หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1050 มือ!
“ปวดหัว!”
“หยุดพูด ข้าอยากอยู่เงียบๆ…” หวังเป่าเล่อยกมือขวาขึ้นมาทุบหัวตัวเองแรงๆ จนเกิดเสียง แต่ท่ามกลางเสียงนั้น เสียงของน้องชายจากในแหล่งกำเนิดแสงใต้เท้าเขาก็ยังดังมาไม่หยุด
“ยมทูตกำลังมา ท่านพี่ ท่านมีสภาพเช่นนี้เกรงว่าคงไม่ผ่านการตรวจสอบ!”
“เช่นนั้น…ก็ปล่อยข้าออกไปเถอะ ให้ข้าแก้อาการปวดหัวของท่านและแบกรับความเจ็บนี้เอง ท่านพูดเสมอว่าโลกนี้จอมปลอม ถ้าอย่างนั้น…ให้ข้าออกไปจะเป็นอะไรไปล่ะ”
“ดูสิข้าดีกับท่านขนาดไหน เพื่อพิสูจน์สิ่งที่ท่านเคยพูดไว้ ข้าช่วยท่านฆ่าพ่อที่เข้าสู่ช่วงเสื่อมโทรมของเทพ จากนั้นก็ใช้ร่างกายของท่านสังหารทั้งดาวโลก เพื่อปลุกใจสายเลือดสุดท้ายของเผ่าเทพอัคคีของพวกเรา ขณะเดียวกันข้าอยากจบความเจ็บปวดของท่านเพราะความรักที่มีต่อท่าน แต่ทำไมท่านถึงต่อต้านล่ะ ข้ากำลังช่วยท่านนะ!”
“ท่านพี่ อย่าฝืนเลย ให้ข้าออกมา ให้ข้าแบกรับทั้งหมดแทนท่าน!”
“หุบปาก!!” หวังเป่าเล่อส่งเสียงคำราม ความดังของเสียงก่อตัวขึ้นเป็นคลื่นเสียงแพร่กระจายไปทั่วบริเวณอย่างต่อเนื่องและวิหารเทพที่อยู่ก็พังทลายลงในพริบตา ทุกๆ ที่ที่คลื่นเสียงนั้นผ่านไปถูกทำลายกลายเป็นผุยผง
และเมื่อวิหารเทพหายไป โลกภายนอกก็ถูกเปิดเผย… มันมืดมิด!
ไร้ซึ่งสิ่งปลูกสร้าง ไร้ภูเขา ไร้สิ่งมีชีวิต ไร้พืชพันธุ์ มีเพียงไอมรณะอันแรงกล้าที่โอบล้อมโลกทั้งใบให้กลายเป็นเมฆสีดำหนาทึบปกคลุมท้องฟ้า แต่ดูเหมือนว่ามีแรงกดดันอย่างแรงมาจากภายนอก กระทบกับก้อนเมฆจนเกิดฟ้าแลบดังก้องกังวาน
เมื่อฟ้าแลบเหล่านี้ผ่าลงมา ในที่สุดโลกอันมืดมิดก็สว่างไสวในชั่วพริบตาเผยให้เห็น…ภาพ!
สีเขียวชอุ่มประกอบด้วยพลังอันไร้ขีดจำกัด เป็นดาวเคราะห์ที่มีเผ่าพันธุ์นับหมื่นซึ่งตอนนี้มันได้กลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว!
ฝุ่นนับไม่ถ้วน เศษซากนับไม่ถ้วน กระดูกนับไม่ถ้วน… ทุกชีวิตกลายเป็นฝุ่นผง ซากศพแห้งเหี่ยว กระดูกที่กองทับถมกลายเป็นภูเขาลูกใหม่!
โลกทั้งใบมีแต่ความตาย!
แม้แต่วิหารเทพก็สร้างด้วยกระดูกจำนวนนับไม่ถ้วน ยามนี้หวังเป่าเล่อกำลังสวมเกราะหนาและยืนอยู่บนกองกระดูก สีหน้าบิดเบี้ยว เขาที่อยู่บนหัวกะพริบแสงสีดำ มือของเขายกขึ้นโจมตีหัวตัวเองอย่างต่อเนื่อง
“ปวดหัว ปวดหัว!!”
“ท่านพี่ ในเมื่อเจ็บมากแล้วทำไมไม่เอาร่างให้ข้าล่ะ!!”
“ในฐานะร่างกายที่แข็งแกร่งที่สุดของสายเลือดเผ่าเทพอัคคี ขอเพียงมอบให้ข้า ข้าสามารถนำเผ่าเทพอัคคีกลับสู่ความรุ่งเรืองได้อีกครั้ง”
“ให้ข้า!!” เสียงตะโกนสุดท้ายดังขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน มันระเบิดออกมาจากแหล่งกำเนิดแสงก่อตัวขึ้นเป็นพลังโจมตีและกำลังจะส่งผลกระทบต่อสมองหวังเป่าเล่อ ทว่าในตอนนั้นเองสีหน้าหวังเป่าเล่อก็ดูชั่วร้าย มือขวายกขึ้นคว้าความว่างเปล่า ทันใดนั้นแหล่งกำเนิดแสงก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วและถูกเขาจับไว้
“ถ้าเจ้าไม่หุบปาก ข้าจะฆ่าเจ้า!”
“ฆ่าข้าหรือ?” เสียงหัวเราะบ้าคลั่งดังออกมาจากในแหล่งกำเนิดแสง ในเสียงหัวเราะนั้นยังแฝงไปด้วยการเหน็บแนม ยิ่งมันดังออกมาไม่หยุด หวังเป่าเล่อก็ยิ่งปวดหัวมากขึ้นกว่าเดิม เส้นเลือดสีน้ำเงินบนหน้าผากปูดโปน ทั่วทั้งร่างปวดร้าวจนแทบเสียสติ แต่ในตอนนั้นเอง สายฟ้าก็ฟาดลงมาบริเวณรอบตัวเขา
จากนั้นสายฟ้าก็กระหน่ำฟาดลงมาอย่างต่อเนื่อง และเมฆบนท้องฟ้าก็ม้วนกลิ้งไปมาอย่างบ้าคลั่งกระจายไปทั่วบริเวณเผยให้เห็นท่องฟ้าที่ถูกบดบัง รวมถึง…ใบหน้ายักษ์บนท้องฟ้า!
ร่างของยักษ์ตัวนี้ใหญ่โตไม่มีที่สิ้นสุด เขายืนอยู่บนจักรวาลและมองลงมายังดาวโลกซึ่งทำให้ใบหน้าของเขาครอบครองท้องฟ้าทั้งหมด
“เจ้ารู้ความผิดแล้ว!” ใบหน้าบนท้องฟ้าเผยเจตนาฆ่าในดวงตา แล้วเอ่ยออกมา
“ปวดหัว!” หวังเป่าเล่อเปล่งเสียงคำรามต่ำอยู่ในปาก ร่างกายสั่นเทิ้ม ดวงตาแผ่ขยายเส้นเลือดในฉับพลัน
“ตามคำสั่งของทวยเทพ บรรดาผู้ที่ตกสู่ทวยเทพจะถูกทำลายทั้งร่างกายและจิตวิญญาณ และจะถูกลบทิ้งไป…” ยักษ์บนท้องฟ้าส่ายหัว เสียงของเขาดังก้อง แต่ก่อนที่คำพูดของเขาจะจบ จู่ๆ หวังเป่าเล่อที่อยู่บนพื้นโลกก็เงยหน้าขึ้น นัยน์ตาพลันระเบิดแสงสีแดงออกมา และเสียงคำรามที่ดังยิ่งกว่าฟ้าร้องก็ดังออกมาจากปากของเขา
“หุบปาก! หุบปาก! หุบปาก! ข้าบอกให้หุบปาก!!!” หวังเป่าเล่อคำราม ร่างของเขาทะยานขึ้นทันที ทั้งร่างของเขาราวกับดาวตกพุ่งตรงขึ้นไปบนฟ้า ก่อนจะพุ่งชนยักษ์ที่กำลังยกมือขึ้นมาจับ.Aileen-novel.
ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ฝ่ามือของยักษ์ก็ร่วงลงไป เผยให้เห็นใบหน้าตื่นตกใจและไม่อยากจะเชื่อของยักษ์บนท้องฟ้า หลังจากนั้นในชั่วพริบตา หวังเป่าเล่อก็แปลงร่างเป็นสายรุ้งพุ่งตรงไปที่ปลายฟ้าและชนเข้ากับคิ้วของยักษ์ตนนี้
เสียงดังสะเทือนไปถึงจักรวาล ยักษ์ที่ก่อนหน้านี้ยังสง่างามตัวนั้นกำลังตัวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง ส่วนหัวระเบิดกระจุยกระจาย ร่างกายที่ไร้ศีรษะดูเหมือนจะสูญเสียคุณสมบัติที่จะยืนในจักรวาลไปแล้วจึงร่วงลงมากระแทกพื้นไกลๆ
“ในที่สุด…ก็เงียบ…” พร้อมกับการตายของยักษ์ หวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่บนจักรวาลบ่นพึมพำ แต่ไม่นานก็มีคลื่นแสงกว้างใหญ่แผ่กระจายมาจากที่ไกลๆ ยิ่งกว่านั้นยังมาพร้อมเสียงคำรามโกรธเกรี้ยวดังสะท้อนกลับมาที่จักรวาล
“เจ้าบ้าไปแล้ว!!”
การปรากฏตัวของเสียงนี้ทำให้หัวของ หวังเป่าเล่อปวดขึ้นอีกครั้ง ดวงตาของเขาเผยความบ้าคลั่ง ทันใดนั้นเขาก็รีบตรงไปที่ทิศทางของเสียง ฆ่า…ยังคงดำเนินต่อไปในเศษเสี้ยวความทรงจำ
เศษความทรงจำนี้บ้าคลั่งขึ้นเรื่อยๆ และแต่ละครั้งก็ทำให้เขาปวดหัวมากขึ้น เขาจำไม่ได้มากเกินไป เขาลืมไปมากกว่าครึ่งแล้ว เขาจำได้เพียงการเข่นฆ่า การเข่นฆ่าไม่หยุด เมื่อใดก็ตามที่มีเสียง เขาก็จะไปฆ่ามัน
ไม่รู้ว่าเขาฆ่าไปนานแค่ไหน ฆ่าไปเท่าไร จนกระทั่งเขาเห็นมือข้างหนึ่ง…
มีมือหนึ่งยื่นออกมาจากความว่างเปล่าไปที่คิ้วของเขา กดเบาๆ ตามด้วยน้ำเสียงสงบนิ่งที่คุ้นเคยแต่ก็ดูไม่คุ้นเคย
“คราวหน้าข้าจะเลือกเจ้า!”
เมื่อเขากดลงไป ร่างของหวังเป่าเล่อก็สั่นอย่างรุนแรง และรอยร้าวจากคิ้วของเขาก็แพร่กระจายไปทั่วทั้งตัว จนกระทั่งทั้งร่างเริ่มพังทลายในชั่วพริบตา และในระหว่างการพังทลายนี้ หัวของเขา…ก็ไม่ปวดอีกต่อไป
เมื่อความเจ็บปวดจางหาย ความทรงจำก็หลั่งไหลเข้าสู่สมองอย่างรวดเร็ว เขาเห็นว่าเส้นทางการเข่นฆ่านั้นบางครั้งเขาก็หันไปพูดกับด้านที่ว่างเปล่า และเขาเห็นตัวเองนั่งอยู่ในวิหารเทพบนโลกที่เต็มไปด้วยซากศพและก้มลงพูดกับเท้าตัวเอง
ใต้เท้าของเขาไม่มีแหล่งกำเนิดแสงในความทรงจำ ตรงนั้น…ไม่มีอะไรเลย
ต่อมาเขาเห็นตัวเองนั่งอยู่บนไหล่ของยักษ์ในตอนแรกสุด ตอนนั้น ร่างกายของเขายังเล็กอยู่ เมื่อยักษ์ยกแหล่งกำเนิดแสงให้สูงขึ้น เขาก็เงยหน้าขึ้นจ้องมองไปที่แหล่งกำเนิดแสง
และน้องชายในความทรงจำของเขาคนนั้นที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งของไหล่ยักษ์ ที่แท้แล้วไม่มีร่างนี้มาตั้งแต่ต้น!
“ข้าเป็นบ้าไปแล้วหรือ…” หวังเป่าเล่อพึมพำ ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้าเขากลายเป็นสีดำสนิท และเมื่อเขาลืมตาขึ้นอีกครั้งในเวลาต่อมา เขาก็มานั่งอยู่ในพื้นที่โล่งกว้างกว่า 10 จั้ง บริเวณรอบนอกกว่า 10 จั้งนี้เต็มไปด้วยหมอกสีขาวไร้ที่สิ้นสุด…
เขามองดูหมอกตรงหน้าอย่างว่างเปล่า แล้วก้มหน้าลงช้าๆ ความทรงจำในหัวกระจัดกระจาย เขาจำไม่ได้ว่าตนเป็นใคร และจำไม่ได้ว่าที่นี่คือที่ไหน กระทั่งผ่านไปเนิ่นนาน…หน้าอกของเขาค่อยๆ กระเพื่อมขึ้นลงและในที่สุดเมื่อมันรุนแรงหาใดเปรียบ ดวงตาก็เผยความดิ้นรนต่อสู้
หลังจากหายใจไม่กี่ครั้ง หวังเป่าเล่อก็เงยหน้าขึ้นอย่างดุดันราวกับเสียงของกระจกที่แตกสลาย ในขณะที่ในหัวสะท้อนไปมา ดวงตาของเขาก็เผยความชัดเจนในที่สุด
“ข้าคือ…หวังเป่าเล่อ!”
ทันทีที่ประโยคนี้ดังขึ้น พลังแห่งชีวิตที่ดูเหมือนจะหลับใหลอยู่ในร่างกายของเขาก็พลันระเบิดออกทันที และไข่มุกที่เหล่าผู้ศักดิ์สิทธิ์บนสวรรค์มอบให้ก็ระเบิดพลังชีวิตอันน่าอัศจรรย์ออกมา แพร่กระจายไปในร่างกายของเขาอย่างดุเดือด มันถูกเขาดูดซับอย่างต่อเนื่อง
ร่างกายของเขาควบแน่นและแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ พลังปราณที่รวมตัวกันก็เพิ่มขึ้นอย่างมาก
แต่เห็นได้ชัดว่าทุกสิ่งในชาติก่อนไม่สามารถนำออกมาได้แม้จะใช้ไข่มุกช่วยก็ตาม พลังที่รวบรวมในร่างกายหวังเป่าเล่อ ขณะนี้เป็นเพียงหนึ่งในหมื่นชาติเท่านั้น
แต่ถึงกระนั้นก็ยังทำให้ร่างกายของเขาเข้าใกล้ระดับดารานิรันดร์แล้ว!
แต่นี่ไม่ใช่กำไรที่ใหญ่ที่สุดของเขา กำไรที่ใหญ่ที่สุดของเขาคือประสบการณ์การต่อสู้นับไม่ถ้วนที่เขาได้รับหลังจากได้รับรู้ชีวิตในชาติก่อนรวมถึงความเชี่ยวชาญต่อกฎแห่งจักรวาลก่อนหน้า แม้ว่ามันจะแตกต่างจากปัจจุบัน แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็จะสามารถเข้าใจสิ่งใหม่ได้โดยการเปรียบเทียบกับสิ่งเก่า นอกจากนี้ยังมี…ความทรงจำของสัญชาตญาณเกี่ยวกับร่างกายของเขาจากชาติที่แล้ว!
ทุกการเคลื่อนไหวคือความทรงจำจากการเข่นฆ่าทางร่างกายเหมือนกับขุนศึกเทพ
หวังเป่าเล่อในตอนนี้อาจจะดูเหมือนฐานการฝึกฝนเพิ่มขึ้นไม่มากและยังคงเป็นดาวพระเคราะห์ชั้นกลาง ทว่าพลังทำลายล้างของเขานั้น…เพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่า!
“มือนั่น…ประโยคนั่น หมายความว่าอย่างไรกันแน่!” แต่สำหรับหวังเป่าเล่อ การพัฒนาพลังต่อสู้ไม่ใช่สิ่งที่เขาสนใจในตอนนี้ เขาสนใจแค่มือนั้นเท่านั้น รวมถึง…ประโยคนั้นด้วย!
……………………………………………………