื่อนได้เนื่องจากอาการบาดเจ็บภายนอก ไว้ไปถึงห้องฉุกเฉินค่อยไปถ่ายภาพกัน”
หลิวเป่าเซ่อพูดจบก็ยื่นฟิล์มเอ็กซ์เรย์ให้ เป็นภาพเอ็กซ์เรย์จากหลายๆ มุม เมื่อหลิวเสี่ยวกังรับฟิล์มนั่นมาก็ชะงักไปครู่หนึ่ง
ใช่แล้ว เคสนี้เป็นเคสกระดูกเคลื่อน แต่…ดูจะเป็นเคสยากนิดหน่อย…
ว่ากันตามตรง ถ้าเป็นเคสกระดูกเคลื่อนแบบนี้ไม่ง่ายเลย!
ไป๋เยี่ยรอให้หลิวเสี่ยวกังดูเสร็จก็หยิบฟิล์มขึ้นมาส่องกับแสงไฟพลางเลิกคิ้วขึ้น
มีอาการบาดเจ็บบริเวณข้อศอก แต่ยังมีปัญหาอื่นๆ ด้วย นี่มันหมายความว่าอย่างไร
จุดที่ต้นแขนและส่วนแขนเชื่อมต่อกันเรียกว่าข้อศอก ซึ่งประกอบด้วยส่วนล่างของกระดูกต้นแขน กระดูกอัลนาและส่วนบนของกระดูกเรเดียส มีข้อต่อหลักสามข้อ ได้แก่ ข้อต่อฮิวเมอโรอัลนา ข้อต่อฮิวเมอโรเรเดียลและข้อต่อเรดิโออัลนา
โดยปกติแล้ว ข้อต่อฮิวเมอโรอัลนาจะประกอบด้วยฮิวเมอรัสโทรเคลียร์และรอยเว้าเซมิลูนาร์เป็นหลัก แต่ตอนนี้ทั้งสองตำแหน่งนี้ถูกแทรกด้วยกระดูกต้นแขน ทำให้เคลื่อนตัวออกจากกัน
ข้อต่อกระดูกต้นแขนเดิมเป็นการเชื่อมต่อกันของกระดูกต้นแขนส่วนหัวและส่วนหัวเว้าของกระดูกเรเดียส แต่ตอนนี้ส่วนหัวของกระดูกต้นแขนกลับพลิกกลับมาอยู่ด้านนอก นั่นคืออยู่ระหว่างข้อต่อฮิวเมอโรอัลนา!
ซึ่งอาการปัจจุบันยังไม่ค่อยดีนัก
อาการเคลื่อนของกระดูกมักเกิดขึ้นที่ไหล่ ข้อศอก กราม และนิ้ว แต่เคสข้อต่อหลุดออกมาเช่นนี้ถือเป็นเคสที่ยากมาก
สาเหตุทั่วไปอาจเกิดจากการได้รับบาดเจ็บบริเวณนั้นตรงๆ หรืออาจเกิดจากการล้มหรือได้รับแรงที่มากเกินไป
กล่าวคือ เมื่อแรงภายนอกสร้างความเสียหายต่อข้อต่อ กระดูกจะเคลื่อนไปตามแรงภายนอก บีบให้กระดูกเคลื่อนตัวและชนกับกระดูก เส้นเอ็นและเนื้อเยื่อของกล้ามเนื้ออื่นๆ ทำให้เกิดอาการบาดเจ็บต่อกันเป็นทอดๆ
ไป๋เยี่ยมองฟิลม์เอ็กซเรย์ด้วยความรู้สึกชาไปครึ่งซีก ต้องไปทำท่าไหนถึงเป็นหนักขนาดนี้
หลิวเสี่ยวกังเดินไปหาผู้ป่วยพร้อมมองแขนที่ถูกล็อกไว้ “ขอดูแผลว่าเป็นไงบ้างหน่อยครับ ทนเจ็บนิดหนึ่งนะ ผมจะดึงผ้าก๊อซออก”
เม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผากของชายคนนั้นก่อนจะค่อยๆ ไหลลงมา ทั้งที่นี่ก็เป็นฤดูหนาวแล้ว ที่ปักกิ่งก็เพิ่งจะมีหิมะตกเมื่อไม่นานมานี้ หากจะบอกว่าลมหนาวพัดจนแทบหนาวเข้ากระดูกคงไม่เกินจริง
การที่ชายฉกรรจ์วัยสามสี่สิบปีต้องมาทนเจ็บแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องตลกเลย!
ชายคนนั้นยิ้มกลบเกลื่อนความเจ็บปวด “ครับ คุณหมอ ไม่ต้องห่วงผม”
เมื่อปลดสายรัดผ้าและผ้าก๊อซออก ทุกคนก็ตะลึง ตอนนี้ข้อศอกของเขาบวมจนเหมือนถังไวน์
แดงจนไม่รู้จะว่าไงแล้ว!
จากนั้นหลิวเสี่ยวกังก็ลองคลำหลอดเลือดแดงที่ข้อมือทีละเส้นเพื่อดูว่าการไหลเวียนของเลือดได้รับผลกระทบหรือไม่ เขาแตะนิ้วของผู้ป่วยและบีบกล้ามเนื้อเบาๆ เพื่อสังเกตปฏิกิริยาตอบสนองต่อความเจ็บปวด
ไป๋เยี่ยรู้ว่าสิ่งเหล่านี้เป็นการวินิจฉัยการทำงานของระบบประสาท
อาการกระดูกเคลื่อนไม่เหมือนกับที่เห็นในละครโทรทัศน์ ที่แค่บิดๆ หมุนๆ ดึงๆ กระชากๆ แล้วจะหาย
ในความเป็นจริงแตกต่างกับในโทรทัศน์โดยสิ้นเชิง เพราะว่าอาการข้อเคลื่อนสร้างความเสียหายต่อเนื้อเยื่อ หลอดเลือดและเส้นประสาทโดยรอบได้ หากรักษาไม่ถูกวิธี จะไม่เพียงแต่ช่วยผู้ป่วยไม่ได้เท่านั้น แต่ยังอาจสร้างความเสียหายต่อเส้นประสาทและหลอดเลือดได้ด้วย ซึ่งผลที่ตามมาอาจจะร้ายแรงยิ่งกว่า
หลังจากการตรวจดูคร่าวๆ แล้ว หลิวเสี่ยวกังก็นิ่วหน้า “ผมแนะนำให้ผ่าตัดนะครับ เพราะว่าข้อต่อเคลื่อนตัวออกมาเยอะมาก ทำให้…ถึงแม้ว่าในฟิล์มจะไม่เห็นว่ากระดูกได้รับความเสียหาย แต่การเคลื่อนตัวที่ซับซ้อนแบบนี้มันเป็นเคสยากน่ะครับ บางทีคุณน่าจะลองติดต่อหัวหน้าแผนกหลี่เจี้ยนเหว่ยดูนะครับ”
หลี่เจี้ยนเหว่ยเป็นที่รู้จักในแวดวงศัลยกรรมกระดูกของปักกิ่ง เขาเชี่ยวชาญการทำกายภาพบำบัดมาก ว่ากันว่าบรรพบุรุษของตระกูลหลี่เคยเป็นแพทย์ทหารในอดีต พวกเขาเดินทางร่วมกับกองทัพในสมัยราชวงศ์ชิงด้วยวิชากายภาพบำบัดอันเยี่ยมยอด
ต่อมาวิชากายภาพบำบัดก็ได้รับการสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ไม่เพียงแต่ไม่สูญหายแต่ยังถูกสืบทอดต่อมาเรื่อยๆ อีกด้วย
หลิวเสี่ยวกังคว้าโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วต่อสายหาหลี่เจี้ยนเหว่ย เขาถือสายอยู่สักพักหนึ่งกว่าจะติดต่อได้
หลิวเสี่ยวกังพูด “หัวหน้าครับ ตอนนี้ผมอยู่ที่แผนกฉุกเฉิน มีผู้ป่วยมาด้วยอาการ…”
หลังจากที่หลิวเสี่ยวกังเล่ารายละเอียดเสร็จแล้ว อีกฝ่ายก็เงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้นมา “ผมอยู่ที่สิงคโปร์…”
“แต่ตอนนี้ผมเข้าใจอาการของผู้ป่วยแล้ว การทำกายภาพบำบัดคงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดจริงๆ แต่ถึงแม้จะเป็นผม ก็รับประกันไม่ได้ว่าผู้ป่วยจะฟื้นตัวกลับมาได้เหมือนเดิม เราต้องจัดการผ่าตัดและรักษาโดยเร็วที่สุด คุณลองติดต่อหัวหน้าเวรกะสองดูว่ามีใครอยู่บ้าง แล้วรีบดำเนินการโดยเร็วที่สุด…”
หลี่เจี้ยนเหว่ยเดินทางไปสิงคโปร์เพื่อเข้าร่วมการประชุมวิชาการในช่วงสุดสัปดาห์จึงไม่อยู่ที่ปักกิ่ง แต่ความเป็นมืออาชีพของเขาก็ยังคงทำให้เขาวางแผนการรักษาที่เหมาะสมที่สุดในทันที
เพราะว่าหลังจากที่ทราบว่ามีอาการข้อเคลื่อนแล้ว ถ้าจัดตำแหน่งข้อต่อได้ใหม่ภายในเวลาสองถึงสามชั่วโมง อาการก็จะพอทุเลาลงบ้าง
หากข้อต่อเคลื่อนตัวเป็นเวลานานเกินไป เนื้อเยื่อโดยรอบจะบวมและผิดรูป ก็จะทำให้รักษายากขึ้น หากปล่อยไว้ต่อไปก็มีแนวโน้มที่จะส่งผลต่อการทำงานของข้อต่อในอนาคต!