หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1109 หมื่นดาราสู่ร่าง
“เฮ้อ ถ้าหากสาวๆ เป็นเช่นดวงดาวพวกนี้ที่แค่ประโยคเดียวของข้าก็ตื่นเต้นแล้ว แบบนั้นก็ดีน่ะสิ” หวังเป่าเล่ออยู่ในอวกาศ ทอดมองความตื่นเต้นและแสงสว่างของดวงดารานับล้านรอบกาย ไม่รู้ทำไมในใจถึงมีความคิดแปลกประหลาดเช่นนี้ออกมา
แต่เพื่อรักษาท่าทางสูงส่งหลังจากระลึกอดีตชาติของตนเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงเก็บอารมณ์ทอดถอนใจเหล่านี้เอาไว้ก้นบึ้งหัวใจ ใบหน้าเรียบนิ่งดุจสายน้ำ สงบเยือกเย็นไม่สะทกสะท้าน แสดงท่าทางหลุดพ้นจากโลกีย์ที่ได้รับจากการระลึกอดีตชาติออกมาอย่างถี่ถ้วน
แต่เขาลืมไปว่า…แม่นางน้อยชอบสอดแทรกเข้ามาในความคิดของเขาเป็นงานอดิเรก ดังนั้นแทบจะทันทีที่หวังเป่าเล่อเพิ่งจะทอดถอนใจออกมา เขาก็ได้ยินเสียงหัวเราะเย็นๆ
“นี่คือเหตุผลที่เจ้าฝันอยากจะเป็นผู้นำสหพันธรัฐหรือ”
หวังเป่าเล่อตัวสั่นเทา เกือบจะรักษาท่าทางสูงส่งของตนไม่ได้แล้ว ดังนั้นจึงหันเหความคิด ถอนหายใจเบาๆ ออกมา แล้วเอ่ยกับส่วนลึกในใจของเขา
“ถึงแม้ความคลั่งไคล้ของสาวน้อยนับล้านคนจะดี แต่ก็เป็นดาวเคราะห์เต๋าที่เสริมให้ข้าเด่นขึ้นทั้งสิ้น แม่นางน้อย เจ้า…คือดาวเคราะห์เต๋านิรันดร์ในใจของข้า ทำให้สายตาของดวงใจข้าล้วนเป็นเจ้า!”
“ถุย!” สิ่งที่ตอบกลับหวังเป่าเล่อคือเสียงโกรธขึ้งของแม่นางน้อย แต่ในน้ำเสียงนั่น หวังเป่าเล่อสัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของอีกฝ่ายได้ ดังนั้นจึงกระแอมไอ สีหน้าเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม หลังจากนั่งขัดสมาธิ ทั่วทั้งร่างกายและจิตใจนิ่งสงบขณะโคจรพลังฝึกตน ภายในดวงตาฉาวแววแปลกประหลาดออกมา
แม่นางน้อยก็รู้ว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญของหวังเป่าเล่อ ดังนั้นหลังจากส่งเสียง ‘‘ถุย’ ออกมาก็ไม่เอ่ยอะไรอีก แต่สังเกตการณ์อยู่เงียบๆ การโคจรพลังฝึกตนของหวังเป่าเล่อก็รวดเร็วขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางการสังเกตการณ์ของนาง
แรกเริ่มจำเป็นต้องใช้สี่ลมหายใจเพื่อโคจรพลังฝึกตนทั่วร่างหนึ่งสัปดาห์ จนกระทั่งเพิ่มเป็นหนึ่งลมหายใจต่อหนึ่งสัปดาห์ ขณะที่ความเร็วเพิ่มขึ้น ร่างกายของหวังเป่าเล่อก็แผ่ความร้อนสูงออกมาคล้ายกับเตาหลอมขนาดใหญ่ แล้วถูกดาวเคราะห์เต๋านอกร่างดูดซับ ทำให้แสงของดาวเคราะห์เต๋าเจิดจรัสมากยิ่งขึ้น แม้แต่ดาวเคราะห์บรรพกาลเก้าดวงรอบๆ ก็ยังดูดซับไปส่วนหนึ่ง แสงแบบเดียวกันเปล่งประกายเจิดจ้ามากขึ้นเรื่อยๆ
“ยังไม่พอ…” ในแววตาของหวังเป่าเล่อฉายแววเฉียบคม ยิ่งกว่านั้นคือความคาดหวังล้ำลึก เขาไม่ได้ไปที่ดาราจักรไฟก่อน ถึงจะมีความเข้าใจเกี่ยวกับระดับดารานิรันดร์ แต่ก็ไม่ได้ครอบคลุมรอบด้าน แต่การฝึกตนตามปรมาจารย์แห่งไฟและตำราจำนวนมากที่ได้ตรวจสอบมาแล้วก็ทำให้ความเข้าใจเกี่ยวกับระดับดารานิรันดร์ของเขาเพิ่มพูนขึ้นไม่น้อย
เขากระจ่างแจ้งดีว่า ระดับดารานิรันดร์แบ่งเป็นระดับสวรรค์ พิภพ นิลดำ อำพัน และทั่วไป ระดับทั้งห้านี้ การบรรลุระดับนิลดำก็ยากจะหาเจอแล้ว มันต้องมีโอกาสและโชคชะตาในระดับหนึ่งถึงจะทำได้ อย่างเช่นในบรรดาองครักษ์เต๋าของเขา ก็มีระดับนิลดำอยู่คนหนึ่ง คนผู้นี้ยังมีสถานะพิเศษในบรรดาผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์ของดาราจักรไฟด้วย
ในการโจมตีก่อนหน้านี้ของชงอี้จื่อ คนผู้นี้คล้ายจะพ่ายแพ้เช่นกัน แต่ความจริงแล้วอาการบาดเจ็บกลับเล็กน้อยที่สุด นี่คือจุดที่แข็งแกร่งของดารานิรันดร์ระดับนิลดำ ส่วนระดับพิภพ…ทำได้เพียงใช้คำว่าหายากมาบรรยายเท่านั้น อย่างเช่นชงอี้จื่อ เขาก็คือระดับพิภพ!
แต่ถึงอย่างไรสถานะของเขาก็เป็นเซียนเต๋าลำดับสองของสำนักอันดับหนึ่งของจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย แสดงให้เห็นถึงความหายากของระดับพิภพ มองไปทั่วทั้งดาราจักรไฟ บางทีอาจจะเคยมีดารานิรันดร์ระดับพิภพอยู่ แต่ตอนนี้…
“ไม่มีแล้ว” หวังเป่าเล่อพึมพำ ถอนความคิดเกี่ยวกับดาราจักรไฟกลับมา ในหัวของเขามีข้อมูลเกี่ยวกับดารานิรันดร์ระดับสวรรค์ปรากฏขึ้น
ดารานิรันดร์ระดับสวรรค์ ทั่วทั้งจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นล้วนเป็นเช่นขนวิหคเพลิงเขากิเลน ในแง่นี้ดูคล้ายจะเกี่ยวข้องกับความลับบางอย่าง เพราะอย่างนั้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จึงมีเพียงในคนในราชวงศ์ไม่รู้สิ้นเท่านั้นที่จะมีดารานิรันดร์ระดับสวรรค์ปรากฏออกมา!
แต่ไม่ว่าจะเป็นระดับสวรรค์หรือระดับทั่วไป วิธีการเลื่อนขั้นดารานิรันดร์ก็คล้ายคลึงกัน ล้วนแต่ต้องหาดวงดาราที่มีระดับชั้นเพียงพอมาผสานเข้าไปภายในร่าง หลังจากหลอมเข้ากับร่างแล้ว จะทำให้ร่างกายทะลวงสำเร็จระดับดารานิรันดร์ภายในร่างด้วยตัวเอง
ดังนั้นในระดับดารานิรันดร์จึงมีอีกชื่อเรียกหนึ่ง คือระดับดาราจักร!
ส่วนดาวพระเคราะห์เดิม หลังจากทะลวงแล้ว ตัวมันก็จะกลายเป็นดาวพระเคราะห์ดวงแรกภายในดาราจักร
แต่ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นระดับสวรรค์หรือระดับทั่วไป แท้จริงแม้จะมีช่องว่างอยู่ แต่ก็ไม่ได้กว้างใหญ่ถึงขั้นฟ้ากับเหว ระดับความแข็งแกร่งของพวกมัน หลักๆ จะปรากฏอยู่ที่การฝึกตนและบรรจุพลังต่อจากนั้น เหมือนกับภาชนะ ถ้าหากระดับทั่วไปเป็นเพียงแค่แก้วใบหนึ่ง เช่นนั้นระดับพิภพก็เป็นถังเก็บน้ำขนาดใหญ่หนึ่งใบ ส่วนระดับสวรรค์ก็เป็นแอ่งน้ำ!
ยิ่งระดับสูงเท่าไร จำนวนดารานิรันดร์ที่สามารถบรรจุไว้ในยามฝึกตนต่อจากนั้นก็จะยิ่งมากเท่านั้น เมื่ออยู่ในระดับหนึ่ง นอกเหนือจากเคล็ดวิชาของตนแล้ว การฝึกตนของผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์ก็คือการกลืนกินและผสานกับดวงดาวหลายดวงเพื่อทำให้การเปลี่ยนแปลงของตนสมบูรณ์
หลังจากกลืนกินจนถึงขีดสุดแล้ว ดาราจักรของตนก็จะกลายเป็นจักรพิภพผืนใหญ่ท่ามกลางความทรงพลานุภาพไร้ที่สิ้นสุด เมื่อถึงตอนนั้นก็จะเป็นช่วงเวลาที่ได้กลายเป็นผู้ฝึกตนระดับดารานิรันดร์ ทะลวงขั้นการฝึกตนของตนเองได้
“แต่สิ่งที่ข้าต้องการ…ไม่ใช่ห้าระดับนี้ แต่เป็นเหนือกว่าระดับทั้งห้า…หายากยิ่งกว่าขนวิหคเพลิงเขากิเลน มีอยู่แต่ในตำนาน…ดารานิรันดร์ระดับเต๋า!” ประกายแสงในแววตาของหวังเป่าเล่อแรงกล้า ‘ระดับเต๋า’ คือระดับที่มีเพียงหลังจากครอบครองดาวเคราะห์เต๋าและมีโอกาสวาสนาเท่านั้นจึงพอจะไปถึงได้!
โอกาสที่ว่าคือการเลื่อนขั้นดาวเคราะห์เต๋าไปเป็นเต๋านิรันดร์!
เรื่องนี้มีเพียงผู้อาวุโสรุ่นแรกของตระกูลไม่รู้สิ้นเมื่อสมัยก่อนเท่านั้นที่ไปถึง หลังจากเขาก็ไม่มีใครทำได้เลย อย่างไรเสียดาวเคราะห์เต๋าก็เล็กเกินไป ส่วนโอกาสวาสนาที่จะเป็นเต๋านิรันดร์ยิ่งน้อยเข้าไปใหญ่ ดังนั้นโดยพื้นฐานแล้วจึงไม่มีวิธีเลื่อนขั้นตกทอดออกมา ทั้งหมดล้วนต้องพึ่งการเสาะหาของตัวเอง
และระหว่างทางที่หวังเป่าเล่อมาที่นี่ เขาก็เสาะพบวิธีการหนึ่งแล้ว อย่างเช่นในตอนนี้ สาเหตุที่เขาโคจรพลังฝึกตนของตนไม่หยุดก็เพราะว่ามันคือวิธีที่เขาพบว่าเป็นไปได้มากที่สุด หลังจากคัดกรองบรรดาวิธีการมากมายที่เขาวิเคราะห์ได้เรียบร้อย
การโคจรพลังฝึกตนอย่างรวดเร็วทำให้ร่างกายของเขาแผ่ความร้อนระอุออกมาราวกับลูกไฟอย่างต่อเนื่อง ทำให้ดาวพระเคราะห์ของตนผันผวนจนถึงขีดสุด จากนั้นจะสัมผัสถึง…โอกาสทะลวง
ขณะที่ความคิดไหลเคลื่อน หวังเป่าเล่อก็ไม่มีความลังเลแม้เพียงนิด พลังฝึกปรือภายในร่างโคจรรวดเร็วยิ่งขึ้นอีกครั้งราวกับบ้าคลั่ง ค่อยๆ เปลี่ยนจากหนึ่งลมหายใจต่อหนึ่งสัปดาห์เป็นหนึ่งลมหายใจต่อสามสัปดาห์ ห้าสัปดาห์ จนถึงสิบสัปดาห์ ก่อนที่เขาจะสัมผัสถึงจุดสูงสุด
ส่วนดาวเคราะห์เต๋าของเขา ตอนนี้ก็ร้อนระอุอย่างยิ่งภายใต้การโคจรอันบ้าคลั่งของพลังฝึกปรือของตน ทำให้ท้องฟ้าของสุสานดวงดาราคล้ายกับถูกเผาไหม้ ปรากฏเป็นสีแดงเพลิง มองไปที่กระดาษรูปมนุษย์บนทะเลกระดาษ ก็เห็นแต่ละคนหน้าเปลี่ยนสี
แต่ขณะที่สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนไป ทางหวังเป่าเล่อก็ร้อนใจนิดหน่อยแล้ว เพราะเขามาถึงจุดสูงสุดที่หนึ่งลมหายใจต่อสิบสัปดาห์แล้ว สภาวะเช่นนี้เขาไม่อาจประคองต่อไปได้นานนัก แต่…เขายังคงสัมผัสไม่พบความผันผวนของการเลื่อนขั้นสักนิด
“สัญชาตญาณบอกข้าว่า ขอเพียงข้าเผาดาวเคราะห์เต๋าของตน กินพลังของดาวเคราะห์เต๋า จากนั้นก็จะสามารถเลื่อนขั้นได้ แต่ข้าไม่อยากเผาผลาญเพื่อกินพลังนี่!” ประกายแสงในแววตาของหวังเป่าเล่อสว่างวาบ ทันใดนั้นนอกร่างของเขาก็มีเงาผีดิบปรากฏขึ้น ทั้งมีเงาเลือนรางของทหารอาฆาต ยิ่งกว่านั้นยังมีเงาเลือนรางของอดีตชาติอื่นๆ อีกสองสามร่างปรากฏขึ้นพร้อมกัน กวางขาวน้อยก็อยู่ในนั้นด้วย ขณะเดียวกันพวกเขาก็กระจัดกระจายไปผสานเข้าสู่ดาวเคราะห์เต๋าของเขา ทำให้ชั่วขณะนี้ ดาวเคราะห์เต๋าเกิดสั่นสะเทือนเสียงดังลั่น ราวกับได้แรงผลักดันเสริม แสงและความร้อนระเบิดออกมาอย่างมหาศาล
ทำให้ท้องฟ้าทั้งผืนของสุสานดวงดาราสว่างจ้าในพริบตา ค่ำคืนมืดมิดกลายเป็นสีขาวโพลน ขณะที่เกิดการระเบิดขนาดมหึมาขึ้น ในที่สุดหวังเป่าเล่อที่ผสานเข้าด้วยกันกับดาวเคราะห์เต๋าโดยไม่แยกจากกันก็สัมผัสได้ถึงปราการคล้ายมีคล้ายไม่มีหนึ่งชั้น!
ปราการนี้คล้ายเป็นการจำกัดบางอย่างที่ทำให้ดาวเคราะห์เต๋าไม่อาจเลื่อนขั้นได้ เหมือนกับขีดจำกัดสายหนึ่งที่อยู่ในจักรวาลผืนนี้ ราวกับเป็นเพียงปลากระโดดข้ามประตูมังกร ต้องให้ดาวเคราะห์เต๋ากระโดดข้ามผ่านและพังทลายขีดจำกัดสายนี้ถึงจะเลื่อนขั้นได้อย่างราบรื่น!
สัญชาตญาณของเขาก่อนหน้านี้สัมผัสได้ว่าตราบใดที่ปล่อยให้ดาวเคราะห์เต๋าเผาไหม้จนสูญพลัง มันก็จะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้เหมือนกัน เพราะการแผดเผาสามารถแลกมาซึ่งแรงผลักดันที่ทำให้กระโดดข้ามได้ง่ายยิ่งกว่า เพราะการสูญเสียพลังจะลดขนาดของดาวเคราะห์เต๋าทำให้มันสามารถกระโดดข้ามไปได้ง่ายขึ้น!
แต่เขาไม่ยอม!
ตอนนี้หวังเป่าเล่อพลันเงยหน้าขึ้น เอ่ยเสียงเคร่งขรึมจริงจังไปทั่วฟ้า
“ดวงดาราทั่วท้องนภา…ผู้ใดยินดีติดตามข้าเดินไปยังสุดสายธารดารา เยี่ยมชมจักรวาลที่แท้จริงบ้าง!”
ทันทีที่เขาเอ่ยออกมา ดวงดาวนับล้านที่เดิมแผ่ประกายแสงตื่นเต้นเหล่านั้นก็บ้าคลั่งขึ้นมาหมดโดยพลัน ประกายแสงปะทุแรงกล้าในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ทำให้ท้องฟ้ามีแสงดารานับไม่ถ้วน กว้างใหญ่ไพศาลจนน่าตะลึง
ด้านในนั้นมีดวงดาวนับหมื่น พวกที่ส่องแสงแรงกล้าที่สุดก็คือ…ดวงดาราพิเศษ ตอนนี้ หวังเป่าเล่อยกมือขวาขึ้นท่ามกลางแสงสว่างอันแรงกล้า แววตาแน่วแน่ จากนั้นจึงเอ่ยเสียงเบา
“สู่ร่าง!”
แทบจะพริบตาที่คำพูดดังก้องขึ้นมา ดวงดาราล้านดวงก็ส่งเสียงดังสนั่น แล้วพุ่งมายังหวังเป่าเล่ออย่างรวดเร็ว แต่ดวงดาราพิเศษนับหมื่นในจำนวนนั้นรวดเร็วที่สุด แทบจะชั่วพริบตาก็ทะยานขึ้นนำดาวดวงอื่นมาอยู่รอบกายของหวังเป่าเล่อแล้วพันวนรอบตัวเขาทันที ราวกับพวกมันได้สร้างตำแหน่งของตัวเองและขับไล่พวกที่ไม่ใช่ดวงดาราพิเศษดวงอื่นๆ ออกไป พร้อมรวบรวมกำลังทั้งหมดแผ่แสงดาวเข้าไปผสานข้างในดาวเคราะห์เต๋าของหวังเป่าเล่อด้วย!
แทบจะชั่วพริบตาที่แสงของดวงดาราพิเศษนับหมื่นเหล่านี้ผสานเข้าไป พลานุภาพดาวเคราะห์เต๋าของหวังเป่าเล่อก็เพิ่มสูงขึ้นในพริบตา ขอบเขตขยายใหญ่อีกครั้ง รัศมีพุ่งถึงระดับที่ทำให้กระดาษรูปมนุษย์ส่วนใหญ่หน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง
ส่วนหวังเป่าเล่อก็คล้ายจะรับพวกมันไว้ได้ทันที เขาหายใจเร็ว สองมือจีบเข้า ทั้งร่างเปลี่ยนจากนั่งขัดสมาธิเป็นหยัดยืนขึ้นมาตรงๆ แล้วคำรามเสียงต่ำ
“ผนึกดาว!”
…………………………