สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 242 กระตุ้นภารกิจท้าทาย
บทที่ 242 กระตุ้นภารกิจท้าทาย
ทันทีที่ไป๋เยี่ยมาถึงห้องฉุกเฉิน เขาก็เห็นว่าเหตุการณ์ตรงหน้าแตกต่างไปจากตอนแรกมาก มีกลุ่มคนยืนเป็นระเบียบอยู่ที่หน้าประตู โดยมีชายที่ยืนนำหน้าอยู่สองคนถือธงผ้าไว้ บนนั้นมีข้อความว่า ‘ฝีมือยอดเยี่ยม จิตใจเมตตา มอบให้คุณไป๋เยี่ยแห่งโรงพยาบาลผู่เจ๋อ”
ไป๋เยี่ยตะลึงงัน เกิดอะไรขึ้น
จู่ๆ ชายชุดดำศีรษะโล้นที่ร่างเต็มไปด้วยรอยสัก พันผ้าก๊อซรอบมือขวาและคอของเขาก็เดินเข้ามาหาและยื่นมือซ้ายออกมาทั้งรอยยิ้ม “ขอบคุณมากหมอ! มาๆ เอาธงมานี่”
ผู้ชายที่รับหน้าที่ถือธงก็รีบวิ่งเข้ามาหาทันที เขาถือธงด้วยมือข้างเดียวและกล่าวว่า “หมอไป๋ เหล่าหนานทำมาหากินด้วยมือทั้งสองข้างนี้จริงๆ ถ้าเขาใช้มือไม่ได้ พวกผมคงอดตายแน่ๆ วันนี้ต้องขอบคุณหมอจริงๆ!”
ไป๋เยี่ยโบกมือ “ผมควรทำอยู่แล้วครับ มันเป็นหน้าที่ของผม แต่ว่า…ช่วยแยกย้ายกันก่อนได้ไหมครับ ที่นี่คือโรงพยาบาล เดี๋ยวอีกไม่นานก็มีคนไข้ฉุกเฉินเข้ามาอีก ถ้าพวกคุณยังขวางประตูแบบนี้ก็อาจจะเกิดปัญหาได้ง่าย”
ไป๋เยี่ยปรายตามองชายตรงหน้า เขามีรูปร่างกลางๆ ไม่สูงไม่เตี้ย ไม่อ้วนไม่ผอม หน้าตาธรรมดา ทว่ากลับมีราศีความเข้มแข็งที่ไป๋เยี่ยน้อยครั้งจะได้เห็น
ชายคนนั้นยิ้มขอโทษ “ใช่ๆ ต้องฟังหมอ ทุกคนกลับไปเถอะ ลิ่วจื่อ พาลูกพี่กลับไปซะ ที่นี่ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว อ้อ แล้วก็เอาตระกร้าผลไม้ไปให้หัวหน้าจ้าวด้วยล่ะ พวกเราทำให้หัวหน้าจ้าวบาดเจ็บ คิดค่าหมอมาได้เลย…”
“สำหรับเรื่องวันนี้ ให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ตามไปลงบันทึกประจำวันที่สำนักงานความมั่นคงด้วย เราจะปล่อยให้หัวหน้าจ้าวรับผิดไม่ได้ แถมเรายังทำเขาบาดเจ็บด้วย เตรียมธงกับจดหมายชมเชยให้พร้อมด้วย…”
จ้าวปัวอดตะลึงกับการเตรียมการของชายคนนั้นไม่ได้ จึงได้แต่กล่าวด้วยสีหน้าถมึงตึง “หนานเฉาซาน หยุดก่อเรื่องเถอะ คุณมีส่วนทำให้เกิดเรื่องในวันนี้ด้วย ผมต้องกลับไปรายงานหัวหน้าอีกที”
หนานเฉาซานยิ้ม “ไม่เป็นไร ผมจะไม่ทำให้หัวหน้าจ้าวมาเสียเที่ยว คุณนี่แหละฮีโร่…”
ไป๋เยี่ยไม่ยื่นมือเข้าไปยุ่งอีก เพราะเขาไม่ได้สนใจเรื่องพรรค์นั้นอยู่แล้ว หลังจากที่ส่งทุกคนออกไปแล้ว ไป๋เยี่ยก็รีบรุดไปที่แผนกฉุกเฉินทันที ในใจของเขาเอาแต่คิดถึงเรื่องสำคัญที่สุดในชีวิต
หลิวเป่าเซ่อมีท่าทีสงสัยเล็กน้อยเมื่อเห็นไป๋เยี่ยเดินเข้ามา จึงหันไปถามหลิวเสี่ยวกังเสียงเบา “หมอหลิว คนนี้คือ…”
หลิวเสี่ยวกังลดเสียงลง “นี่คือไป๋เยี่ย เป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการของโรงพยาบาลเรา หัวหน้าหลิวไม่รู้จักเหรอครับ”
หลิวเป่าเซ่อเพิ่งจะตระหนักได้จึงตบหัวตนเองไปหนึ่งฉาด “เขานี่เองไป๋เยี่ย!”
ก่อนหน้านี้ที่ไป๋เยี่ยไปร่วมการประชุมของแผนก หลิวเป่าเซ่อไปประชุมนอกสถานที่อยู่จึงไม่ได้มาเข้าร่วม ทว่าเขาก็ได้ยินชื่อสียงเรียงนามของไป๋เยี่ยมาไม่น้อย
หลิวเป่าเซ่อคิดได้ดังนั้นก็เดินเข้าไปทักทาย “หัวหน้าไป๋ วันนี้ลำบากคุณแล้ว ไม่คิดเลยว่าจริงๆ คุณจะอายุน้อยขนาดนี้ แถมยังมีทักษะดีเลยทีเดียว การรักษาเมื่อครู่มันน่าทึ่งมากจริงๆ!”
ไป๋เยี่ยยิ้ม “ชมเกินไปแล้วครับหัวหน้า เป็นเรื่องที่ควรทำอยู่แล้ว”
หลิวเป่าเซ่อเป็นคนสบายๆ อาจจะเป็นเพราะสภาพแวดล้อมในแผนกฉุกเฉินด้วย ท้ายที่สุดหากคุณไม่รู้จักปรับตัวก็อาจจะเกิดความอึดอัดไปจนถึงมีภาวะตึงเครียดในระยะยาวได้!
หลังจากพูดคุยกันได้สักพัก หลิวเสี่ยวกังก็เดินนำขึ้นไปชั้นบน
วันนี้เป็นเวรของเขา แพทย์ประจำเวรห้ามออกจากเวรโดยไม่ได้รับอนุญาต กล่าวคือเขาห้ามออกจากโรงพยาบาลระหว่างที่อยู่เวร แม้แต่ในช่วงพักกลางวันก็ตาม แน่นอนว่ายกเว้นต้องไปทำการวินิจฉัยฉุกเฉิน
หลังจากรออยู่สักพัก ไป๋เยี่ยก็เป็นฝ่ายถามขึ้นก่อน “หัวหน้าหลิว ผมคิดว่าหลังจากฝึกงานที่แผนกศัลยกรรมกระดูกเสร็จแล้วจะไปฝึกงานที่แผนกฉุกเฉินบ้างครับ พอจะสะดวกไหมครับ”
หลิวเป่าเซ่อได้ยินดังนั้นก็ไม่คิดปฏิเสธ มีใครในโรงพยาบาลที่ไม่รู้จัก ‘ลูกรักแห่งผู่เจ๋อ’ บ้าง ไปที่ไหนที่นั่นก็เจริญทั้งนั้น
หากดูจากผลงานในแผนกศัลยกรรมกระดูกก่อนหน้านี้ จะเห็นได้ว่าทักษะกายภาพบำบัดของเขาไม่ได้แย่ไปกว่าหลี่เจี้ยนเหว่ยเลย
“ยินดีต้อนรับ ถ้าหัวหน้าไป๋อยากมาแผนกเรา ผมจะพาคุณไปเอง! เป็นหมอทั้งทีจะไม่เคยเข้าห้องฉุกเฉินได้ไง ต้องมาสักรอบแล้วก็อยู่สักสองสามเดือนนะ!”
ไป๋เยี่ยยิ้มอย่างเบิกบานใจ “ถ้างั้นก็รบกวนหัวหน้าหลิวด้วยครับ ฮ่าๆ…”
ทันใดนั้น ไป๋เยี่ยก็เห็นว่าหญิงสาวที่เขาตามหากำลังเดินมาทางนี้ เธอเดินตรงมาทางหลิวเป่าเซ่อและพูดขึ้น “หัวหน้าคะ มีสายจากศูนย์การแพทย์ฉุกเฉิน 120 ที่ถนนเชียนหยางเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ค่ะ ตอนนี้กำลังส่งคนเจ็บมาที่โรงพยาบาลของเรา…”
หลิวเป่าเซ่อได้ยินดังนั้นก็ลุกพรวดขึ้นมาพร้อมกับหันไปทางไป๋เยี่ย “หัวหน้าไป๋ ผมคงส่งคุณได้แค่นี้นะ วันนี้มีเหตุด่วนน่ะ”
ไป๋เยี่ยพยักหน้ารับ “หัวหน้าไปทำธุระได้เลยครับ ผมไม่รบกวนแล้ว ถ้าให้ช่วยอะไรก็โทรตามได้เลยนะครับ”
หลังจากที่ทั้งสองฝ่ายทิ้งหมายเลขโทรศัพท์ให้กันแล้ว หลิวเป่าเซ่อก็เร่งฝีเท้าออกไปทันที
หญิงสาวคนนั้นลอบมองไป๋เยี่ยอย่างเคลือบแคลงใจ ทันใดนั้นสายตาของเธอก็เลื่อนหนีไปราวกับว่านึกอะไรขึ้นได้
ไป๋เยี่ยรีบกวาดสายตามองป้ายชื่อบนหน้าอกของเธอ
‘แผนกฉุกเฉิน: แพทย์หญิงหลีจื่อเหยียน’
ไป๋เยี่ยพยักหน้าและส่งยิ้มให้เธอ แววตาของหญิงสาวผู้นั้นพลันเป็นประกายขึ้นมา ในที่สุดเธอก็จำไป๋เยี่ยได้!
แต่วันนี้มีเรื่องรออยู่อีกหลายเรื่อง ทั้งคู่จึงไม่ได้พูดคุยกัน หลีจื่อเหยียนได้แต่หันหลังกลับและเดินตามหลิวเป่าเซ่อไป
ไป๋เยี่ยลูบมืออย่างมีความสุขแล้วเดินขึ้นไปชั้นบน
เขาจดจำชื่อของเธอไว้แล้ว หลีจื่อเหยียน…หลีจื่อเหยียน…หลีจื่อเหยียน
เป็นชื่อที่ดี!
หลังจากที่ไป๋เยี่ยกลับมาถึงแผนกศัลยกรรมกระดูก เขาก็แอบนั่งดีใจอยู่ในแผนก เยี่ยมจริงๆ วันนี้ได้อะไรมาเยอะมาก
ไป๋เยี่ยเปิดหน้าจอโปร่งแสงขึ้นมาดูภารกิจที่ยังไม่สำเร็จ ตัวเลือกภารกิจปรากฏขึ้นบนหน้าจอ
[กายภาพบำบัด: ทำการรักษาผู้ป่วยด้วยวิธีกายภาพบำบัดสิบครั้ง ความคืบหน้าปัจจุบัน: 8/10]
เหลืออีกสองครั้งภารกิจก็จะสำเร็จแล้ว
ดูเหมือนจะต้องตั้งใจมากกว่านี้ ไป๋เยี่ยเหลือบไปเห็นว่าบนแถบทักษะของเขา ทักษะกายภาพบำบัดได้ค่าประสบการณ์เพิ่มขึ้นราวๆ สองพันสี่ร้อยแต้ม
จะอัปเลเวลขึ้นเป็นเลเวลหกต้องใช้ห้าหมื่นแต้ม เฉลี่ยแล้วการทำกายภาพบำบัดแต่ละครั้งจะได้ค่าประสบการณ์สามร้อยแต้ม รวมๆ แล้วต้องทำทั้งหมดเกือบสองร้อยครั้ง!
ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือไป๋เยี่ยจะได้รับความรู้ในทุกครั้งที่ทำกายภาพบำบัด ซึ่งความรู้ที่ได้รับจะกลายเป็นค่าประสบการณ์อีกที
[ติ๊ง! ยินดีด้วย ทักษะศัลยกรรมกระดูกของคุณได้เพิ่มเลเวลขึ้นเป็นเลเวล 3]
[กระตุ้นภารกิจท้าทาย: คุณจะต้องเพิ่มเลเวลทักษะศัลยกรรมกระดูกขึ้นเป็นเลเวล 6 ภายในระยะเวลา 3 เดือน โดยต้องประยุกต์การแพทย์แผนจีนเข้ากับการแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อกำหนดแนวทางปฏิบัติทางการแพทย์ด้านการศัลยกรรมกระดูก]
[แจ้งเตือน: ภารกิจดังกล่าวเป็นภารกิจท้าทาย จะประเมินคะแนนตามความสำเร็จในระยะเวลาสามเดือน ส่วนรางวัลจะขึ้นอยู่กับคะแนน]
ทันทีที่ได้ยินข้อความแจ้งเตือน ไป๋เยี่ยก็นิ่งไปครู่หนึ่ง ตอนแรกเขาตั้งใจจะไปฝึกงานที่แผนกฉุกเฉินหลังจากฝึกที่แผนกศัลยกรรมกระดูกมาระยะหนึ่ง แต่ดูเหมือนว่าโอกาสที่จะได้ทำงานในห้องฉุกเฉินจะถูกเลื่อนออกไปอีกแล้ว
ถึงกระนั้น สิ่งที่ทำให้ไป๋เยี่ยมีความสุขในวันนี้ก็ไม่ใช่ทักษะศัลยกรรมกระดูกที่เพิ่มขึ้นเป็นเลเวลสาม แต่เป็นเพราะเขาได้รู้ชื่อแซ่ของหญิงสาวที่ตามหามาตลอดแล้ว
สวยขนาดนั้นไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นหมอฉุกเฉิน ไป๋เยี่ยคิดแล้วก็รู้สึกงงเล็กน้อย
หลังจากเขียนเวชระเบียนเสร็จแล้ว ไป๋เยี่ยก็ลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมจะเลิกงาน
หลิวเสี่ยวกังสั่งเดลิเวอรี่มาระหว่างเข้าเวร ไป๋เยี่ยเห็นเขาก็กล่าวลาและลงไปชั้นล่างทันที