สูตรโกงฉบับเด็กเรียน - บทที่ 253 ผมมั่นใจ
บทที่ 253 ผมมั่นใจ
เฉินอ้ายหลับตาลงด้วยความเจ็บปวด เทียบกับความทรมานจากขาที่หักแล้ว ความรู้สึกสิ้นหวังที่ปกคลุมไปทั้งหัวใจของเธอนั้นทำให้เธอรู้สึกทุกข์ใจยิ่งกว่า
ในสายงานของเธอนั้น การบาดเจ็บถือเป็นเรื่องต้องห้าม เธอเทียบขาทั้งสองข้างของตน ข้างหนึ่งขาวเรียว ในขณะที่อีกข้างบวมเป่งเหมือนขาตัวประหลาด
เธอกลัวว่าชีวิตนี้ตนจะยืนบนเวทีหรือบนจอภาพยนตร์ไม่ได้อีก เธอกลัวเหลือเกินว่าความจริงจะพรากความฝันที่ยังมาไม่ถึงของเธอไป…
เฉินอ้ายคิดได้ดังนั้นก็อดถอนหายใจไม่ได้ เธอหลับตาลงเพื่อที่จะหลีกหนีจากโลกอันโหดร้ายใบนี้
น้ำตา?
เธอไม่เคยเชื่อว่าน้ำตาจะนำความโชคดีมาให้
ตอนนี้เฉินอ้ายกลับรู้สึกว่าชื่อของเธอนั้นช่างเหมาะกับตัวเธอเหลือเกิน เฉินอ้าย…ฝุ่นผง…บางทีเธอก็คงจะเป็นเพียงฝุ่นผงเล็กๆ บนโลกอันกว้างใหญ่ใบนี้จริงๆ
พูดตามตรง โชคดีที่ครั้งนี้หวงจิ้งก็ได้รับบาดเจ็บเหมือนกัน เธอกังวลว่าถ้ามีแค่เธอที่ได้รับบาดเจ็บ ก็คงถูกส่งตัวไปโรงพยาบาลไหนก็ไม่รู้
แม้ว่าเธอจะเป็นเพียงสแตนด์อินของหวงจิ้ง แต่สาเหตุที่เธอบาดเจ็บสาหัสก็มีส่วนจากความไม่เป็นมืออาชีพของหวงจิ้งด้วย
แต่ในเมื่อหวงจิ้งได้รับบาดเจ็บ เธอก็ย่อมกลายเป็นคนถูก เพราะเธอเป็นถึงดาราดัง ในขณะที่เฉินอ้ายเป็นแค่สแตนด์อินเท่านั้น
ทั้งกองถ่าย บริษัทแนวหน้า และคนดังในวงการได้สอบถามหลายที่และมาพบว่าโรงพยาบาลผู่เจ๋อค่อนข้างเชี่ยวชาญด้านการทำกายภาพบำบัด
จากนั้นพวกเขาก็สืบไปเจอว่าหลี่เจี้ยนเหว่ยผู้เป็นหัวหน้าแผนกศัลยกรรมกระดูกของโรงพยาบาลผู่เจ๋อมีฝีมือสุดทึ่งและได้ผลดี เพียงแต่ว่าหลี่เจี้ยนเหว่ยยุ่งมาก สัปดาห์นี้เขาก็ต้องไปเข้าร่วมการประชุมสรุปผลประจำปีของโรงพยาบาลชั้นนำ และในฐานะผู้ตรวจสอบเขาจะต้องเดินทางไปประเมินโรงพยาบาลทุกแห่งในสือเจียจวงด้วย
หลี่เจี้ยนเหว่ยจึงแนะนำให้อีกฝ่ายมาพบไป๋เยี่ยแทน
หลังจากที่ไปสืบมาเพิ่มเติมแล้ว ก็พบว่าทักษะกายภาพบำบัดของไป๋เยี่ยนั้นยอดเยี่ยมมากจริงๆ
มีผู้ป่วยหลายคนมาต่อคิวรอทำกายภาพบำบัดกับไป๋เยี่ย ซึ่งนำมาสู่เหตุการณ์ในวันนี้ด้วย
เฉินอ้ายนั่งอยู่บนรถเข็น เธอทั้งเศร้าทั้งดีใจไปในเวลาเดียวกัน เธอดีใจมากที่จะได้รับการรักษาที่ได้ผลดี แต่ก็เศร้าที่อนาคตของตนจะดับลง
กล่าวตามตรง ตอนนี้เธอไม่มีเงินจ่ายค่าผ่าตัดกว่าหมื่นหยวนด้วยซ้ำ เธอย้ายมาอยู่ที่ปักกิ่งหลายปีแล้ว และเธอก็รู้ดีว่าตนยังขาดอะไร เมื่อมีเวลาเธอก็จะไปหาเรียนหนังสือ รายได้อันน้อยนิดที่เธอหามาได้นั้นก็ถูกใช้ไปกับการพัฒนาตนเอง
เมื่อเธอได้ยินไป๋เยี่ยบอกว่าอาการของเธอสาหัส เธอก็แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ เธอไม่อยากจำนน ในเมื่อเธอเองก็พยายามมาตั้งนานแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็รู้ว่ายิ่งเธอปล่อยไว้นาน อาการของเธอก็จะแย่ลงเรื่อยๆ แต่จะทำอะไรได้ล่ะ
เธอต้องทำตามข้อตกลง เธอเองก็อยากรีบรักษาเหมือนกัน แต่ขนาดเธอมาผ่าตัดก็ยังไม่มีสมาชิกในครอบครัวโผล่มาเยี่ยมเลยสักคน
ดังนั้นทันทีที่เฉินอ้ายเห็นว่าไป๋เยี่ยกำลังเข็นตนเองเข้าไปในห้องผ่าตัดด้วยท่าทางเด็ดเดี่ยว เธอก็ไม่อาจกลั้นน้ำตาไว้ได้อีกต่อไป
เธอรู้สึกดีมากที่มีคนเห็นความสำคัญ!
หลังจากที่เธอต้องรับบทเป็นเพียงตัวประกอบอยู่หลายปี เคยทั้งถูกเรียกใช้งาน เคยชินกับการเป็นตัวประกอบ เคยชินกับการเป็นเงาให้ผู้อื่นไปจนถึงเป็นสแตนด์อินให้ผู้อื่น จนกระทั่งมีคนมองเธอสำคัญ นั่นทำให้เธอรู้สึกตื้นตันใจเอามากๆ
บางทีในสายตาของไป๋เยี่ย เธอและหวงจิ้งก็คงมีสถานะเท่าเทียมกัน
แท้จริงแล้วในสายตาของไป๋เยี่ย เขามองว่าชีวิตสำคัญที่สุด เงื่อนไขอื่นๆ ตามมาทีหลัง ไป๋เยี่ยเลือกพิจารณาเงื่อนไขเหล่านั้นได้ ทว่าตามเงื่อนไขแล้ว เคสของหวงจิ้งไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาทันที ในขณะที่เฉินอ้ายต้องเข้ารับการรักษาโดยเร็วที่สุด
ไป๋เยี่ยตัดสินใจด้วยตนเองโดยอิงตามมุมมองที่มีความเป็นมืออาชีพและอยู่ในจรรยาบรรณแพทย์มากที่สุด
เขาคิดว่าการรักษาเฉินอ้ายก่อนเป็นตัวเลือกที่ถูกต้อง
ดังนั้นไป๋เยี่ยจึงเพิกเฉยต่อเงินแสนหยวนก้อนนั้น เขาไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะเป็นคนดัง ไม่สนใจกองถ่ายและบรรดาแฟนคลับและไม่สนใจสื่อใดๆ ทั้งนั้น!
เขาเลือกที่จะทำตามเกณฑ์ของเขาเอง
หลังจากที่พาเฉินอ้ายเข้ามาในห้องตรวจแล้ว ไป๋เยี่ยก็ฉีดยาชาให้เธอ การฉีดยาชาเฉพาะจุดแบบนี้ไม่จำเป็นต้องมีวิสัญญีแพทย์ ไป๋เยี่ยลงมือได้ด้วยตนเอง
ระหว่างรอให้ยาชาออกฤทธิ์ ไป๋เยี่ยก็มองน่องที่บิดจนผิดรูปของเฉินอ้าย แขวนฟิล์มเอ็กซ์เรย์ไว้บนตู้อ่านฟิล์มแล้ววิเคราะห์อย่างรอบคอบ
การทำกายภาพบำบัดต้องสำเร็จภายในครั้งเดียว หากดำเนินการซ้ำหลายครั้งจะส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อร่างกายมากขึ้นไปอีก
ตอนนี้ยาชาออกฤทธิ์แล้ว ไป๋เยี่ยจึงเริ่มลงมือตรวจสอบบริเวณที่บาดเจ็บด้วยมือของเขาเอง ทำให้เขาเข้าใจถึงภาพที่แสดงผลบนฟิล์มเอ็กซ์เรย์และโครงสร้างร่างกายของมนุษย์อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
หลังจากใช้เวลาศึกษาอยู่ราวๆ สองนาที ไป๋เยี่ยก็เกิดความคิดหนึ่งขึ้นมา ยากอยู่นะเนี่ย!
หลิวเสี่ยวกังเพิ่งเคยเห็นท่าทีจริงจังเคร่งขรึมของไป๋เยี่ยเป็นครั้งแรก จึงถามด้วยความกังวล “ดูท่าจะยาก เตรียมผ่าตัดเลยไหม”
ตอนนี้เฉินอ้ายผล็อยหลับไปด้วยฤทธิ์ของยาชาแล้ว แม้ว่าขาท่อนล่างของเธอจะถูกฉีดยาชา แต่เฉินอ้ายก็ง่วงและเหนื่อยเกินไป จึงค่อยๆ หลับไปพร้อมฤทธิ์ยาชา
ไป๋เยี่ยถอนหายใจพลางมองใบหน้าของเฉินอ้าย เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยขึ้น “เท่าที่เป็นไปได้ วิธีที่ดีที่สุดคือทำกายภาพบำบัด ถ้าผ่าตัดจะต้องเย็บอย่างน้อยสามเข็ม ซึ่งจะทิ้งรอยแผลเป็นไว้แน่นอน ผู้หญิงคนนี้ทำงานเป็นนักแสดง ที่มาหาพวกเราก็เพื่อทำกายภาพบำบัดครับ”
ไป๋เยี่ยหลับตาลง ทันใดนั้นเสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้น
[กำลังจำลองฉากการทำกายภาพบำบัด โปรดรอสักครู่…]
[ติ๊ง…จำลองแล้ว 10%…20%…40%…50%…100%! ติ๊ง! จำลองสำเร็จ พร้อมใช้งาน!]
อันที่จริงไป๋เยี่ยเข้าใจอาการของเฉินอ้ายดี ทว่าตอนนี้เขายังไม่อยากเสี่ยง เขาไม่อยากให้ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของเฉินอ้าย
ทำไมถึงคิดแบบนั้น
ก็เพราะการรักษาเคสกระดูกหักกับเคสกระดูกเคลื่อนแตกต่างกันอย่างชัดเจน โดยจะพิจารณาจากการฟื้นฟูหลังเข้ารับการรักษา
เงื่อนไขในการทำกายภาพบำบัดมีหลายประการ ประการแรกคือ การผิดตำแหน่งทางกายวิภาคศาสตร์ ซึ่งเป็นเงื่อนไขที่สมเหตุสมผลในการทำกายภาพบำบัดมากที่สุด โดยจะเป็นการจัดกระดูกที่อยู่ผิดที่ผิดทางให้กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิมตามหลักกายวิภาคศาสตร์ พื้นผิวส่วนปลายที่ต่อกันของกระดูกที่หักทั้งสองชิ้นและตำแหน่งที่สัมพันธ์กันของปลายกระดูกที่หักตามแกนยาวจะต้องอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมทั้งหมด
จากนั้นก็จะจัดกระดูกให้ใช้งานได้ตามฟังก์ชั่น โดยจะพยายามไม่ให้กระทบตำแหน่งแขนและขาปกติ
ไป๋เยี่ยหวังว่าเขาจะต่อกระดูกทั้งสองท่อนนี้ได้ เพื่อที่หญิงสาวจะได้กลับไปเฉิดฉายบนเวทีแห่งความฝันของเธออีกครั้งหนึ่ง
ไป๋เยี่ยสูดหายใจเข้าลึกและตัดสินใจจำลองการรักษาในห้องแล็บจำลองก่อน
เขาหลับตาลงและตั้งสมาธิก่อนจะเริ่มการจำลอง!
ห้านาทีต่อมา [ติ๊ง! ผลการทำกายภาพบำบัดครั้งนี้ยอดเยี่ยมมาก!]
ไป๋เยี่ยส่ายหัว เขายังไม่พอใจกับผลลัพธ์ เขาพยายามพิจารณาถึงข้อผิดพลาดอย่างรอบคอบ ทั้งใช้งานห้องแล็บจำลองและดูฟิล์มเอ็กซ์เรย์อย่างรอบคอบ จากนั้นก็สัมผัสกระดูกที่หักของเฉินอ้ายด้วยมือตนเอง
ขณะเดียวกัน หลิวเสี่ยวกังก็มองไป๋เยี่ยที่กำลังจ้องฟิล์มเอ็กซ์เรย์อย่างใจจดใจจ่อ เดี๋ยวก็ขมวดคิ้ว เดี๋ยวก็หลับตาลง บางทีก็โน้มตัวลง
ผ่านไปราวๆ สองนาที ในที่สุดไป๋เยี่ยก็ค้นพบข้อผิดพลาด ที่แท้เขาก็ยังไม่ได้ปรับตำแหน่งกระดูกน่อง!
ไป๋เยี่ยหลับตาลงและเริ่มการจำลองอีกครั้ง!
คราวนี้ เขาใส่ใจกับรายละเอียดทั้งหมดยิ่งขึ้นไปอีก จากนั้นก็เริ่มยืด หมุน พับ หมุนกลับ ยกขึ้น…กระดูกต่อกันแล้ว!
[ติ๊ง! ผลการทำกายภาพบำบัดครั้งนี้สมบูรณ์แบบ!]
ไป๋เยี่ยดีใจมาก เป็นแบบนี้จริงด้วย ทำถูกแล้ว!
คิดได้ดังนั้น ไป๋เยี่ยก็กดออกจากห้องแล็บจำลอง เขาลืมตาขึ้นและหันไปพูดกับหลิวเสี่ยวกัง “อาจารย์หลิว ช่วยผมจับเธอหน่อย เกรงว่าถ้าเธอตื่นจะดิ้นไปมา!”
หลิวเสี่ยวกังพยักหน้า ส่วนไป๋เยี่ยก็เริ่มรักษาทันที!
การทำกายภาพบำบัดนั้นใช้เวลาไม่นานจริงๆ ทว่าทุกวินาทีล้วนมีค่า หลิวเสี่ยวกังมองเทคนิคอันช่ำชองของไป๋เยี่ยแล้วก็ต้องชื่นชมเขาจากใจจริง!
ไม่กี่นาทีต่อมา ไป๋เยี่ยก็ยกยิ้มด้วยความพึงพอใจ!
หากตอนนี้มีข้อความแจ้งเตือนจากระบบ ไป๋เยี่ยจะต้องสัมผัสได้ถึงความสมบูรณ์แบบอย่างแน่นอน!