สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 248 ในสายตาผมมีแค่เรื่องเรียน!
บทที่ 248 ในสายตาผมมีแค่เรื่องเรียน!
ไป๋เยี่ยนั่งครุ่นคิดอยู่ในห้องทำงาน เขาจะไปปาร์ตี้งานวันเกิดของเมิ่งอวิ๋นซีแน่นอน แต่ควรซื้ออะไรเป็นของขวัญให้เธอดี
อย่างไรเสียทั้งคู่ก็เป็นเพื่อนกัน อีกทั้งยังเป็นคู่ค้าทางธุรกิจด้วย ปัจจุบันบริษัทจื้อเหิงและบริษัทจื่ออวิ๋นก็มีความร่วมมือต่อกัน ไป๋เยี่ยจึงค่อนข้างระมัดระวังเรื่องนี้
ไป๋เยี่ยหวังว่าจะมีมิตรไมตรีที่ดีต่อเมิ่งอวิ๋นซี ยิ่งมีมิตรก็ยิ่งมีลู่ทางมากขึ้น ปกติแล้วไป๋เยี่ยไม่ใช่คนเพื่อนเยอะ เขาจึงให้ความสำคัญกับเพื่อนทุกคนมาก
หลังจากออกมาจากโรงพยาบาล ไป๋เยี่ยก็แวะเลือกของขวัญดีๆ สักชิ้นที่ห้างสรรพสินค้า
หลังจากใช้เวลาหาอยู่สักพัก ไป๋เยี่ยก็ยังไม่เจอของขวัญที่เหมาะสมเลย ทำให้เขาคิดว่าตนควรจะใช้สิทธิพิเศษสมาชิกในการอัปเกรดทักษะด้านนี้ของเขาบ้าง…
ไป๋เยี่ยตัดสินใจเลือกสร้อยข้อมือหยกตามที่คู่มือแนะนำไว้ เขาไม่รู้เรื่องวัสดุมากนัก แต่สร้อยเส้นนี้ก็ดูสวยงามดี เมื่อสัมผัสจะรู้สึกถึงพื้นผิวกลมอันเย็นเฉียบ
แน่นอนว่าราคาก็ไม่ได้ถูกเลย เขาซื้อมันมาในราคากว่าหนึ่งแสนหยวน
แต่เมื่อมองดูแล้ว ไป๋เยี่ยก็คิดว่ามันดูเหมาะกับสไตล์ของเมิ่งอวิ๋นซีดี
ราคาก็น่าจะสมฐานะของเมิ่งอวิ๋นซี ยังไงเธอก็เป็นผู้จัดการบริษัทที่ร่ำรวยมากคนหนึ่ง ตอนนั้นมูลค่าของยาต้านอนุมูลอิสระเพิ่มขึ้นถึงสิบล้านได้ก็แสดงให้เห็นถึงความเก่งกาจและศักยภาพของผู้หญิงคนนี้แล้ว
เมื่อกลับมาแล้ว ระหว่างทางกลับหอพักก็ต้องผ่านหน้าโรงพยาบาล ขณะที่ไป๋เยี่ยกำลังจะผ่านแผนกฉุกเฉินที่ชั้นหนึ่ง เขาก็มองเข้าไปในหน้าต่างและเห็นแสงไฟสว่างไสวส่องออกมา
ไป๋เยี่ยค่อยๆ เดินเข้ามา ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงของหลิวเป่าเซ่อดังแว่วมา “จื่อเหยียน รีบส่งเครื่องช่วยหายใจให้เตียงสองเร็วเข้า!”
ร่างสีขาววิ่งผ่านสายตาของไป๋เยี่ยไปในห้องเก็บอุปกรณ์ทันที
ตอนนี้เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว ทว่าสำหรับแพทย์ฉุกเฉินแล้ว คำว่าเวรไม่มีอยู่จริง
ไป๋เยี่ยมองภาพเหตุการณ์อันวุ่นวาย เขาถอยออกมาแล้วเดินทางกลับบ้านไปทันที
ตอนนี้เขาจัดระเบียบห้องให้รู้สึกเหมือนอยู่ที่บ้าน ไป๋เยี่ยตั้งเตียงเดี่ยวสองหลังไว้ในห้องนอน จัดระเบียบห้องครัว และซื้อสิ่งของจำเป็นในครัวเรือนเข้ามามากมาย
แต่ไป๋เยี่ยก็ยังไม่ได้เตรียมอาหารฉลองตรุษจีนเลย
ทุกวันหลังเลิกงาน ไป๋เยี่ยจะใช้เวลาไปกับการอ่านหนังสือ ช่วงนี้เขาซื้อหนังสือเกี่ยวกับการแพทย์แผนจีนและแผนปัจจุบันเข้ามาหลายเล่ม
คนเราต้องรู้จักฝึกฝนในสิ่งที่เรียนรู้มา และต้องทบทวนสิ่งเก่าเพื่อจะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ ซึ่งการฝึกฝนตนเองในวอร์ดอย่างต่อเนื่องก็คือหนึ่งในกระบวนการของการเรียนรู้สู่ความก้าวหน้า
การแพทย์แตกต่างจากศาสตร์อื่นๆ การทำโจทย์ไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุดในการพัฒนาตนเอง
ในทางตรงกันข้าม เคสจำนวนนับไม่ถ้วนต่างหากที่เป็นขุมทรัพย์อันมีค่าที่แท้จริง
ก่อนจะเข้านอน ไป๋เยี่ยได้รับสายจากต่างประเทศ คาร์ลนั่นเอง เห็นดังนั้นแล้วไป๋เยี่ยก็กดรับสายด้วยรอยยิ้ม
“ผมต้องบอกกู๊ดไนท์คุณไหมเนี่ย”
คาร์ลหัวเราะ “ผมก็กลัวว่าคุณจะหลับไปแล้ว ดูเหมือนนักวิจัยทุกคนจะชินกับการนอนดึกไปแล้วสินะ”
ไป๋เยี่ยยิ้ม การช่วยเหลือซึ่งกันและกันทำให้มิตรภาพระหว่างเขาและคาร์ลลึกซึ้งมากยิ่งขึ้น ทั้งคู่มักจะพูดคุยกันถึงนวัตกรรมล้ำสมัยใหม่ๆ อยู่เสมอ
อย่างไรก็ตาม คำพูดของคาร์ลในวันนี้ก็ทำให้ไป๋เยี่ยรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาก “เยี่ย ผมว่าผมควรแสดงความยินดีกับคุณนะ คุณได้สร้างประวัติศาสตร์ขึ้นมาแล้ว! ไม่สิ คุณสร้างประวัติศาสตร์อีกแล้ว”
ไป๋เยี่ยชะงักไป “ว่าไงนะครับ”
คาร์ลหยิบข้อมูลออกมาก่อนจะพูดต่อ “ก่อนหน้านี้วารสาร ‘เซลล์’ ได้ทำการวิเคราะห์ร่วมกับฐานข้อมูลเอสซีไอน่ะ มีโอกาสสูงมากที่ ‘การแพทย์ผู่เจ๋อสมัยใหม่’ จะถูกนำเข้าเอสซีไอในเดือนหน้า บทความของคุณตลอดสองเดือนที่ผ่านมาถูกนำไปใช้อ้างอิงเยอะจนแทบบ้าเลยล่ะ ตอนนี้ทฤษฎีจุลชีพภายในลำไส้กำลังเป็นที่นิยมในยุโรป อเมริกาและจีนเลย ที่นี่วารสารของคุณขายดีมาก แถมยังมีจำนวนการอ้างอิงเยอะมากด้วย!”
“ผมลองอ่านดูแล้ว ถ้านำจำนวนการอ้างอิงในช่วงสองเดือนที่ผ่านมารวมกับของเมื่อสองปีที่แล้ว และหารด้วยจำนวนบทความทั้งหมด คะแนนไอเอฟที่ได้จะเท่ากับ…”
“2.1 คะแนน!”
ไป๋เยี่ยแทบช็อก 2.1 คะแนน!
เยอะขนาดนี้เลยเหรอ
“เยอะขนาดนี้เลยเหรอครับ” ไป๋เยี่ยแทบอยากตะโกน
คาร์ลส่ายหัว “ก็ไม่มากหรอก ถ้าไม่ใช่ในช่วงเวลาสั้นๆ ผมว่าคงจะได้คะแนนเยอะกว่านี้ อีกอย่างวารสารฉบับก่อนๆ ของคุณ ถ้าพูดตามตรงคือ…มีแต่น้ำน่ะ…ก็เลยดึงคะแนนลงมา ถ้าแนวโน้มยังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ ก็มีโอกาสสูงที่คะแนนไอเอฟของคุณจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าจำนวนการอ้างอิงโดยเฉลี่ยในสองสัปดาห์นี้สูงถึงยี่สิบสามคะแนนเลยแหละ เป็นตัวเลขที่น่ากลัวจริงๆ”
“ยี่สิบสามคะแนนที่ว่านี่ติดท็อปห้าวารสารระดับโลกได้เลยนะ เป็นที่หนึ่งของเอเชียเลย!”
“เยี่ย คุณสร้างตำนานได้จริงๆ”
คาร์ลยิ้มพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
ไป๋เยี่ยเข้าใจความหมายของคาร์ลดี “ถ้างั้นเมื่อไหร่วารสารของผมจะถูกนำเข้าเอสซีไอล่ะครับ”
คาร์ลตอบ “ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็น่าจะเป็นเดือนมีนาคม”
หลังจากวางสายโทรศัพท์ ไป๋เยี่ยก็ชูมือขึ้นบนอากาศและโบกไปมาอย่างตื้นตันใจจนแทบจะลุกมากระโดด เขาดีใจมากจริงๆ ที่นำวารสาร ‘การแพทย์ผู่เจ๋อสมัยใหม่’ เข้าสู่เอสซีไอได้ นี่คือความพยายามที่มาจากตัวเขาและทีมวิจัย
บัดนี้ความพยายามนั้นก็ได้สัมฤทธิ์ผลแล้ว เมื่อคิดถึงจุดนั้นแล้ว ไป๋เยี่ยก็ตื่นเต้นจนแทบอั้นไม่ไหว
ตอนนี้เขามีลู่ทางแล้ว ไป๋เยี่ยมั่นใจว่าเขาจะนำพาเหล่านักวิจัยในประเทศขึ้นสู่จุดสูงสุดของโลกได้
วันหนึ่ง ‘การแพทย์ผู่เจ๋อสมัยใหม่’ จะต้องครองโลกอย่างแน่นอน ทั้งโลกได้เห็นขุมพลังในตำนานจากประเทศจีน
อย่าได้ดูถูกอิทธิพลของวารสารเอสซีไอ อิทธิพลนั้นมากเกินกว่าจะจินตนาการได้ ถ้าผู่เจ๋อเป็นโรงพยาบาลเอกชนแล้วมีวารสารในฐานข้อมูลเอสซีไอ มูลค่าของโรงพยาบาลก็อาจจะเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล!
ไป๋เยี่ยตื่นเต้นตลอดทั้งคืน เขาเอาแต่นอนไม่หลับพลิกตัวไปมา ในหัวของเขามีแต่วิธีทำให้ ‘การแพทย์ผู่เจ๋อสมัยใหม่’ กลายเป็นวารสารชั้นนำระดับสูง
สักวันหนึ่งมันอาจจะเทียบเท่ากับวารสารในตำนานอย่าง ‘เดอะแลนซิต’ และ ‘นิวอิงแลนด์’ ได้
วันรุ่งขึ้น ไป๋เยี่ยตื่นตั้งแต่เก้าโมงเช้า เขาจัดการตนเองและแต่งกายด้วยชุดสุภาพเรียบร้อย ทว่ากว่าจะเก็บของเสร็จก็สายแล้ว กว่าเขาจะเรียกรถแท็กซี่ไปส่งถึงที่โรงแรมก็เป็นเวลาสิบเอ็ดโมงเกือบเที่ยงแล้ว
เวลาที่นัดกันไว้คือเที่ยง ไป๋เยี่ยมาถึงทันเวลาพอดี
เดย์ส อินน์เป็นโรงแรมต่างประเทศระดับไฮเอนด์ที่เน้นการบริการ ทันทีที่ไป๋เยี่ยมาถึงเขาก็ตรงไปที่ห้องวีไอพีชั้นสามทันที
เมื่อไป๋เยี่ยผลักประตูเข้าไป ภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาตะลึงจนอ้าปากค้าง
มีสาวสวยเจ็ดแปดคนยืนพูดคุยหัวเราะกันอยู่ในห้อง แต่ละคนต่างสวมชุดราตรีสวยงาม
เพียงมองผ่านๆ ก็รู้สึกเป็นบุญตาแล้ว ความงามนั้นทำให้คนเรารู้สึกเหมือนเป็นโรค แถมยังเป็นโรคติดต่อด้วย อาการคือจะรู้สึกไร้ภูมิคุ้มกันขึ้นมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ถึงแม้ว่าจะยืนอยู่ท่ามกลางผู้คนจำนวนมาก แต่คนทั่วไปก็มักจะเกิดความรู้สึกประหม่าขึ้นมา
ทว่าไป๋เยี่ยไม่ได้เป็นคนประเภทนั้น เพราะสิ่งเดียวที่อยู่ในสายตาเขามีแค่เรื่องเรียนเท่านั้น!