หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1089 เลือกปฏิบัติ!
เงาของพวกเขาทั้งห้ารวดเร็วและชัดเจนท่ามกลางความคลุมเครือ ทำให้คนจำนวนไม่น้อยมองเห็นตัวตนของพวกเขาได้อย่างแจ่มชัด
“คือพวกเขา!”
“นายน้อยลำดับเก้าผู้สืบทอดราชันเทวะไกก้า…บุคคลผู้นี้เป็นคนเย่อหยิ่งเกินกว่าหาสิ่งใดเปรียบ ทั้งยังเป็นคนที่ยึดแสงแห่งการดึงของข้าไป น่ารังเกียจ แต่เขาแข็งแกร่งนัก จึงเห็นข้าเป็นดั่งมด และทำให้ข้าจนปัญญา!”
“ซิงจิงจื่อ…บุคคลผู้นี้ก็โหดเหี้ยมมาก คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะประสบความสำเร็จ!”
“หวังเป่าเล่อผู้นั้นก็อยู่ในนั้นด้วย!”
เสียงอึกทึกดังขึ้น ตามมาติดๆ ด้วยตัวตนของทั้งห้าที่กลายเป็นความชัดเจน ก่อนจะกระจายทั่วจตุรทิศอย่างฉับพลัน ก่อตัวเป็นคลื่นเสียงที่แพร่กระจายออกไป
ในบรรดาห้าคนของหลังคาสวรรค์ มีนายน้อยลำดับเก้าผู้สืบทอดราชันเทวะไกก้า เซียนลำดับเจ็ดแห่งเต๋าเก้ารัฐ นอกจากพวกเขาทั้งสองคนแล้ว อีกสามคนที่เหลือก็นับว่าเป็นผู้มีชื่อเสียง แต่ก็อาจจะด้อยกว่าเพียงเล็กน้อย ในบรรดาพวกเขาเหล่านั้นหวังเป่าเล่อก็มีความสะดุดตาไม่แพ้กัน ทว่าภายในใจของทุกคน ต่างคิดว่าถึงอย่างไรก็คงสู้นายน้อยลำดับเก้าผู้นั้นไม่ได้ มากสุดก็คงเทียบเคียงได้กับเซียนลำดับเจ็ดแห่งเต๋าเก้ารัฐ
ส่วนสองคนสุดท้าย คนหนึ่งหวังเป่าเล่อเคยเสวนาด้วยที่สุสานดวงดารา ซิงจิงจื่อผู้มีวิญญาณชั่วร้ายทั่วทั้งร่างกาย ทั้งยังแบกกระบี่เล่มโตไว้ด้านหลัง ส่วนอีกคนหนึ่ง…เซี่ยไห่หยาง!
การปรากฏตัวของพวกเขาในเวลานี้ ทำให้ผู้รับใช้เฒ่าที่ยืนอยู่ข้างๆ ประมุขกฎสวรรค์ที่อยู่ในเกาะว่างเปล่าบนปล่องภูเขาไฟเปล่งเสียงพูด เหล่าผู้ฝึกตนทั้งหมดที่อยู่บนตัวของอสูรดึกดำบรรพ์ทั้งสามสิบเก้าตัวที่อยู่รอบๆ ปล่องภูเขาไฟ จ้องมองด้วยสายตาแฝงความอิจฉา ริษยา เคียดแค้นและสับสน สามารถระลึกได้ถึงสิบชาติ ย่อมได้รับโอกาสและโชค ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทุกคนจะรู้สึกอิจฉา ส่วนตัวเองที่ยังไม่พร้อมก็ทำได้เพียงแค่มองผู้อื่นได้รับคุณสมบัติ ดังนั้นความอิจฉาจึงเป็นสิ่งที่เข้าใจได้
ส่วนความเคียดแค้น…แท้จริงแล้วในกลุ่มผู้ฝึกตนจำนวนหลักแสนคนนี้ ไม่มีทางที่จะมีแค่ห้าคนที่ระลึกถึงชาติที่สิบ เพียงแต่ในการทดลองมีผู้คนจำนวนมากที่ยึดแสงแห่งการดึงไป จึงต้องล้มเลิกการทดสอบ ดังนั้นเมื่อได้เห็นทั้งห้าคนนี้ ความเคียดแค้นย่อมปะทุออกมา
บนหลังคาสวรรค์ ทั้งห้าคนถูกสายตานับไม่ถ้วนจ้องมองมา นายน้อยลำดับเก้าผู้สืบทอดราชันเทวะไกก้าคือผู้ที่มีความแพรวพราวมากที่สุด เขาในฐานะที่เป็นคนของตระกูลไม่รู้สิ้น ย่อมเหนือกว่าคนอื่นๆ หนึ่งระดับ ประกอบกับอาจารย์นามต้องห้าม จึงทำให้ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ใดก็กลายเป็นจุดสนใจ และดึงดูดสายตาจากผู้อื่น
ส่วนคนอื่นๆ นอกจากเซียนลำดับเจ็ดแห่งเต๋าเก้ารัฐและหวังเป่าเล่อที่สามารถแย่งชิงความเจิดจรัสอย่างไม่เต็มใจ สำหรับผู้ฝึกตนคนอื่นๆ พวกเขาทั้งสองต่างก็ไม่ได้มีพลังมากพอที่จะอยู่เหนือกว่านายน้อยลำดับเก้าผู้สืบทอดราชันเทวะไกก้าได้
ทั้งหมดนี้ดูเหมือนจะใช้เวลานาน แต่แท้จริงแล้วกลับรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง ฉากที่ทุกคนไม่คาดคิดปรากฏขึ้นอย่างฉับพลัน เมื่อร่างของทั้งห้าเกิดความกระจ่างชัด และได้สติกลับคืนมาต่างก็ได้เห็นใบหน้าของกันและกัน ยามนั้น…ก็ได้เห็นบุคคลผู้นั้นที่ดูคล้ายกับผู้นำอัจฉริยะ แม้แต่นายน้อยลำดับเก้าผู้สืบทอดราชันเทวะไกก้าซึ่งมีความหยิ่งผยองก็หน้าเปลี่ยนสีอย่างฉับพลัน!
เขาพบว่าตนเองยืนอยู่ข้างๆ หวังเป่าเล่อ และหวังเป่าเล่อก็กำลังหัวเราะเขา
“…” สิ่งที่เห็นนี้ทำให้เขาเกิดอาการใจสั่นสะท้าน จนเกือบปริปากก่นด่าออกมา แท้จริงแล้วความแข็งแกร่งของหวังเป่าเล่อก็ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก เขายังไม่ลืมว่าในตอนนั้นทุกคนต่างพากันหลบหนี เพราะไม่อยากเจอฉากที่ถูกหวังเป่าเล่อจ้องมอง ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าหนังศีรษะแทบจะระเบิด สีหน้าก็เปลี่ยนไปขณะถอยห่างออกจากหวังเป่าเล่อตามสัญชาตญาณ
เซียนเต๋าลำดับเจ็ดก็เป็นอีกคนที่หน้าถอดสีอย่างเห็นได้ชัด เขาถอยหลังออกไปภายในพริบตาเดียวเพื่อออกห่างจากหวังเป่าเล่อ ราวกับว่านี่เป็นวิธีเดียวที่จะทำให้เขารู้สึกปลอดภัย
แม้ว่าซิงจิงจื่อและเซี่ยไห่หยางจะไม่ได้เคลื่อนไหวใดๆ แต่การกระทำและสีหน้าของนายน้อยลำดับเก้าผู้สืบทอดราชันเทวะไกก้าและเซียนเต๋าลำดับเจ็ด ทำให้ผู้ฝึกตนจำนวนนับแสนที่อยู่ด้านล่างตะลึงงัน
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ข้าไม่ได้ตาฝาดไปใช่ไหม นายน้อยลำดับเก้าผู้สืบทอดราชันเทวะไกก้าและเซียนเต๋าลำดับเจ็ด กำลังหลบหลีกหวังเป่าเล่อ?”
“หรือว่าพวกเขาจะเสียเปรียบหลังจากประมือกับหวังเป่าเล่อตอนที่อยู่ด้านใน?”
ตอนที่ทุกคนเริ่มเกิดความสงสัย หวังเป่าเล่อพลันหรี่ตาลง เห็นได้ชัดว่านายน้อยลำดับเก้าผู้สืบทอดราชันเทวะไกก้าและเซียนเต๋าลำดับเจ็ดต่างก็กำลังประหม่า สำหรับการระลึกถึงชาติที่สิบของพวกเขาทั้งสอง หวังเป่าเล่อไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเรื่องเหนือความคาดหมาย ส่วนซิงจิงจื่อก็ไม่ธรรมดา ดังนั้นจึงเป็นไปตามคาดเช่นกัน แต่ทางฝั่งเซี่ยไห่หยาง หวังเป่าเล่อกลับคิดไม่ถึง
หลังจากหันไปพยักหน้าให้เซี่ยไห่หยางและซิงจิงจื่อเพื่อส่งสัญญาณแล้ว หวังเป่าเล่อพลันหมุนตัวและเดินไปทางฝั่งนายน้อยลำดับเก้าผู้สืบทอดราชันเทวะไกก้าขณะหรี่ตาลง
การก้าวเดินของเขาไม่ได้รวดเร็ว แต่กลับทำให้สีหน้าของผู้สืบทอดราชันเทวะไกก้าเปลี่ยนไป เขาถอยหลังออกไปอีกครั้งพร้อมกับเปล่งเสียงคำรามทุ้มต่ำออกมา
“หวังเป่าเล่อ…”
ยังไม่ทันที่อีกฝ่ายจะพูดจบประโยค หวังเป่าเล่อที่แม้ว่าจะดูเหมือนย่างก้าวอย่างเชื่องช้า แต่การก้าวเดินของเขาเพียงไม่กี่ก้าว กลับคล้ายก้าวข้ามความว่างเปล่า บัดนี้ร่างของเขาได้ปรากฏขึ้นตรงหน้าของนายน้อยลำดับเก้าผู้สืบทอดราชันเทวะไกก้าแล้ว
ในเวลาเดียวกัน ผู้รับใช้เฒ่าผู้นั้นที่ยืนอยู่ข้างกายประมุขกฎสวรรค์พลันขมวดคิ้ว ครั้นกำลังจะเข้าไปห้าม จู่ๆ ก็มีเสียงกระแอมเบาๆ ของประมุขกฎสวรรค์ดังขึ้นจากทางด้านหลัง
เมื่อได้ยินเสียงกระแอมนี้ ผู้รับใช้เฒ่าที่บ่มเพาะจักรพิภพพลันก้มหน้าลง และไม่คิดจะเข้าไปห้ามอีก
ไม่มีใครหยุดได้ ไม่ว่านายน้อยลำดับเก้าจะคำรามอย่างไร หรือพยายามจะต่อต้านด้วยวิธีไหน ก็ไม่อาจช่วยอะไรได้ ครั้นหวังเป่าเล่อปรากฏตัวขึ้น เขาจึงกำหมัดขวาและซัดออกไปโดยตรง!
หมัดนี้ดูธรรมดาไร้ความพิเศษ ทว่ากลับเต็มเปี่ยมด้วยพลังสะท้านโลกา เสียงดังสะเทือนทั่วท้องนภาและผืนปฐพี ระลอกคลื่นแหวกความว่างเปล่าจนเกิดการฉีกขาด ประหนึ่งพายุที่กวาดล้างทุกสรรพสิ่ง พลังงานหลอมรวมเข้าด้วยกันตรงหน้าของนายน้อยลำดับเก้าผู้สืบทอดราชันเทวะไกก้าผู้นี้ก่อนจะระเบิดออก
เสียงกัมปนาทดังสนั่นหวั่นไหว นายน้อยลำดับเก้าผู้นั้นเดิมทีไม่ได้มีพลังที่จะต่อต้านแม้เพียงครึ่งหนึ่ง ดังนั้นการต้านทานทั้งหมดจึงคล้ายกับกระดาษที่ถูกหมัดของหวังเป่าเล่อทำลาย หลังจากถูกหมัดปะทะเข้าใส่ ร่างของอีกฝ่ายพลันเกิดการสั่นสะเทือนอย่างหนัก ทั้งยังกระอักเลือดออกมา เขาถอยหลังออกไปไกลถึงร้อยจั้งก่อนจะกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง เส้นใยกฎจำนวนมากที่อยู่บนร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลง นี่ไม่ใช่กฎของเขา แต่เป็นสิ่งที่มาจากด้านในหมัดของหวังเป่าเล่อที่อัดแน่นด้วยพลังแห่งเก้ากฎ
เส้นใยกฎเหล่านี้ก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างแล้ว มันหมุนเวียนอยู่ที่ภายในและภายนอกร่างกายของเขาไม่หยุด ทำให้อาการบาดเจ็บรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่รากฐานดาวเคราะห์ก็เกิดการสั่นคลอน ดาวเคราะห์ทั้งหมดที่เขามีริบหรี่ลงอย่างรวดเร็ว และเกิดเป็นรอยแตกหลายสาย
สิ่งนี้ทำให้นายน้อยลำดับเก้าใจสั่นสะท้าน ใบหน้าขาวโพลนเกินกว่าจะหาสิ่งใดเทียบเทียม นัยน์ตานั้นไม่อาจปกปิดความหวาดกลัวได้ แต่ก็ไม่อาจระงับความโกรธที่ระเบิดออกมาขณะแผดเสียงคำรามออกมาได้เช่นกัน
“เจ้า…”
“หมัดนี้ สำหรับเจ้าที่ลอบโจมตีข้าขณะทดสอบ ดังนั้นนี่เป็นสิ่งที่เจ้าต้องจ่าย และข้าจะพูดอีกหนึ่งประโยค วันนี้…ข้าจะฆ่าเจ้าซะ!” หวังเป่าเล่อเปล่งเสียงเรียบเฉย ดวงตาเย็นยะเยือกคู่นั้นจ้องมองไปยังนายน้อยลำดับเก้า นายน้อยลำดับเก้าราชันเทวะไกก้าที่ถูกจ้องมองรู้สึกราวกับมีน้ำเย็นสาดลงบนศีรษะ ยามนั้นร่างกายของเขาพลันสั่นระริก เมื่อรู้สึกได้ถึงแรงสังหารจึงรีบสงบปากสงบคำโดยพลัน
หวังเป่าเล่อไม่ได้สนใจนายน้อยลำดับเก้าผู้สืบทอดราชันเทวะไกก้าผู้นี้อีกต่อไป เขาหันกลับไปมองเซียนลำดับเจ็ดแห่งเต๋าเก้ารัฐ
เซียนเต๋าผู้นี้เป็นคนเด็ดเดี่ยว หลังจากเห็นหวังเป่าเล่อลงมือเช่นนี้ เขาจึงมั่นใจได้ว่าตนเองไม่อาจหลบหลีกได้อีกต่อไป และคงเป็นเรื่องยากที่จะต่อต้าน ดังนั้นจึงยกมือขึ้นมาทุบหน้าอกตัวเองแรงๆ จนเกิดเสียงดังแกรก ราวกับกระดูกแตกหัก อาการบาดเจ็บดูไม่น้อย เขากระอักเลือดออกมาไม่หยุด แต่กลับเงยหน้ามองหวังเป่าเล่อราวกับไม่ใส่ใจ
“ก่อนหน้านี้ถูกคนสะกดจิตใจ จึงกระทำความผิดไปมากมาย หวังว่าสหายเต๋าจะให้อภัย!”
อาการบาดเจ็บของเขารุนแรงไม่น้อย แต่ในความเป็นจริงกลับไม่โดนรากฐานใดๆ โอสถเพียงพอที่จะทำให้ฟื้นฟูกลับมาได้ นี่คือความชาญฉลาดของเขา เพราะเขารู้ดีว่า หากหวังเป่าเล่อลงมือ มีโอกาสแปดถึงเก้าส่วนที่ดาวพระเคราะห์จะแตกสลาย หากเป็นเช่นนั้น ต่อให้เป็นโอสถก็ไม่อาจฟื้นฟูได้ง่ายๆ
เมื่อเห็นว่าเซียนลำดับเจ็ดแห่งเต๋าเก้ารัฐมีความเด็ดขาดถึงขั้นนี้ หวังเป่าเล่อพลันหรี่ตาลง หลังจากสบตากับอีกฝ่ายอย่างล้ำลึก จึงดึงสายตากลับมา และมองไปยังเหล่าผู้ฝึกตนนับไม่ถ้วนที่อยู่ด้านล่าง พวกเขาต่างแสดงท่าทางตื่นตระหนกออกมาให้เห็น เขาเดินไปยังหมู่เกาะบนปล่องภูเขาไฟ หลังจากขยับเข้าไปใกล้ หวังเป่าเล่อจึงเลือกเดินเข้าไปหน้าโต๊ะหนึ่งในสิบที่ไม่มีเงาภาพ เขาไม่ได้นั่งลงในทันที แต่หมุนตัวไปยังจุดกึ่งกลาง และยกมือขึ้นคารวะประมุขกฎสวรรค์ที่นั่งขัดสมาธิอยู่
“ขอให้รูปลักษณ์ภายนอกของท่านประมุขยังคงเดิมไม่เสื่อมคลาย และมีความสุขเปรมปรีดิ์”
คำอวยพรนี้ทำให้ผู้รับใช้เฒ่าของประมุขกฎสวรรค์ถึงกับขมวดคิ้วอีกครั้ง ตอนที่กำลังจะตำหนิออกไป จู่ๆ ฉากที่ทำให้เขาเกิดอาการตกตะลึงก็ปรากฏขึ้น!
เขาพบว่าประมุขกฎสวรรค์ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ทางนั้น ลุกขึ้นยืนและกำลังคารวะตอบหวังเป่าเล่อ!
ฉากนี้ทำให้ผู้รับใช้เฒ่าผู้นั้นและผู้ฝึกตนทั้งหมดที่ยืนอยู่ทั่วจตุรทิศ รูม่านตาหดเล็กลง!
หวังเป่าเล่อนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ยกมือคารวะตอบกลับ เมื่อได้นั่งลงแล้ว ภาพก็เริ่มเลือนรางและมีแสงอันทรงพลังหนึ่งสายทะยานขึ้นสู่ชั้นเมฆา พร้อมกับแสงที่กระจายฉายออกมาอีกแปดสิบเก้าสาย ในเวลาเดียวกันขณะที่ฉายแสง เซี่ยไห่หยางและซิงจิงจื่อก็ข่มความรู้สึกตกตะลึงภายในใจ และรีบเดินตรงเข้ามาที่โต๊ะของตนเอง ยกมือคารวะกล่าวคำอวยพร
เมื่อแสงสว่างของพวกเขาทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า ศิษย์แห่งเต๋าเก้ารัฐและนายน้อยลำดับเก้าราชันเทวะไกก้าที่ใบหน้าขาวซีด ต่างก็ขยับเดินเข้ามาใกล้อย่างเงียบเชียบ ก่อนจะเลือกตำแหน่งที่นั่งเพื่ออวยพรวันฉลองอายุ
ทว่า…การอวยพรวันฉลองอายุของพวกเขาทั้งสี่ กลับได้รับแค่การพยักหน้าตอบกลับมาด้วยรอยยิ้มจากประมุขกฎสวรรค์ที่นั่งลงอีกครั้ง การปฏิบัติเช่นนี้แตกต่างจากการลุกขึ้นยืนเพื่อตอบรับการคารวะเมื่อสักครู่อย่างสิ้นเชิง!
………………………………