หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1072 ข้าขอพร!
“ไม่สิ ในโลกนี้หากมีผู้เรียนรู้จันทร์คล้อยและคืนพินาศได้จริง เช่นนั้นต้องเป็นข้าหวังอีอีอย่างแน่นอน!” นอกท้องฟ้า หวังอีอีไม่ละความพยายาม ท้ายที่สุดแววตาเผยความแน่วแน่ กัดฟันแน่น
“พรุ่งนี้ข้าจะฝึกต่อ!”
กล่าวพลาง นางก็วางฝาครอบในมือลงบนท้องฟ้าในโลกที่หวังเป่าเล่ออยู่อีกครั้ง ทั้งโลกเข้าสู่ความมืดทันที เสียงผ่อนลมหายใจดังตามมาพร้อมกับความมืดที่แผ่ออกไปอย่างรวดเร็ว
“ในที่สุดแม่มดก็ไปแล้ว!”
“น่ากลัวเกินไปแล้ว น่ากลัวเกินไปแล้ว ข้าต้องบันทึกเรื่องนี้ลงไป มันแย่มาก แย่มาก ข้าอยากจะบันทึกเหตุการณ์นี้ วันใดวันหนึ่งแม่มดของตระกูลกินเห็ดจุติบนโลก นางก็จะกินพี่น้องเรานับไม่ถ้วนภายในพริบตา”
“ไม่เป็นไร ข้ามีลางสังหรณ์ ตระกูลของเราจะต้องปรากฏวีรบุรุษที่จะสืบทอดเทพเซียน ต่อจากพระเจ้าเป็นแน่ แต่งงานกับแม่มด และไปสู่จุดสุดยอดของชีวิตเห็ด!”
“ฮ่าๆ เรื่องนี้จะดีหรือ แต่ในเมื่อทุกคนคิดว่าข้าทำได้ ข้าเสี่ยวหวงจะพยายามดูหน่อย!” เวลานี้เห็ดเฉินหานก็หัวเราะร่าขึ้นมา เพียงแต่มีเห็ดมากมายที่กล่าวเช่นเดียวกับเขา ดังนั้นในไม่ช้า…เห็ดกลุ่มนี้ก็เริ่มโต้เถียงกัน ว่าผู้ใดจะสามารถเป็นวีรบุรุษได้
หวังเป่าเล่อเวลานี้ไม่ได้สนใจเฉินหาน เขาสูญเสียการรับรู้ต่อโลกภายนอก หมกมุ่นอยู่ในสัมผัสกฎกาลเวลา
แม้ความผันผวนรอบตัวจะอ่อนลง แต่ก็ไม่ได้สลายไปอีกเป็นเวลานาน การรับรู้ของเขายังคงเกิดขึ้นตลอดเวลา เพียงแต่ว่า…เมื่อหวังอีอีไปแล้ว จึงไม่สามารถสำรวจที่มาได้ ไร้ซึ่งความคืบหน้าเช่นเดียวกับก่อนหน้านั้น
กฎแห่งการสลักผนึกดาวเคราะห์เต๋า แม้จะมีประโยชน์อยู่บ้าง แต่เมื่อเผชิญเข้ากับกฎกาลเวลา ดูเหมือนว่าจะเป็นเรื่องยากที่จะสลักผนึกทั้งหมดตามปกติได้อย่างแต่ก่อน
ผ่านไปครู่หนึ่ง หลังจากหวังเป่าเล่อจบสิ้นการรับรู้ เขาก็เฝ้ารอคอยอีกครั้ง รอคอยการปรากฏตัวของแม่นางน้อย
ทว่าการเฝ้าคอยครั้งนี้…กลับเนิ่นนานนัก ราวกับหวังอีอีลืมเลือนการฝึกฝน จนกระทั่งเฉินหานและเห็ดที่อยู่รอบด้าน เริ่มเหี่ยวเฉาและตายจากไป กระทั่งเห็ดผุดดอกยืนต้นใหม่แล้ว หวังอีอีก็ยังไม่มา
เฉินหานนั้น หวังเป่าเล่อไม่รู้ว่าชะตากรรมเดิมทีของเขาเป็นเช่นไร ทว่าเขาในตอนนี้ ราวกับอยู่ภายใต้อิทธิพลกฎกาลเวลาของตน ร่างกายกลับไม่ร่วงโรยเหมือนเช่นเห็ดดอกอื่นๆ
สิ่งนี้ทำให้อารมณ์ของหวังเป่าเล่อสับสนอย่างรุนแรง เพราะหากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาจริง ก็แสดงให้เห็นชัดว่า…กฎกาลเวลาสามารถแก้ไขเรื่องที่เกิดขึ้นในชาติก่อนได้!
เขาไม่รู้ว่ามันหมายถึงอะไร และเขาก็ไม่เข้าใจความหมายโดยนัยของมันมากนัก แต่หวังเป่าเล่อเข้าใจสิ่งหนึ่ง… นี่อาจเป็นพลังที่สามารถเคลื่อนย้ายทั้งพิภพ
เมื่อเข้าใจกระจ่าง หวังเป่าเล่อก็ยิ่งตั้งตารอการปรากฏตัวของหวังอีอีอีกรอบ กระทั่งเห็ดที่อยู่ข้างกายเฉินหาน เห็ดรุ่นเหลนเติบโตขึ้น ในที่สุดหวังอีอีที่หวังเป่าเล่อตั้งตารอก็มาถึง
ทางด้านเฉินหาน เมื่อชื่อเสียงความเป็นอมตะของเขาขจรขจายออกไป ก็กลายเป็นลูกพี่เห็ดที่รู้จักกันดีในละแวกนั้น กระทั่งถูกยกย่องให้เป็นวีรบุรุษ แม้แต่ตัวเขาเองก็คิดเช่นนั้น…
แน่นอนว่าสิ่งนี้เกี่ยวข้องกับเสียงกระซิบที่มักจะก้องอยู่ภายในใจ ดังนั้นเมื่อท้องฟ้าถูกยกขึ้นอีกครั้งในวันนี้ แม้เฉินหานจะไม่ขยับเขยื้อน แต่ด้วยสัญชาตญาณกลับลืมตาขึ้นมองไปทางท้องฟ้า
หวังเป่าเล่อรีบใช้จังหวะนี้มองภาพหวังอีอีผ่านสายตาเฉินหานทันที!
หากแต่หวังอีอีในวันนี้ ไม่ได้ฝึกฝนกฎแห่งจันทร์คล้อย ทว่าดวงตาแดงก่ำนั้นกลับมองนิ่งมาทางโลกดอกเห็ดด้านล่าง ครู่ต่อมา นางก็ส่งเสียงพึมพำเบาๆ
“ไม่กี่วันก่อนมีท่านอาที่ดุร้ายมากมาที่นี่ เขาทะเลาะกับท่านพ่อของข้า ข้าแอบได้ยินว่าเขาอาจจะไม่เข้าใจการกระทำของท่านพ่อ…”
“เขาต้องการจะสังหารพวกเจ้า…”
“แต่พวกเจ้าวางใจ ท่านพ่อตีจนเขาหนีไปแล้ว ข้าจะปกป้องพวกเจ้าเอง!” หวังอีอีกัดฟันเมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ก่อนจะหันร่างเดินไปยังที่ที่นางวางของเล่นเหล่านั้นเอาไว้ ท่าทางราวกับกำลังมองหาบางอย่าง
เวลานี้ภายในใจของหวังเป่าเล่อกลับสั่นสะท้าน เห็ดดอกอื่นอาจไม่เข้าใจ และไม่แน่ว่าถูกลบความทรงจำออกไปด้วย ดังนั้นจะได้ยินหรือไม่นั้น ก็ไร้ความหมาย.Aileen-novel.
ทว่าเขากลับแตกต่าง หลังจากได้ยินคำพูดของหวังอีอี จิตใจของหวังเป่าเล่อก็สั่นสะท้าน จากวาจาของนาง เขาเข้าใจความหมายที่แฝงอยู่ชัดเจน นี่ขัดแย้งกับการตัดสินใจของเขาในตอนแรก
“มันเกิดอะไรขึ้นในชาตินี้!” ภายในใจของหวังเป่าเล่อสั่นไหว หวังอีอีดูเหมือนจะพบสิ่งที่ต้องการแล้ว นางเดินกลับมาอีกครั้ง ในมือน้อยๆ ถือขวดใบเล็กเอาไว้
หวังเป่าเล่อเฝ้ามองหวังอีอีอยู่ตลอดเวลา ขณะที่มองไปด้วยความสงสัย ใจก็โลดแล่นขึ้นในทันที
“นี่มัน …” เขาตะโกนก้องอยู่ในใจ เพราะคุ้นตากับขวดนี้มาก แต่การปรากฏตัวของมันกลับช่างน่าตื่นตะลึง แม้หวังเป่าเล่อจะนึกออกในทันที แต่เขาก็ยังไม่อยากเชื่อ
เพราะขวดใบเล็กใบนี้… เวลานี้ก็อยู่ในกระเป๋าคลังเก็บบนชั้นกายเนื้อของเขาเช่นกัน มันคือ…ขวดปรารถนา!
ขณะที่ยังคงตกตะลึงนั่นเอง หวังอีอีที่ถือขวดปรารถนาอยู่นั้น สายตาพลันฉายแววมุ่งมั่น ดูเหมือนว่าได้ตัดสินใจบางอย่างแล้ว
“นี่คือของขวัญที่ท่านอารูปงามมอบให้ข้า เวลานั้นท่านอาบอกข้าว่า ข้าสามารถใช้มันขอพรได้ เพราะฉะนั้นข้าจะขอพร…ขอให้พวกเจ้าต่างอยู่ดี ไม่มีผู้ใดสามารถทำร้ายพวกเจ้าได้!” กล่าวพลาง หวังอีอีก็ยกมือขึ้น!
นางโยนขวดปรารถนาในมือเข้ามา!
ท้องฟ้าเปิดออก กลิ่นอายของโลกภายนอกบรรจบเข้ามาด้านในทันที ทำให้ทั้งผืนดืนสั่นสะเทือน เวลานี้ขวดปรารถนาที่โยนเข้ามาหดเล็กลงอย่างรวดเร็ว สุดท้ายกลายเป็นสายรุ้งดิ่งลงบนโลก
สำหรับหวังเป่าเล่อ แม้เขาจะได้รับรู้มากขึ้นแล้ว แต่จิตใจยังคงผันผวนไม่หยุด กลับแรงขึ้นเรื่อยๆ ทว่าในตอนที่ท้องฟ้าเปิดออก ยามกลิ่นอายภายนอกบรรจบเข้ามา จิตสำนึกที่ต้องการพุ่งออกไปยังช่องว่างนั้นก็เกิดขึ้นโดยสัญชาตญาณ เขาต้องการไปชมโลกภายนอก
แต่… เรื่องไม่เป็นอย่างที่คิด ขณะที่หวังเป่าเล่อคิดจะพุ่งออกไปนั้น เฉินหานที่เขาอาศัยร่างอยู่ เวลานี้ก็แหงนหน้าขึ้นเช่นกัน เจ้าหมอนี่ไม่รู้คิดสิ่งใด ราวกับสมองถูกล้างจนหมดสิ้น ยามนี้คิดว่าตนเป็นวีรบุรุษโดยแท้จริง ดังนั้นหลังจากแหงนหน้าขึ้น เขาก็ส่งเสียงคำราม
“แม่มด แต่งงานกับข้าเถอะ ข้าคือวีรบุรุษของตระกูลเห็ด ถูกลิขิตให้แต่งกับแม่มด เพื่อสืบทอดเทพเซียน ไปสู่จุดสุดยอดของชีวิตเห็ด…”
เสียงนี้ ทำให้เห็ดรอบด้านทั้งหมดพลันตื่นเต้นขึ้นมา หวังเป่าเล่อเองก็ตกตะลึง ส่วนหวังอีอีที่อยู่นอกท้องฟ้า งงงันไปชั่วขณะ นางมองไปทางเฉินหานด้วยสายตาโง่งม
ไม่รอการตอบสนองใด ทันใดนั้นเอง… บิดาที่อยู่ข้างกายหวังอีอี ชายวัยกลางคนผมขาวผู้นั้น คาดว่าคงสังเกตเห็นขวดปรารถนา รวมทั้งความผันผวนของโลกที่ถูกเปิดออก จึงปรากฏตัวขึ้นทันที
เขาเห็นขวดปรารถนาที่ถูกโยนเข้ามาในโลก และเฉินหานที่เวลานี้ยังคงคำรามไม่หยุด และยังเห็น…หวังเป่าเล่อที่หลบซ่อนอยู่ในร่างของเฉินหานอีกด้วย
“เป็นเจ้าอีกแล้ว!” จังหวะนั้นเอง พลังไร้รูปวูบหนึ่ง รวมตัวกันจากรอบด้านทันที ราวกับลมที่สามารถลบล้างสรรพสิ่ง มุ่งตรงมาทางหวังเป่าเล่อ
หวังเป่าเล่อรู้สึกว่าหากเวลานี้ตนมีหนังศีรษะแล้วล่ะก็ มันคงระเบิดออกไปแล้ว วิกฤตเป็นตายรุนแรงทำให้สติสัมปชัญญะทั้งหมดพังทลาย เวลานั้นหวังเป่าเล่อไม่รู้ว่าควรทำเช่นไร ใช้จิตสำนึกสุดท้าย ส่งดวงจิตเทพออกไป
“ตื่นเถิด…
ผู้ถูกจองจำในที่แห่งสวรรค์ สรรพชีวิตย่อมต้องเผชิญภัยพิบัตินับไม่ถ้วนเป็นสรณะ…
เพียงความคิดเดียวเท่านั้นก็จะปลดปล่อยเจ้าจากคุกจองจำอันล้ำลึกนี้ได้…
จงน้อมตนสู่เส้นทางแห่งเต๋า!”
มันคือบทสวดแห่งเต๋า!
ขณะที่บทสวดแห่งเต๋าแผ่กระจายออกมา สายลมที่อยู่รอบด้านหวังเป่าเล่อลบล้างทุกสรรพสิ่ง หยุดลงในทันที ด้วยความช่วยเหลือของพลังนี้ หวังเป่าเล่อที่รอดจากความตายอย่างหวุดหวิดตัดขาดการเชื่อมต่อกับเฉินหานโดยไม่ลังเล ในพริบตา…เขาที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนดาวชะตาท่ามกลางไอหมอกสีขาว ร่างก็สั่นเทา พลันลืมตาตื่นขึ้น
หวังเป่าเล่อกระอักเลือด เวลานี้ฐานการฝึกตนในร่างของเขากำลังจะพังทลาย แม้แต่ร่างกายก็เริ่มแตกออก ดูเหมือนว่าแขนขาและแม้แต่อวัยวะทั้งหมดในร่าง ต่างก็มีจิตสำนึกของตัวเอง และต้องการที่จะแยกออกจากร่างไป!
ก้อนเนื้อจำนวนมาก ยืดออกมาจากร่างกายอย่างไม่อาจควบคุมได้!
เลือดที่ไหลทะลัก เวลานี้กลายเป็นคนตัวเล็กๆ กำลังวิ่งไปรอบๆ
หวังเป่าเล่อเพิ่งเคยประสบเรื่องเช่นนี้เป็นคราวแรก แต่เขาเข้าใจดีว่า สุดท้ายแล้วชายวัยกลางคนผมขาวไม่ได้ลงมือ เพียงแต่ตนเองถูกเขากวาดข้ามผ่านกาลเวลาที่ปิดกั้นเท่านั้น
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ตัวเขาก็ไม่สามารถทนรับไหว เห็นได้ชัดว่าโอสถบำรุงไม่อาจแก้ไขปัญหาของตนได้ เมื่อเห็นว่าร่างกายกำลังจะแหลกสลายจนหมดสิ้น หวังเป่าเล่อจึงรีบหยิบขวดปรารถนาออกมาโดยไม่ลังเล
“ข้าขอพร ขอให้อาการบาดเจ็บหายไปเป็นปลิดทิ้ง!” หวังเป่าเล่อฝืนใช้สติในเฮือกสุดท้ายยับยั้งร่างที่กำลังจะแยกจากกันของตน คำรามเสียงต่ำออกมาทันที
………………