หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1000 หลอมรวมดวงเนตรสวรรค์!
ประวัติศาสตร์ช่วงนี้ไม่มีอะไรวุ่นวาย แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมาก่อนหน้านั้น มีปราณวิญญาณอุบัติขึ้นบนโลก ด้วยสภาพแวดล้อมที่เหมาะแก่การรับการฝึกตน จึงมีผู้ฝึกตนปรากฏตัวขึ้นมาไปโดยปริยาย
แต่เมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป เนื่องจากเหตุไม่คาดฝันบางอย่างที่ไม่ได้อธิบายเอาไว้ ปราณวิญญาณของโลกก็ถดถอยลง ด้วยเหตุนั้นผู้ฝึกตนบนโลกจึงรวมตัวกัน นำโดยกองกำลังที่เรียกว่าสำนักดาราจันทร์ ก่อนทำการอพยพครั้งใหญ่โดยอาศัยทรัพยากรในเวลานั้น
สถานที่ที่พวกเขาไปไม่ใช่จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายอีกต่อไป กลับกลายเป็นที่จักรภพศักดิ์สิทธิ์สำนักเสริม หลายปีให้หลัง วิวัฒนาการก้าวหน้าอย่างไม่มีที่สิ้นสุด จนหยั่งรากลึกลงไปในและเติบโตเป็นต้นไม้ยักษ์ที่สูงเทียมฟ้า
ทว่า…สำนักดาราจันทร์ของจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายนั้นให้ความสนใจกับการสืบสายโลหิตโดยตรง ด้วยเหตุนี้ ไม่ว่าจะวงแหวนปราณที่ถูกทิ้งไว้ก่อนการอพยพในตอนนั้น หรือการกลับมายังโลกอีกครั้งหลังผ่านกระบวนการย้ายถิ่นฐาน ล้วนยังเหลือข้อมูลสำรองไว้บางส่วน
จุดประสงค์หลักของพวกเขาไม่ใช่การคบค้าสมาคมกับสหพันธรัฐ แต่เพื่อเปิดรับสายโลหิตแล้วรวบรวมไว้ในสำนักดาราจันทร์ อย่างน้อยที่สุด…ดูจากแผ่นหยกนี้ก็เหมือนจะเป็นเช่นนั้น
หวังเป่าเล่อไม่รู้ว่ามีความลับอะไรอยู่อีกหรือเปล่า ทว่าหลังจากที่เขาตรวจดูแผ่นหยกนี้จบ ดวงตาเขากลับหรี่ลงมา
“หรือว่าข้าจะเป็นวายร้ายไปแล้ว แต่ข้าก็ยังรู้สึกว่าสำนักดาราจันทร์ทิ้งวงแหวนปราณเคลื่อนย้ายไว้บนโลก เกี่ยวกับเรื่องการเปิดรับสายโลหิต…แต่มันคงไม่ได้ง่ายดายเหมือนฉากนอกหรอก!”
แววตาของหวังเป่าเล่อวาววับ เขาบอกเหตุผลทั้งหมดไม่ได้เหมือนกันเพราะเป็นเพียงการคาดเดาของตัวเอง ในท้ายที่สุด หวังเป่าเล่อก็เชื่อว่าสักวันหนึ่งตัวเขาเองจะได้รู้
ถึงอย่างนั้น หากมองจากสถานการณ์ตรงหน้า สำนักดาราจันทร์ก็ไม่ได้แสดงเจตนาร้ายต่อสหพันธรัฐแต่อย่างใด
“หลังจากนี้จะเกิดอะไรขึ้น ก็ค่อยว่ากัน” หวังเป่าเล่อส่ายหน้าก่อนมองลึกเข้าไปในเนินเขาก้นทะเลที่มีวิหารถ้ำที่ถูกปิดทึบไปแล้ว หลังจากหายตัว เขาก็ออกจากบริเวณพื้นที่ทะเลแถบนี้ มาโผล่อีกทีที่นอกดารานิรันดร์ของระบบสุริยะ
เขานั่งลงขัดสมาธิ พร้อมกับทอดมองไกลออกไป ก่อนจะเริ่มเตรียมการขั้นสุดท้ายสำหรับการเคลื่อนย้ายและผนึกกายอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ เวลาล่วงเลยไปอย่างช้าๆ จนวันแห่งการผนึกอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์กำลังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
สหพันธรัฐยังอยู่ภายใต้การสั่งการของผู้นำคนใหม่อย่างมารดาของเจ้าเยี่ยเหมิง ดวงดาราทั้งหลายต่างเตรียมพร้อมรับยุคสมัยใหม่ที่มาถึง นอกจากนี้ประชาชนยังได้รับทราบเรื่องราวในช่วงนี้อีกด้วย แม้จะมีความตื่นตระหนกอยู่บ้าง แต่โดยทั่วไปก็ยังสงบสุข
ความตื่นตระหนกเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ อย่างไรก็ตามการมาถึงของอารยธรรมต่างดาวหนึ่งแห่ง ต่อให้จะมีการควบรวมเข้าด้วยกัน แต่ก็ยังมีผลกระทบกับสหพันธรัฐ และสิ่งแปลกใหม่แบบนี้ โดยปกติแล้วอาจถูกใช้ประโยชน์ในการยุยงโดยคนบางคนเพื่อจุดประสงค์อื่น
ไม่เพียงแต่สหพันธรัฐในตอนนี้ได้แตกต่างไปจากเดิม ผู้คนอื่นๆ ที่มีจุดมุ่งหมายต่างกันก็ไม่กล้าที่จะกระโตกกระตากมากเกินไป ด้วยเหตุนี้ แม้จะมีการก่อความวุ่นวายเล็กน้อย แต่ก็ถูกระงับไว้อย่างรวดเร็วโดยเจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหพันธรัฐ
หลายวันต่อมา…ร่างอวตารของหวังเป่าเล่อซึ่งกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนดารานิรันดร์ของระบบสุริยะได้ลืมตาขึ้นพร้อมๆ กับร่างต้นแบบของเขาที่นั่งสมาธิอยู่ในดารานิรันดร์แห่งอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ การเคลื่อนย้าย…เริ่มต้นอย่างเป็นทางการ!
เกิดเสียงอึกทึกครึกโครมภายในอาณาเขตของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ และแผ่กระจายออกจากดารานิรันดร์ โหมสะพัดไปทั่วอาณาเขตทั้งหมดของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ราวกับพายุ ทำให้ดาวพระเคราะห์ทั้งแปดที่อยู่ในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ในตอนนี้สั่นสะเทือน ซ้ำร้ายยังทำให้ผู้คนของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ทั้งหมดที่อยู่บนดาวพระเคราะห์ทั้งแปดหวั่นวิตกกันไปตามๆ กัน
ทว่าความหวั่นวิตกนั้นอยู่ได้ไม่นาน ด้วยอาณาเขตทั้งหมดของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ถูกรัศมีที่สาดส่องออกมาจากดารานิรันดร์แผ่คลุมไว้อย่างสมบูรณ์ เมื่อทั่วทั้งอารยธรรมในตอนนี้กลายเป็นทะเลจรัสแสง จิตใจของทุกๆ คนจึงว่างเปล่าในทันที
มีเพียงปรมาจารย์มหาทัณฑ์เท่านั้น ที่เป็นผู้ฝึกตนดาวพระเคราะห์คนสุดท้ายในหมู่คนท้องถิ่นของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ เขาแทบจะไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงของจักรพิภพ ในสายตาของเขา เขาเห็นสิ่งที่เรียกว่าทะเลจรัสแสงเป็นความแปรปรวนของการเคลื่อนย้าย
โดยมีอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เป็นแกนกลาง ทะเลจรัสแสงกลายเป็นรัศมีการเคลื่อนย้ายที่ส่องแสงพร้อมกับแผ่คลุมพื้นที่ทั้งหมดนั้น หลอมรวมเข้ากับสรรพสิ่งทั้งหมดที่อยู่ภายในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์
“วงแหวนเคลื่อนย้ายอารยธรรม…” ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ใจสั่นไหวอย่างรุนแรง เขามีชีวิตอยู่มานานขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นความกว้างใหญ่ของวงแหวนเคลื่อนย้ายอารยธรรมด้วยตาตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาหันไปมองหญิงสาวที่กำลังนั่งขัดสมาธิด้วยใบหน้าไร้อารมณ์อยู่ด้านข้างซึ่งห่างออกไปไม่ไกล
สำหรับจ้าวเยี่ยเหมิงคนนี้ ทำให้ปรมาจารย์มหาทัณฑ์รู้สึกหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งในขณะนี้ แม้ว่าความกวาดกลัวนี้จะเกี่ยวข้องกับการที่ถูกหวังเป่าเล่อควบคุม ทำให้ชีวิตนี้ไม่สามารถต่อต้านได้ แต่ก็เกี่ยวข้องกับวิธีการต่างๆ ของจ้าวเยี่ยเหมิงจากอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ด้วย
ภายในระยะเวลาสั้นๆ จ้าวเยี่ยเหมิงได้ทำการควบรวมอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์อย่างสมบูรณ์แล้ว ไม่เพียงแต่แต่งตั้งให้หวังเป่าเล่อขึ้นเป็นจักรพรรดิดวงเนตรสวรรค์ ทั้งยังใช้วิธีที่เด็ดเดี่ยวมาก จนปราบปรามผู้ไม่เห็นด้วยทั้งหมดได้ ท่ามกลางการสังหารนองเลือดครั้งแล้วครั้งเล่าเหล่านั้น ส่งผลให้ผู้ฝึกตนอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ต่างพากันหวาดกลัวเกินกว่าจะพรรณนาได้
หากมีเพียงแค่นี้ ปรมาจารย์มหาทัณฑ์คงไม่รู้สึกหวาดกลัว เพราะนอกจากนี้ ทางฝั่งจ้าวเยี่ยเหมิงยังได้มีการกำหนดกฎหนึ่งชุดสำหรับอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ด้วย กฎนี้แม้ว่าในทางทฤษฎีจะหนีไม่พ้นปลาใหญ่กินปลาเล็ก แต่เมื่อพูดโดยรวมแล้ว สำหรับผู้ฝึกตนโดยทั่วไป ก็ยังสามารถปกป้องสิทธิและชีวิตของตัวเองได้ ถึงเป็นเช่นนั้นแม้ว่าจะจัดการดีอย่างไร แต่การเปลี่ยนผู้ที่อ่อนแอให้กลายเป็นผู้ที่แข็งแกร่งก็ใช่ว่าจะทำไม่ได้!
หากมองในมุมของอารยธรรมเนตรสวรรค์ก็เหมือนกับพายุห่าใหญ่ เพราะก่อนหน้านี้ได้เกิดการล่มสลายของระบบอารยธรรมเนตรสวรรค์ ทำให้ต้องมีชีวิตอยู่โดยการปล้นสะดม ราชวงศ์ไม่มีการแทรกแซงใดๆ อารยธรรมเนตรสวรรค์จึงเกิดความโกลาหล และทำให้คนจำนวนนับไม่ถ้วนเจอกับความทุกข์ยาก
ดังนั้นเมื่อกฎนี้ถูกปล่อยออกไป ผู้ฝึกตนชั้นล่างจำนวนมากก็จะได้รับเกียรติกับเขาบ้าง ทำให้พวกเขาเต็มใจที่จะผูกกฎนี้ไว้บนตัวเอง ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นก็คงต้องยอมรับ นอกจากนี้จ้าวเยี่ยเหมิงยังประกาศระบบการให้รางวัล เพื่อให้ความพยายามทั้งหมดได้รับการตอบแทนและปลอบประโลมหัวใจของผู้คน
ทั้งหมดนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งในวิธีของจ้าวเยี่ยเหมิงเท่านั้น แต่เพียงแค่นี้ก็ทำให้ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ตระหนักได้แล้วว่า หากยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วอายุคน อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ก็ไม่ต้องให้ใครมาคอยข่มเหงเพราะสามารถทำทุกอย่างขึ้นมาได้ด้วยตัวเอง
แต่ทั้งหมดนี้ล้วนต้องขึ้นอยู่กับฝ่ายบริหารสหพันธรัฐ สหพันธรัฐจะกลายเป็นผู้บังคับใช้กฏหมาย และกลายเป็นฝ่ายที่ได้รับความไว้วางใจจากสาธารณะชนอีกด้วย
เรื่องนี้มีทั้งด้านดีและไม่ดี ปรมาจารย์มหาทัณฑ์ไม่มั่นใจนัก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง แล้วมองทะเลจรัสแสงที่แผ่คลุมจักรวาลของอารยธรรมทั้งหมด จนกระทั่ง…ได้เปิดใช้การเคลื่อนย้าย เพียงชั่วพริบตา ทั้งหมดที่อยู่รอบตัวเริ่มกลายเป็นความพร่ามัว!
คล้ายกับมีฝ่ามือขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็นข้างหนึ่งลบอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ออกจากจักรวาล วินาทีนั้นมันได้หายไปไม่เหลือให้เห็นแม้แต่เงา ดารานิรันดร์ ดาวพระเคราะห์ สิ่งมีชีวิต ล้วนหายไป
พื้นที่ที่ถูกทิ้งไว้เบื้องหลัง ก่อเกิดเป็นหลุมดำหมุนวนบนพื้นที่โล่ง ดึงดูดจักรพิภพที่อยู่ห่างไกลออกไปเข้ามารอบด้าน หลังจากมันได้แทนที่สำเร็จแล้วจึงค่อยๆ นิ่งขึ้น เพียงแต่ระลอกคลื่นที่เพิ่มขึ้นภายในบริเวณนี้ กลับไม่เคยจางหายไปอีกเลย
วินาทีต่อมา อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ก็ได้เคลื่อนย้ายมาสู่ด้านในระบบสุริยะ ขณะที่ร่างอวตารหวังเป่าเล่อลืมตา เขายกมือทั้งสองข้างขึ้นโบกไปยังทั้งสองฝั่ง ระบบสุริยะพลันเกิดเสียงดังโครมคราม จักรพิภพเกิดการสั่นสะเทือน ภายในใจของทุกสรรพสิ่งสั่นคลอน และแล้วอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์…ก็ได้ปรากฎขึ้นด้านในระบบสุริยะ!
อารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ที่เพิ่งปรากฏขึ้นเมื่อสักครู่ไม่ได้เป็นสสาร แต่อยู่ในสถานะโปร่งแสง ดาวพระเคราะห์ทั้งแปดแบ่งแยกออกจากกันภายในจักรวาลของระบบสุริยะ โคจรรอบดวงอาทิตย์พร้อมกับดาวเคราะห์ใหญ่ทั้งแปด ฉากนี้ทำให้ผู้ที่พบเห็นทั้งหมดถึงกับตกตะลึง
ในเวลาเดียวกัน วินาทีที่การเคลื่อนย้ายเงามายาของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์มาถึง ดารานิรันดร์ทั้งหมดก็อยู่ระนาบเดียวกับดวงอาทิตย์สหพันธรัฐพอดี
ทั้งสองฝ่ายผสานเข้าด้วยกันภายในชั่วพริบตาราวกับไม่ใช่ความจริง ในขณะที่กำลังทับซ้อนกัน ด้านในดวงอาทิตย์ก็เกิดเสียงดังกึกก้อง เสมือนกลืนตัวเสริมพลังเข้าไปขนานใหญ่ ภายในดวงอาทิตย์ของสหพันธรัฐเกิดทะเลเพลิงม้วนโหมกระหน่ำ รัศมียิ่งพุ่งขึ้นถึงขีดสุดในทันที อีกทั้งขนาดของมันยังขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว!
เสียงดังโครมครามอย่างต่อเนื่อง ด้วยปริมาตรความจุของดวงอาทิตย์ที่ขยายใหญ่ขึ้น ประกอบกับรัศมีภายในที่แผ่ขยายเป็นวงกว้าง จักรวาลที่เต็มไปด้วยอารยธรรมระบบสุริยะจึงดูราวกับถูกยืดออกไป จนขยายออกมาด้านนอก!
อาณาเขตใหญ่ขึ้น จักรพิภพกว้างขึ้น!
ท้ายที่สุดหลังจากขยายใหญ่ขึ้นสองเท่า ดารานิรันดร์ที่อยู่ด้านในระบบสุริยะโฉมใหม่ได้ปรากฏขึ้น ในที่สุดก็ผสานเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ ขนาดของมันเพิ่มขึ้นถึงสองเท่า ส่วนกระบี่สำริดโบราณเล่มนั้น แต่เดิมได้ปักทะลุดวงอาทิตย์ ทว่าบัดนี้ด้วยการหลอมรวมของดารานิรันดร์ทั้งสอง กลับทำให้มันถูกดีดออกมา ในที่สุดดวงอาทิตย์ก็กลับคืนสภาพที่สมบูรณ์!
ส่วนกระบี่สำริดโบราณ มันเหมือนเป็นเรือรบลำหนึ่งที่ถูกแรงดึงดูดจากดารานิรันดร์ จนเริ่มโคจรรอบๆ เหมือนกับดวงดาราที่อยู่รอบตัว ในเวลาเดียวกัน…ที่รอบนอกมีดาวเคราะห์ทั้งหมดสิบหกดวงกระจายอยู่รอบๆ ดารานิรันดร์ ดาวเคราะห์แปดดวงได้เปลี่ยนจากภาพมายาก่อนหน้านี้ เป็นใจกลางด้านในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ได้อย่างรวดเร็ว!
การเปลี่ยนแปลงนี้ใช้ระยะเวลาสามวันเต็มๆ ภายใต้การควบคุมการหลอมรวมระหว่างร่างต้นแบบและร่างอวตารของหวังเป่าเล่อ ในตอนที่เสร็จสมบูรณ์ ผู้ฝึกตนของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ก็รู้สึกได้ว่าท่ามกลางความกลัวก็มีความอ่อนโยนอยู่บ้าง ไหนจะมีความรู้สึกแปลกๆ ราวกับมีบางสิ่งได้เปลี่ยนแปลงไปนับตั้งแต่นี้เป็นต้นมา
แต่สำหรับสิ่งมีชีวิตที่เกิดในอารยธรรมสหพันธรัฐแห่งนี้ ล้วนแล้วแต่ยินดีต้อนรับพวกเขา ด้วยรัศมีที่ปะทุขึ้นของดารานิรันดร์ ของล้ำค่าที่จะมาฝังรากลึกในชีวิต…เป็นพรแก่ทุกสรรพสิ่ง!
……………………………………………….