หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1031 สะกด!
หวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่บนระเบียง ในขณะที่พูด มือขวาก็ยกขึ้นมา แล้วโบกไปทางมือยักษ์สีทองพันจั้งที่กำลังมาถึงนี้ ภายใต้การโบกนี้ก็เกิดเสียงดังไปรอบทิศ รอยมือขนาดใหญ่เท่ากัน ก็โผล่ออกมาต่อหน้าหวังเป่าเล่อในทันใด!
มันมรขนาดพันจั้ง สีสันเก้าสี ชั่วขณะที่ปรากฎออกมา ก็ทำให้เหล่าผู้ฝึกตนรอบข้างตกตะลึง แม้แต่บนตัวคนจำนวนมากก็มีแสงหลากสีปรากฎออกมาโดยที่ควบคุมไม่ได้!
นี่เป็นเพราะว่าการโบกมือที่ดูเหมือนง่ายนี้ รอยมือที่ก่อตัวขึ้นประกอบด้วยกฎเก้าอย่างของดาวเคราะห์บรรพกาลเก้าดวง!
ส่วนกฎเก้าอย่างนี้ โดยพื้นฐานแล้วครอบคลุมคุณลักษณะพลังเทพของผู้ฝึกตนส่วนใหญ่ บวกกับการสะกดชั้นยอด จึงทำให้มือขวาที่โบกไปของหวังเป่าเล่อซึ่งยืนขึ้นที่นี่ ไม่เพียงแต่สามารถสะกดพลังของเหล่าผู้ฝึกตนรอบข้างไว้ได้ ทำให้ผู้ฝึกตนที่มีกฎพวกนี้ ในขณะที่พลังสั่นคลอนก็ถูกดึงดูดด้วย โดยมีแสงส่องประกายระยิบระยับบนตัวของแต่ละคน ทำให้ถูกดึงเอาพลังของตัวเองออกมาส่วนหนึ่ง!
นี่คือระดับการฝึกฝนและตกตะกอนในช่วงที่ผ่านมานี้บนดาราจักรไฟ ตามความคุ้นเคยของดาวเคราะห์บรรพกาลทั้งเก้าดวงของตัวเอง ทำให้ถูกหวังเป่าเล่อเข้าใจวิธีการใช้อย่างลึกซึ้ง และการเข้าใจถึงวิธีการนี้ โดยพื้นฐานแล้วการต่อสู้แบบกลุ่มสำหรับหวังเป่าเล่อกลับได้เปรียบกว่า!
ในเวลานี้สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าว่า หลังจากที่ร่างของผู้ฝึกตนจำนวนมากในตลาดมีแสงหลากสีปรากฎออกมา แสงพวกนี้กลายเป็นสำแสงพุ่งตรงไปยังรอยมือด้านหน้าหวังเป่าเล่อ ในชั่วขณะที่รวมตัวกันก็ทำให้รอยมือนี้ขยายตัวอีกครั้ง ขนาดขยายออกหลายพันจั้งพุ่งไปยังมือยักษ์สีทองที่กำลังกดลงมาในทันใด!
มองดูไกลๆ แม้ว่ามือยักษ์สีทองจะสูงพันจั้งและท่าทางทรงพลัง แต่อยู่ต่อหน้ารอยมือของหวังเป่าเล่อ ก็ยังเล็กเกินไปมากนัก และฉากนี้ก็ทำให้สีหน้าของเซี่ยอวิ๋นเถิงเปลี่ยนไปในทันที
และในขณะสีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไป รอยมือทั้งสองนี้ก็สัมผัสถึงกันแล้ว เกิดเสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าดิน เสียงคำรามดังก้องไปทั่วทุกที่ ซึ่งระเบิดออกมาบนเรือเหาะในทันใด ท่าทางยิ่งใหญ่มาก ผลกระทบนั้นใหญ่มากจนกลายเป็นชั้นของระลอกคลื่น เสียงดังกระจายไปยังรอบข้างไม่หยุด
ชั่วพริบตาเดียว ตลาดที่ทั้งคู่ต่อสู้กันต่างก็ทยอยพังทลายลงมา อาคารจำนวนนับไม่ถ้วนก็พังทลายลง และผู้ฝึกตนในตลาดก็มีไม่น้อยที่กระอักเลือดออกมา ทุกคนต่างถอยหนีอย่างรวดเร็ว
เมื่อมองดูไปแล้ว โดยรอบตลาดรัศมีสามกิโลเมตร ในขณะนี้ แทบจะหายไปหมดแล้ว เว้นเพียง…ตำหนักหรูรับรองแขกที่หวังเป่าเล่ออาศัยอยู่ ยังตั้งตระหง่านอยู่กลางซากอาคาร ไร้ซึ่งความเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น เขาที่ยืนอยู่บนระเบียง ดวงตาในขณะนี้มีเจตจำนงในการต่อสู้ จ้องมองไปยังเซี่ยอวิ๋นเถิงที่อยู่กลางอากาศ โดยที่ร่างกายถอยหลังไม่หยุด จนกระทั่งไปห่างไปไกลกว่าร้อยจั้ง!
“เจ้า…” สีหน้าเซี่ยอวิ๋นเถิงแย่จนถึงที่สุด เขากำลังจะพูด แต่ในเวลาต่อมาหวังเป่าเล่อที่อยู่บนระเบียงก็ได้หัวเราะขึ้นมา
“น่าสนใจ!” ระหว่างที่พูด เงาร่างของเขาก็ก้าวออกไปและพุ่งขึ้นไปในอากาศแล้ว มันเร็วมากจนกลายเป็นเงาภาพชุดหนึ่ง ดูเหมือนว่ายังอยู่ห่างไกล แต่จริงๆ แล้วเขาไปถึงด้านหน้าเซี่ยอวิ๋นเถิงแล้ว มือขวายกขึ้นชี้นิ้วลงไป!
นิ้วนี้ชี้ออกไป โดยรอบก็บิดเบี้ยวในทันใด กลายเป็นกลุ่มหมอก มันก็คือ…นิ้วเมฆา!
เดิมทีการชี้นี้ไม่ธรรมดาอยู่แล้ว เป็นหนึ่งในไม่กี่กระบวนเวทที่ใช้เป็นเคล็ดวิชาลับได้ในบรรดาพลังเทพของหวังเป่าเล่อ ในขณะนี้ถูกใช้ออกมาด้วยพลังระดับดาวพระเคราะห์ชั้นกลาง และได้รับการสนับสนุนด้วยดาวเคราะห์บรรพกาลอีก ประสิทธิภาพนี้ใหญ่เกินกว่าระดับดาวพระเคราะห์ชั้นกลางคนอื่นมาก
ในความเป็นจริงนั้น จนถึงตอนนี้ นอกจากลงมือช่วยเซี่ยไห่หยางไว้ในครั้งนั้น หวังเป่าเล่อก็ไม่ได้ใช้พลังแห่งดาวเคราะห์เต๋าเลย เพราะเขาเองก็อยากเห็นเช่นกันว่า ตัวเองในตอนนี้ ภายใต้การไม่ใช้พลังดาวเคราะห์เต๋า จะมีพลังในการต่อสู้ขนาดไหน
ดังนั้นนิ้วเมฆาในตอนนี้ ไม่ใช่พลังเต็มที่ของเขา แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ ก็ยังคงทำให้เซี่ยอวิ๋นเถิงหน้าเปลี่ยนสี ดวงตาเบิกกว้าง ผู้คุ้มกันระดับดารานิรันทร์ด้านหลังแปดคนนั้นกำลังจะก้าวไปข้างหน้า
“ถอยไป! ” อยู่ๆ เซี่ยอวิ๋นเถิงก็ตะโกนขึ้น
” ข้าจัดการเอง! ” ขณะที่เขาพูด ร่างกายก้าวไปข้างหน้าโดยไม่ถอย และยิ่งชั่วขณะที่เข้าใกล้หวังเป่าเล่อ สองมือผนึกมุทรา เสียงอันเย็นชาดังออกมาจากปาก
“เวทดวงดาว! ”
ขณะที่เสียงดังออกมา ก็มีเส้นใยจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกมาจากทุกตำแหน่งบนตัวเขา รวมถึงทวารทั้งเจ็ดและรูขุมขนทั่วทั้งร่างกาย
เส้นใยพวกนี้เป็นสีดำทั้งหมด ในขณะที่ปล่อยพิษออกมา ก็ให้ความรู้สึกเหมือนถูกเฉือน แม้แต่ตอนที่ปรากฏขึ้น อากาศโดยรอบก็บิดเบือนไป และยังมีรอยฉีกขาดปรากฏออกมาไม่หยุดอีก
เพียงแค่ชั่วพริบตา เส้นใยเหล่านี้ก็มากมายจนล้อมรอบเซี่ยอวิ๋นเถิงเอาไว้ หลังจากห้อมล้อมตัวเองแล้ว รังไหมสีดำขนาดใหญ่ก็ก่อตัวขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์!
รังไหมนี้ มีร่องรอยพลังงานโบราณ และยังคลื่นดวงดาวแผ่ออกมา หากสังเกตดีๆ จะเห็นว่านี่มันคือ…ดาวพระเคราะห์พิเศษดวงหนึ่ง!!..Aileen-novel
นี่ก็คือดาวพระเคราะห์ที่เซี่ยอวิ๋นเถิงลูกหลานสายตรงลำดับที่ห้าของตระกูลเซี่ยผนึกกาย ซึ่งเป็นดาวพระเคราะห์พิเศษจริงๆ ยิ่งกว่านั้นยังเป็น…ดาวเคราะห์บรรกาลดวงหนึ่งที่พัฒนาเป็นดาวเคราะห์เต๋าล้มเหลว!
และกฎมันยิ่งประหลาดเข้าไปอีก ไมใช่พวกกฎน้ำ ไฟ สายฟ้า แต่เป็น…เส้นใย!
ดาวพระเคราะห์แห่งเส้นใย!
ซึ่งกฎนี้แม้แต่ในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นก็หาเจอได้ยาก จะเห็นถึงความแข็งแกร่งของภูมิหลังของตระกูลเซี่ย
ปรากฎขึ้นในชั่วขณะนี้ ตอนที่กลายเป็นรังไหมสีดำ นัยน์ตาหวังเป่าเล่อฉายแววแปลกใจ แต่นิ้วเมฆาที่กางออกก็ตกลงบนนั้นโดยตรงโดยไม่หยุดแม้สักนิด
เสียงดังกระจายไปทั่วทุกทิศ รังไหมสีดำที่ประกอบขึ้นจากเส้นใยก็พังทลายลงเรื่อยๆ แต่…นิ้วเมฆาของหวังเป่าเล่อก็สลายไปอย่างรวดเร็วเช่นเดียวกัน กระทั่งรังไหมสีดำแตกสลายไปกว่าร้อยละแปดสิบ ในที่สุดนิ้วเมฆาก็ถูกสลายจนหมดสิ้น หายไปกลางอากาศ
“บิดเกลียว! ” ในขณะที่เมฆสลายไป ดวงตาของเซี่ยอวิ๋นเถิงที่อยู่ภายในรังไหมสีดำก็ฉายแววโหดเหี้ยมออกมา ทันที่ที่เอ่ยปากออก เส้นใยที่สลายไปโดยรอบ ก็ฟื้นฟูดังเดิมและแพร่กระจายออกไปในทันที พุ่งไปหาหวังเป่าเล่ออย่างเร็วจากทุกทิศทาง
ราวกับตาข่ายใหญ่ ปิดล้อมทั้งสี่ทิศ!
มองจากไกลๆ เซี่ยอวิ๋นเถิงดูเหมือนแมงมุมขนาดใหญ่ตัวหนึ่ง กระจายตาข่ายเส้นใย ปกคลุมตัวหวังเป่าเล่อเอาไว้ภายใน!
และเส้นใยของตาข่ายนี้มีนับพันนับหมื่น ไม่ว่าเส้นไหนต่างก็มีพลังอันน่าตกใจ ทำให้ผู้ฝึกตนที่ยืนดูรอบๆ ต่างถอยห่างออกไป ไม่มีใครที่ไม่รู้สึกตกตะลึง
“แกร่งเกินไปแล้ว! ”
“พลังแห่งกฎเกณฑ์นี้…”
“สมเป็นท่านชายห้าแห่งตระกูลเซี่ย!!”
ในเวลาเดียวกันกับที่มีเสียงความโกลาหล เซี่ยไห่หยางบนระเบียงก็มีสีหน้าตกใจแบบเดียวกัน เขาไม่แปลกใจที่ในความแข็งแกร่งของเซี่ยอวิ๋นเถิง อีกฝ่ายหนึ่งเป็นคนในตระกูล เดิมทีก็ชอบต่อสู้อยู่แล้ว เขาก็ไม่ได้แปลกใจในดาวเคราะห์บรรพกาลของอีกฝ่าย เพราะเขาเอง… ก็เป็นดาวเคราะห์บรรพกาลเหมือนกัน!
เพียงแค่กฎนั้นต่างกัน ที่เขาตกใจคือหวังเป่าเล่อ!
สามารถกล่าวได้ว่าตลอดเส้นทางของหวังเป่าเล่อ ในหลายๆ ช่วงเวลา เซี่ยไห่หยางล้วนเห็นกับตาตัวเอง ดังนั้นถึงแม้ว่าจะมีการประเมินความสามารถของหวังเป่าเล่อไว้คร่าวๆ แล้ว แต่ในตอนนี้ความคิดภายในหัวของเขาก็ยังคงสั่นไหว
เพราะเขารู้ว่าความแข็งแกร่งที่หวังเป่าเล่อแสดงออกมาในตอนนี้ ยังไม่ได้ใช้เวทผนึกดารา ดาวเคราะห์เต๋าเองก็ยังไม่แสดง!
“ยังมีดาวเคราะห์บรรพกาลเก้าดวงของเขา…” ชั่วขณะที่เซี่ยไห่หยางบ่นในใจ หวังเป่าเล่อที่อยู่กลางอากาศ บนใบหน้ามีรอยยิ้มเผยออกมา
“น่าสนใจแล้วสิ ” หวังเป่าเล่อพอใจกับการออกมือครั้งนี้มาก สามารถเจอเข้ากับกฎที่แปลกเช่นนี้ ขณะที่รอยยิ้มปรากฏขึ้น จิตวิญญาณการต่อสู้ในนัยน์ตาของเขาก็เข้มข้นขึ้นเช่นกัน เขาไม่ได้ถอยหลังหรือหลบเลย เขาก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ตอนที่ยกมือขวาขึ้นแล้วกำหมัด ใช้วิธีที่ตรงที่สุดปล่อยหมัดออกไป!
หมัดนี้มีสีแดงแผ่ออกมา!
มันก็คือ… หนึ่งในกฎดาวเคราะห์บรรพกาล เต๋าโลหิตแดง!
เมื่อชกออกไปก็เกิดระลอกคลื่นดั่งคลื่นมหาสมุทรในทุกทิศทุกทาง มีสีแดงฉานดั่งเลือดของผู้ฝึกตนบรรพกาลพุ่งสู่ตาข่ายเส้นใยที่ปกคลุมลงมา แล้วระเบิดออกไปทันที!
“ดาวเคราะห์บรรพกาลรึ? ” เซี่ยอวิ๋นเถิงตะลึง
ไม่มีที่สิ้นสุด สีหน้าหวังเป่าเล่อแผ่ความเผด็จการออกมา ชกไปอีกครั้งในขณะที่ก้าวเท้าออกไป!
หมัดนี้ สีส้ม มันก็คือเต๋าดนตรีส้ม ทันทีที่มันปรากฏขึ้น รอบข้างก็มีเสียงอันไพเราะนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้น ก่อตัวเป็นคลื่นเสียง ส่งเสียงดังกึกก้องไปทุกทิศทางอีกครั้ง!
ฉากนี้ ทำให้เซี่ยอวิ๋นเถิงหน้าเสียอีกครั้ง!
“ดาวเคราะห์บรรพกาลอีกแล้ว!!”
ก่อนหน้านี้ เพราะเขามาอย่างรีบร้อน ดังนั้นไม่รู้ว่าคนที่อยู่ข้างๆ เซี่ยไห่หยางเป็นใคร แต่ตอนนี้ อยู่ๆ ในหัวของเขาก็มีชื่อหนึ่งปรากฏขึ้นมา คนที่กำลังมีชื่อเสียงในช่วงนี้!
“หวังเป่าเล่อ!!”