หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1097 ไขปมครั้งแรก!
ทั้งหมดนี้ใช้คำพูดมาอธิบายก็ยังช้าไป แท้จริงแล้ว ทุกสิ่งในภาพเป็นเพียงชั่วขณะหนึ่งของการสอดสลับเท่านั้น
ในตอนที่เขาตัดสินใจจะเฝ้าดูเบาะแสที่ไม่เหมือนเดิมของตัวเองในอนาคต หวังเป่าเล่อก็ได้เตรียมพร้อมแล้ว เขาย่อมรู้ว่าจิตสำนึกของสมุดแห่งโชคชะตาถูกควบคุม และสิ่งที่มาจากอนาคตและเป็นจิตสำนึกของตะขาบสีโลหิต มันมาแล้ว เห็นได้ชัดว่ามาพร้อมกับเป้าหมายอันแข็งกล้า
เมื่อเป็นเช่นนี้ ตนจะเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ความจริงย่อมไม่แตกต่าง สิ่งเดียวที่แตกต่าง…ก็คืออีกฝ่ายมั่นใจเกินไปแล้ว ท่าทางที่ดูเหมือนจะอยู่เหนือทุกสิ่งนั้น นำโชคชะตาของตนเองมาเล่น ก็คือจุดอ่อนเดียวของฝ่ายตรงข้าม
เมื่อจับจุดอ่อนนี้ได้ บางทีอาจสามารถไขปมเรื่องนี้!
แต่หากแก้ไขไม่ได้…ผลที่ตามมาจะเป็นเช่นไร หวังเป่าเล่อไม่อยากจะคิด เวลามีไม่พอ จิตใจของเขาไม่ยินยอมกังวลให้กับความล้มเหลว และการปรากฏของกฎจันทร์ข้างแรม ก็ได้ช่วงชิง…โอกาสชีวิตสายหนึ่งไว้ให้เขา!
ถึงอย่างไร.. นี่มาจากมหาเต๋าของบิดาหวังอีอี ถึงอย่างไร มันไม่ใช่ขีดจำกัดพลังเทพของจักรวาลนี้ และถึงอย่างไร ในการระลึกชาตินี้ หวังเป่าเล่อเคยยืมการรับรู้ของผู้อื่นออกจากโลกมาแล้ว!
ดังนั้นแม้ว่าจันทร์ข้างแรมของเขาไม่อาจเทียบได้กับจันทร์คล้อย แต่ในจักรวาลนี้ เป็นการดำรงอยู่ของพลังเทพเหนือชั้น อันดับสูงสุด ดังนั้นเวลานี้ แม้ว่ามือข้างนั้นจะมีที่มาลึกลับ แต่ก็ยังคงส่งผลกระทบบ้าง
และในช่วงเวลาที่ได้รับผลกระทบ เงาผีดิบที่ปรากฏขึ้นบนร่างของหวังเป่าเล่อ คำรามอักษรแห่งแสงออกมา ทำให้รอบตัวเขาขณะนั้น ถูกครอบคลุมด้วยทะเลแสงอันกว้างใหญ่ทันที แทรกซึมความว่างเปล่ารอบๆ ชะล้างความพร่ามัวทั้งหมด รวมตัวกันเข้าไปเผชิญกับการมาของนิ้ว ปะทะเข้าไป
ดูเหมือนว่ามันจะล้างความมืดมิด ชะล้างทุกสิ่งภายในแสงที่ไร้ที่สิ้นสุดนี้ เพียงแต่ความหมายเต๋าที่แฝงอยู่กับมือ ได้เข้าสู่สภาวะความน่าสะพรึงกลัว ดังนั้นจึงเป็นเพียงความพยายามของชาติผีดิบ แม้ว่าชาตินั้น ได้นำตนเองบรรลุจนกลายเป็นทางแห่งแสงมาทั้งชีวิต แต่ก็ยังคงไม่เท่าที่เป็นอยู่
อย่างมากที่สุด มันก็แค่ทำให้มือนั้นโปร่งใสขึ้นเล็กน้อย แต่นี่ไม่ใช่จุดสิ้นสุด หลังจากแสงสว่าง ยอดทหารอาฆาตจากร่างหวังเป่าเล่อ ก็นำพลังทั้งหมดที่มีในชาตินี้ ราวกับจะปลุกมันขึ้นมา รวบรวมไว้ที่นี่ แล้วฟันฉับลงไป!
ด้วยการฟันนี้ ทะเลแสงพัดผันผวนอย่างรุนแรงและฉีกออก มือที่อยู่ในแสงนั้น ก็ถูกเงาแห่งทหารอาฆาตตัดไปที่ปลายนิ้วโดยตรง
ท่ามกลางเสียงก้องกังวาน ปลายนิ้วของมันสั่นเล็กน้อย และเกิดรอยแตก!
เกือบจะในเวลาเดียวกับที่รอยแตกปรากฏขึ้น ร่างมหาศิษย์แห่งเต๋าชั่ว ชาติที่จำแลงจากร่างหวังเป่าเล่อ ก่อให้เกิดพลังปราณมืดอันไร้ขอบเขต และระเบิดออกทันที พลังปราณมืดนี้คือความเกลียดชังในชาตินั้น!
ชิงชังสวรรค์ ชิงชังผืนแผ่นดิน ชิงชังทุกสรรพสิ่ง ชิงชังจักรวาลและท้องฟ้า ชิงชังขีดจำกัดของประกายตาทั้งหมด ชิงชังจุดจบของทุกสิ่งที่ตระหนักรู้!
แต่ภายในทะเลแห่งแสงสว่าง พลังปราณมืดเห็นได้ชัดว่าแฝงไปด้วยความเกลียดชัง ดูเหมือนมืดมนไม่สิ้นสุด ทว่า…ด้วยแสงของมัน ร่วมกับฝุ่นของมัน รัศมีและฝุ่นผงร่วมกัน ไม่แยกเป็นเอกเทศ ส่งเสียงร้องตรงไปที่ปลายนิ้วที่ถูกทหารแค้นฟันลง จนปรากฏรอยแยก!
ขณะที่ปะทะกัน ไม่มีเสียงก้องกังวาน แต่พลังปราณมืดทั้งหมด ล้วนแทรกซึมไปตามรอยแยก เข้าสู่ภายในมือข้างนี้ และระเบิดอย่างบ้าคลั่งภายในร่างของมัน!
ทำให้มือกึ่งโปร่งแสง อยู่ๆ ก็ขุ่นขึ้น และทั้งหมดนี้…ยังไม่สิ้นสุด การปรากฏตัวของเผ่าเทพอัคคี ท่ามกลางเสียงคำรามก้องฟ้านั้น ทะลวงออกไปอย่างบ้าคลั่ง ราวกับจะรวมร่างตนเองไว้ในหมัดนี้ นำความสงสัยต่อฟ้าดิน นำคำถามจริงเท็จต่อพิภพ นำความปวดหัวรุนแรงไม่รู้จบจนไม่อาจอธิบาย นำความบ้าคลั่ง การส่งไปของหมัด สอดคล้องกับพลังเทพของเงาลวงหลายชาติก่อนหน้า จึงทำให้เวลานี้รอยแตกของปลายนิ้วมือนั้นขยายใหญ่ขึ้นทันที!
ครอบคลุมทั้งนิ้ว ครอบคลุมไปครึ่งมือ!
ขณะที่รอยแตกแผ่กระจาย ร่างกวางขาวน้อยของหวังเป่าเล่อ พุ่งออกมากะทันหัน ด้วยความสับสนที่แปรเปลี่ยนจากความเพียรต่อฟ้าดิน ด้วยความเพียรที่แปรแปลี่ยนจากความสับสนต่อพิภพ ความหลงใหลของเจ้ากวางขาวน้อยในการพุ่งชนท้องฟ้าจนดับสลายในชาตินั้น เมื่อเผชิญกับนิ้ว ท่ามกลางเสียงร้องของกวาง พุ่งศีรษะชนเข้าไป…
อย่างดุเดือด!
เสียงร้องก้องนี้อยู่ภายในความว่างเปล่าที่ห่อหุ้มด้วยทะเลแห่งแสง ความแค้น ความเกลียดชัง และความบ้าคลั่ง ระเบิดก้องกังวาน เขากวางของเจ้ากวางขาวน้อยทลายลงทันที ร่างกายของมันแหลกละเอียด แต่มือข้างนั้น…มือที่เต็มไปด้วยรอยแตก ดูเหมือนจะมาถึงขีดสุดแล้ว มันเริ่มแตกออกเป็นเสี่ยงๆ!
แต่น่าเสียดาย…แค่เพียงแตกเป็นเสี่ยงๆ เท่านั้น ไม่ได้พังทลาย!
มือแยกออกกลายเป็นห้านิ้ว และฝ่ามือถูกแบ่งออกเป็นสามส่วนต่อหน้าหวังเป่าเล่อ ท่ามกลางเสียงร้องที่แผ่กระจาย มันไม่ได้หายไปไหน หากแต่เป็นเช่นเดียวกับตะขาบที่ถูกตัดขาด ยังคงสามารถยืนหยัดสู้ได้ เพียรพยายามเข้ามาจากทุกสารทิศ มุ่งตรงเข้ามาหาหวังเป่าเล่ออีกครั้ง
ดวงตาของหวังเป่าเล่อส่องประกายคมวาบ มือที่แยกเป็นแปดส่วนนี้พุ่งตรงเข้ามาหาตนเองทันที เขาหลับตาลง ทันใดนั้น แผ่นไม้สีดำแผ่นหนึ่ง…ก็ปรากฏออกมานอกร่างของเขา!
ทันทีที่ปรากฏ มันขยายออกอย่างไม่สิ้นสุด ชั่วอึดใจเดียวแผ่นไม้สีดำที่ถือได้ด้วยมือเดียวแต่เดิม ก็มีขนาดเท่าร่างคน และดูเหมือนโลงศพ!
ปรากฏอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า สีดำเข้ม กลิ่นอายของความผันแปร การปรากฏตัวของมัน ทำให้ความว่างเปล่าสั่นสะเทือน นิ้วมือและฝ่ามือที่กลายจากมือที่ใกล้เข้ามา ยามนี้ต่างก็สั่นไหว คล้ายเกิดความลังเล
ในขณะที่มันลังเลอยู่นั้น หวังเป่าเล่อก็หลอมรวมเข้ากับแผ่นไม้สีดำ ด้วยการกระโดดเพียงครั้งเดียว แผ่นไม้สีดำที่ราวกับโลงศพ พลันทะยานขึ้นฟ้า ดุจยักษ์ที่มองไม่เห็นตนหนึ่ง หยิบแผ่นไม้สีดำนี้ขึ้น หล่นลงไปทางมือที่กลายเป็นแปดส่วนนั้นทันที!
โครม!
เสียงใสหนึ่งสายที่ทำให้ความว่างเปล่าทั้งหมดพังทลายลงดังขึ้น สะท้อนก้องทันที ระลอกคลื่นที่ก่อตัว ยิ่งทำให้ความว่างเปล่าพังทลายรุนแรง กระทั่งสามารถมองเห็นรอบๆ ที่ดูคล้ายกับกระจกค่อยๆ แตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ยังมีมือที่แยกออกเป็นแปดส่วนนั้น ก็แตกละเอียดไปด้วย!
ฝ่ามือทั้งสามส่วนแตกสลายในทันที และนิ้วทั้งสี่ก็ดูเหมือนจะยืนหยัดไม่ไหว สลายตามไป มีเพียงนิ้วชี้เท่านั้น ที่เวลานี้แม้จะเต็มไปด้วยรอยแตก แต่ยังคงสามารถยืนหยัดอยู่ได้ ท่ามกลางปลายนิ้วอันพร่ามัว ด้านบนปรากฏใบหน้าขึ้น คล้ายภาพลวงตา ปรากฏร่างตะขาบอย่างเลือนราง!
มันจ้องไปที่หวังเป่าเล่อด้วยดวงตาที่เป็นประกายเจิดจ้า ใบหน้าพลันปรากฏรอยยิ้มที่ดูเหมือนตื่นเต้นยินดี ราวกับความพ่ายแพ้และพังทลายในคราวนี้ สำหรับมัน ไม่เพียงแต่ไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่กลับเป็นเรื่องที่น่ายินดีเช่นนั้น
“ดีมาก ในที่สุดเจ้าก็ไม่ทำให้ข้าผิดหวัง…”
“แม้ว่าสิ่งที่ปรากฏตอนนี้เป็นเพียงหนึ่งในความคิดนับไม่ถ้วนของข้า แต่สามารถทำให้มันสลายไปได้… เจ้าทำให้ข้าตื่นเต้นนัก”
“แผ่นไม้สีดำ…ข้ายิ่งสนใจเจ้าขึ้นเรื่อยๆ และที่ข้ายิ่งสงสัย…นั่นคือที่มาของเจ้า…”
“น่าสนใจ น่าสนใจมาก ข้ากำลังจะรู้สึกตัวแล้ว เมื่อตื่นขึ้นมา ก็จะเป็นเวลาที่ได้พบกันอีก และวันนั้น…ก็อยู่ไม่ไกลแล้ว”ในเสียงหัวเราะแปลกประหลาด นิ้วของตะขาบก็หายไปในความพร่ามัว และเกือบจะในเวลาเดียวกันกับที่มันหายไป ความว่างเปล่านี้ก็ถูกฉีกกระชากออกเป็นชิ้นๆ
เวลาต่อมา เมื่อหวังเป่าเล่อลืมตา เขาก็ยืนอยู่บนเกาะเหนือปากปล่องภูเขาไฟในดาวชะตา เบื้องหน้าคือประมุขกฎสวรรค์ รวมทั้ง…สมุดแห่งโชคชะตาใต้ฝ่ามือของเขาที่อ่อนแสงลงอย่างเห็นได้ชัด
หวังเป่าเล่อไม่สนใจเสียงสูดหายใจรอบๆ และสายตาตกตะลึงจากผู้รับใช้เฒ่า หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ตรวจสมุดแห่งโชคชะตาก่อน เพื่อให้แน่ใจว่าจิตสำนึกภายในสมุดแห่งโชคชะตา ตอนนี้ก็ได้ฟื้นขึ้นแล้ว จากนั้นจึงเงยหน้าขึ้น มองด้วยความสงสัย และมองไปทางประมุขกฎสวรรค์ด้วยสายตาเดียวกัน
“คราวนี้ข้าระลึกชาตินานเท่าไรแล้ว” หวังเป่าเล่อถามขึ้นหลังจากเงียบไป
“เจ็ดวันเต็มๆ!” ประมุขกฎสวรรค์ตอบเสียงแผ่ว
“เจ็ดวัน…” หวังเป่าเล่อพึมพำ จากนั้นร่างกายของเขาก็สัมผัสได้ถึงความอ่อนล้า เรี่ยวแรงหดหาย ต้องพยายามที่จะประคองตัวยืนให้มั่นคง
ทว่า ในดวงตาของเขากลับส่องประกาย เพราะหวังเป่าเล่อรู้ดีว่า คราวนี้เขาหลีกเลี่ยงวิกฤตได้แล้ว และเมื่อเขาล้มเหลวผลคืออาจถูกครอบครองร่าง แต่ว่ายังมีเรื่องของนายน้อยลำดับเก้า เซียนเต๋าเก้ารัฐ ซิงจิงจื่อและเซี่ยไห่หยางพวกเขาอีกสี่คน ในเบาะแสแห่งอนาคตที่พวกเขาเห็น นั่นไม่ใช่ตัวของเขาเลย!
……………………………