หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1015 นายน้อยผู้องอาจ!
อาณาบริเวณของดาราจักรไฟกว้างใหญ่เกินไป และแม้กระสวยของเซี่ยไห่หยางจะรวดเร็ว แต่หลังจากเข้าสู่ดาราจักรไฟแล้ว เขาก็เกิดความวิตก และกังวลว่าความเร็วจะถูกเข้าใจเป็นความโอหัง เป็นเหตุให้ปรมาจารย์แห่งไฟไม่พอใจ
ดังนั้นเขาจึงไม่กล้าที่จะควบเร็วเกินไป แต่ยังคงเดินหน้าต่อไปด้วยความเร็วคงที่ ถึงกระนั้น ความเร็วโดยรวมก็ยังไม่ช้า ตามกำหนดการของเขา อย่างมากสี่เดือน ตนเองก็สามารถไปถึงดาวเอกเพลิงได้
“ปรมาจารย์แห่งไฟเคยเกิดเหตุกลียุค มีความแค้นคร้้งใหญ่ถึงเป็นถึงตายกับตระกูลไม่รู้สิ้น นิสัยจึงเปลี่ยนไปจนแปลกประหลาดและเจ้าอารมณ์…แม้ข้าจะเคยติดต่อกับเขาหลายครั้ง แต่เฒ่าประหลาดเช่นนี้ ไม่สามารถกำหนดได้ด้วยเหตุผลหรอก” เซี่ยไห่หยางที่ยืนอยู่ในกระสวยสูดหายใจเข้าลึก เขาเตรียมของกำนัลชิ้นใหญ่สำหรับการคารวะอาจารย์ในครั้งนี้ แม้ว่าเขาจะรู้สึกความเป็นไปได้ที่จะสำเร็จมีไม่น้อย แต่ก็ยังเป็นทุกข์เป็นร้อน
ถึงอย่างไรความสำเร็จในครั้งนี้เกี่ยวพันถึงชีวิตของบิดา ทำให้เขาวิตกกังวล ในช่วงเวลานี้ เขาได้หยุดเรื่องการค้าทั้งหมดของตนไว้ก่อน
“ข่าวลือเกี่ยวกับปรมาจารย์แห่งไฟมากเกินไปแล้ว แต่จากการคาดการณ์ของข้า สานุศิษย์ในปีนั้นของปรมาจารย์แห่งไฟก็พ่ายแพ้จริง แต่ยังไม่ตายสิ้น ยังหลงเหลือซากวิญญาณไว้…เวลานี้ถูกปรมาจารย์แห่งไฟกำบังไว้ภายในดาราจักรนี้…”
“ผู้สูงส่งที่ข้าต้องการเสาะหาน่าจะเป็นหนึ่งในนั้น และมีความเป็นไปได้มากว่าคงเป็นศิษย์รองของเขาหลิงเสินจื่อ!” เซี่ยไห่หยางจิตใจล่องลอยครุ่นคิด หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ถอนหายใจ
“แม้แต่ละก้าวจะยากลำบากแต่ก็ไม่ใช่ว่าข้าจะไม่มีผู้ช่วย ได้ยินว่าหวังเป่าเล่อได้คำนับปรมาจารย์แห่งไฟเป็นอาจารย์แล้ว เจ้าอ้วนนั่นโลภโมโทสันน่าจะพอซื้อตัวได้ ไม่แน่ว่าอาจได้รู้ข้อมูลภายในบ้าง” เซี่ยไห่หยางคิดมาถึงตรงนี้ ก็รู้สึกดีขึ้น รู้สึกว่าแผนการของตนเองมีความเป็นไปได้มาก
และในขณะที่เซี่ยไห่หยางคิดถึงหวังเป่าเล่ออยู่ ด้านดาวเอกเพลิงที่อยู่ห่างจากเขาไปเป็นระยะทางนับเดือน หวังเป่าเล่อที่เคลื่อนมาจากสายรุ้งบนท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว ได้จามออกมาจนร่างสั่น
“มีคนกำลังคิดถึงข้า!” หวังเป่าเล่อหยุดและมองไปรอบๆ อย่างสงสัย หลังจากที่เขาไม่พบเห็นสิ่งใดผิดปกติ เขาก็เกาศีรษะ และครุ่นคิดว่าที่นี่คือดาราจักรไฟ เป็นถิ่นของอาจารย์ตน ไม่น่าจะมีผู้กล้ามารังควานตน
“มีผู้ไม่ลืมตามองเลยจริงๆ เหอะๆ ฝ่ายตรงข้ามอาจไม่รู้ว่าที่นี่มีท่านอาจารย์ข้าอยู่!” หวังเป่าเล่อส่งเสียงไอออกมา และไม่ไปสนใจความรู้สึกในตอนนั้นอีก ร่างที่กลายเป็นสายรุ้งเพิ่มความเร็วขึ้นอีกครั้งและส่งเสียงก้องไปไกล
เป้าหมายของเขาคือสายธารแห่งสะเก็ดดาวที่อยู่ถัดจากดารานิรันดร์ ภายในอารยธรรมวิญญาณเพลิงที่ถูกแบ่งเป็นเขตเพลิงที่ 137 ที่ตั้งอยู่ทางด้านอาคเนย์ของดาราจักรไฟ นอกดาวเอกเพลิง สายธารแห่งสะเก็ดดาวข้างดารานิรันดร์นั้น
ตามแผ่นหยกของดาราจักรไฟที่เขาเชี่ยวชาญ จำนวนสะเก็ดดาวที่นั่นมีมหาศาล เพียงพอที่เขาจะเลือกมาทำการผนึกได้อย่างเหมาะสม”
“เขต 137 ดาราจักรไฟ…” ระหว่างที่หวังเป่าเล่อเคลื่อนมาอย่างเร็ว ในช่วงเวลานี้สาขาดาวเพลิงที่เขารู้จักในความคิด ที่นี่มีดารานิรันดร์ทั้งหมด 449 ดวง
ดารานิรันดร์แต่ละดวง ต่างเป็นหนึ่งอารยธรรมและมีสิ่งมีชีวิตอยู่ภายใน อาศัยการดำรงอยู่ของปรมาจารย์แห่งไฟ ในขณะที่ปรมาจารย์แห่งไฟที่ถูกเคารพเป็นใหญ่ก็ได้ถูกทำการสักการะบูชามาทุกปี เพื่อแลกกับความคุ้มครองของปรมาจารย์แห่งไฟ
และอารยธรรมวิญญญาณเพลิงในเขตที่ 137 นี้เป็นหนึ่งในนั้น ผู้แข็งแกร่งที่สุดในนั้นได้ฝึกตนมาถึงขั้นดารานิรันดร์ขั้นปลาย และผู้ฝึกตนดาวพระเคราะห์ก็มีหลายท่าน พลังโดยรวมภายในดาราจักรไฟ ถือว่าสูงกว่าขั้นกลางขึ้นไป ในเวลาปกติไม่มีคุณสมบัติไปคารวะดาวเอกเพลิง เฉพาะเพียงวันเกิดของปรมาจารย์แห่งไฟร้อยปีมีครั้ง จึงจะได้รับอนุญาตให้เข้าไปดาวเอก..ไอรีนโนเวล
และสำหรับอารยธรรมย่อยเหล่านี้ ทำให้ดาวเอกเพลิงเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ปรมาจารย์แห่งไฟก็เป็นราวกับเทพเจ้า และศิษย์ของปรมาจารย์แห่งไฟก็นับเป็นไม่กล้าที่จะมีใครเพิกเฉยแม้แต่น้อย เพราะภายในดาราจักรไฟ คำพูดเพียงประโยคเดียวของคนใดคนหนึ่งในศิษย์ 16 คน ก็สามารถกำหนดความอยู่รอดของทั้งอารยธรรมของพวกเขา
ถึงอย่างไร… การปกป้องของปรมาจารย์แห่งไฟ ไม่ได้เป็นเพียงชื่อเสียงภายนอก แม้แต่ภายในดาราจักรไฟก็ยิ่งไม่มีผู้ใดไม่รู้จัก
ดังนั้น… แม้ว่าหวังเป่าเล่อมาที่ดาราจักรไฟได้ไม่นาน แต่การออกไปข้างนอกครั้งนี้ก็ไม่ได้แจ้งไว้ แต่เมื่อเขาเคลื่อนไปข้างหน้า ทุกครั้งที่ผ่านเข้าไปอารยธรรมหนึ่ง ผู้กล้าของอารยธรรมเหล่านั้น ต่างก็บินออกมาส่งการคำนับมาแต่ไกลด้วยความนับถืออย่างที่สุด
ผู้เยี่ยมยุทธ์ของอารยธรรมเหล่านี้แทบจะเป็นระดับดารานิรันดร์ทั้งหมด รูปร่างหน้าตาต่างกัน พลังเทพและพื้นฐานชีวิตส่วนใหญ่ก็เกี่ยวข้องกับกฏแห่งไฟ แม้หวังเป่าเล่อจะไม่รู้จักพวกเขา แต่พวกเขากลับรู้จักรูปร่างหน้าตาของหวังเป่าเล่อผ่านช่องทางต่างๆ และเวลานี้ก็ทำการคำนับจนศีรษะค้อมต่ำราวกับทาส
ในตอนแรกหวังเป่าเล่อก็ถึงกับตกตะลึง
หลังจากได้รับคำบอกเล่าของแม่นางน้อย และหลังจากที่เขาคุ้นเคยกับอาจารย์ทั้งหมดแล้ว วันนี้เขาที่เพิ่งออกมานอกดาวเอกเพลิงเป็นครั้งแรก และเมื่อเห็นผู้เยี่ยมยุทธ์ดารานิรันดร์ที่คำนับตนเองคนแรก ปฏิกิริยาแรกที่เกิดขึ้นในใจคือการสงสัยว่าหวังเป่าเล่อเป็นร่างอวตารของอาจารย์
แม้จะรู้สึกว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้น้อย แต่อย่างไรอาจารย์ก็ไม่น่ากระจายร่างอวตารครอบคลุมอารยธรรมนับร้อย เพื่อไปแสดงเป็นทุกบทบาทในนั้น
แต่หวังเป่าเล่อกำลังถูกทำจนสติเลอะเลือนแล้ว แต่หลังจากที่เขาสังเกตเห็นถึงความเคารพที่อีกฝ่ายคำนับตนแล้ว ในที่สุดเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ไม่ใช่ท่านอาจารย์ เพราะลักษณะของท่านอาจารย์เป็นผู้รักษาหน้ามาก ไม่มีทางมาคำนับข้า…อย่างมากที่สุดที่เขาก็คำนับตนเอง”
เมื่อตัดสินเรื่องเหล่านี้ ได้แล้ว อารมณ์ของหวังเป่าเล่อก็ผ่อนคลายลง อย่างไรก็ยังรู้สึกรับไม่ได้เรื่องที่ดารานิรันดร์มาคำนับตน แต่อารยธรรมระหว่างทางมีมาก ผู้เยี่ยมยุทธ์เช่นนี้ปรากกฏออกมาก็มาก เขาก็ไม่อาจไม่ยอมรับและปรับตัวได้ ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดในใจลึกๆ
“แม้ว่าความรู้สึกนี้จะทำให้คนปลาบปลื้ม… แต่ทั้งหมดนี้เกิดจากความแข็งแกร่งของท่านอาจารย์ ดังนั้นหากยังดื่มด่ำท่ามกลางความรู้สึกถูกกราบไหว้เช่นนี้ ย่อมไม่เป็นผลดีต่อตน”
“มีเพียงได้รับการกราบไหว้ด้วยความแข็งแกร่งของตนเท่านั้น จึงจะเป็นความมั่นใจของตนเองอย่างแท้จริง!” หวังเป่าเล่อแววตาเป็นประกาย คิดได้ถึงคำกล่าวที่คล้ายกันของขุนนางระดับสูงที่เขาเคยอ่านมา
“จุดประสงค์ในการแสวงหาผลประโยชน์ไม่ใช่เพื่อกดขี่ และก็ไม่ใช่เพื่อความเพลิดเพลิน ยิ่งไม่ใช่ไปครอบครอง แต่เป็น…การสร้างสภาพแวดล้อมให้สามารถเลื่อนขั้นได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ตัวเองเติบโตได้ราบรื่นขึ้นและเร็วขึ้น” หวังเป่าเล่อบ่นพึมพำ ในใจก็ค่อยๆ สงบลงมา และเข้าใกล้เขตที่ 137 อย่างรวดเร็ว
ในที่สุดครึ่งเดือนต่อมา เขาก็มาถึงเขตเปลวเพลิงที่ 137 และเห็นดารานิรันดร์ที่นี่ลุกไหม้ราวกับลูกไฟ รวมทั้งหมู่สะเก็ดดาวเพลิงที่รายล้อมภายนอกดารานิรันดร์!
นอกจากนี้ยังมี… เปลวไฟหกร่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้านั้นแตกต่างจากมนุษย์ และดูเหมือนร่างเพลิงของวิญญาณอัคคี ผู้เป็นหัวหน้ายังมีตราสีม่วงตรงหว่างคิ้ว ทันทีที่เห็นหวังเป่าเล่อ ร่างผู้ฝึกตนดารานิรันดร์ร่างหนึ่งก็กดร่างตนเองลงอย่างแรงและคุกเข่าลงคำนับโดยตรง!
ยังมีอีกห้าท่านที่อยู่ด้านหลังร่างมันก็คุกเข่าลงคำนับด้วยกัน และในขณะที่คำนับยังมีดวงจิตเทพส่งความเคารพมาถึงหวังเป่าเล่อด้วย
“คารวะนายน้อยสิบหก!”
หวังเป่าเล่อหยุดชะงัก กวาดตามองบนร่างวิญญาณอัคคีเหล่านี้ และมองไปที่สะเก็ดดาวที่ภายนอกดารานิรันดร์ที่ห่างไกลทางด้านหลังของพวกมัน แล้วจึงเอ่ยปากเบาๆ
“ป้องกันข้า!”
หวังเป่าเล่อไม่กล่าวอะไรมาก หลังจากกล่าวเพียงประโยคเดียว ก็สะบัดร่างไป กระโดดข้ามร่างทั้งหก และพุ่งตรงไปดารานิรันดร์ หลังจากเข้าไปใกล้อย่างรวดเร็ว เงาร่างก็หายไปภายในสายธารแห่งสะเก็ดดาวที่อยู่นอกดารานิรันดร์อย่างไร้ร่องรอย
อย่างไรก็ตาม คำพูดของเขาที่มีต่ออารยธรรมวิญญาณเพลิง เป็นเหมือนเจตจำนงแห่งสวรรค์ ดังนั้นในไม่ช้าภายใต้การจัดการของผู้เยี่ยมยุทธ์ดารานิรันดร์นั้น อารยธรรมวิญญาณเพลิงทั้งหมดถูกผนึก แม้กระทั่งอารยธรรมอื่นที่อยู่โดยรอบก็ไล่ผนึกไปแต่ละอารยธรรมอย่างไม่ละโอกาส ยิ่งมีผู้เยี่ยมยุทธ์ดารานิรันดร์หลายคนมาถึงด้วยกัน ขณะที่ผนึกกว่ายี่สิบอารยธรรมก็นั่งขัดสมาธิอยู่ท่ามกลางดวงดาว เพื่อพิทักษ์หวังเป่าเล่อ
ในเวลาเดียวกัน มีดาวพระคราะห์หลายสิบดวง รวมทั้งเรือบินจากต่างอารยธรรมจำนวนมาก บินออกมาจากแต่ละอารยธรรมอย่างหนาแน่นเพื่อรายล้อมพื้นที่นี้ไว้ ทำให้ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวภายในบริเวณนี้ ได้รับการปกป้องเหมือนถังเหล็ก และนี่ยังไม่หมด…ในไม่ช้าอารยธรรมที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็ได้รู้เรื่องนี้มากขึ้น แต่ละอารยธรรมก็สำแดงอย่างเต็มพลังทันที หลังจากที่ผนึกไว้ทั้งหมดแล้วก็เคลื่อนตัวทั้งหมด ดังนั้น…บริเวณที่ป้องกันนี้ก็ยิ่งขยายขึ้นเรื่อยๆ…จนหนึ่งเดือนให้หลังก็แผ่ขยายออกไปเกือบครึ่งดาราจักรไฟแล้ว!
เขาก็ไม่โทษความกระตือรือร้นของอารยธรรมเหล่านี้ ที่จริงหลายปีมานี้ นายน้อยเหล่านั้นบนดาวเอกเพลิงแทบจะไม่ได้ออกมาให้พวกเขาได้พบ วันนี้โอกาสที่ยากจะหาได้และไม่ได้มีบ่อยนัก ฉะนั้นจะไม่มาแสดงตัวได้อย่างไร
จนแม้กระทั่ง…เซี่ยไห่หยางซึ่งกำลังบินไปยังดาวเอกเพลิง กระสวยของเขาก็ยังอยู่ห่างจากสถานที่ที่หวังเป่าเล่อฝึกอยู่มากก็ถูกขวางกั้นไว้!
“ตามคำสั่งของนายน้อย ปิดกั้นทุกทิศทุกทาง ผู้ไม่กระทำตามสังหารไม่เว้น ผู้มาเยือนยังไม่รีบหยุดอีก!”
……………………………………………………..