หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1153 กายเนื้อขั้นสุด!
แท้จริงแล้วไม่ใช่พลิกจากผู้มาเยือนเป็นเจ้าถิ่น!
แต่ด้านหวังเป่าเล่อนั้น หลังจากฝักกระบี่เจ้าชะตาดูดซับกฎแตกกระจายและเส้นไหมสีเขียวพลังปราณเต๋าสวรรค์จนเพียงพอแล้วก็โปร่งแสงในทันที!
หากไม่สังเกตอย่างถี่ถ้วนก็จะไม่สามารถมองเห็นได้ ขณะเดียวกันหลังจากฝักกระบี่เจ้าชะตาโปร่งแสงก็ดูดซับอีกครั้ง
ทันใดนั้นเส้นไหมสีเขียวเกือบหนึ่งล้านเส้นก็บ้าคลั่งขึ้นมา และในชั่วพริบตาต่อมาพวกมันได้หลั่งไหลเข้าสู่ฝักกระบี่เจ้าชะตาซึ่งอีกรอบ ภาพนี้ยังเป็นสาเหตุของความผันผวนในโลกภายนอกด้วย
แรงดูดมหาศาลที่ดูดเข้าไปในแต่ละครั้งทำให้เรือรบไม่รู้สิ้นภายนอกสั่นคลอนราวกับแข่งชักเย่อ เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเพิ่มแรงกะทันหัน อีกฝ่ายย่อมถูกดูดกลืนอย่างไม่อาจต้านทานได้
นั่นจึงเป็นสาเหตุของภาพการพังทลาย ขณะเดียวกันฝักกระบี่เจ้าชะตาที่ดูดซับเส้นไหมสีเขียวนับล้านในคราวเดียวก็มอบการหล่อเลี้ยงอันน่าอัศจรรย์กลับคืนให้หวังเป่าเล่อ
พลังแห่งการหล่อเลี้ยงนี้แข็งแกร่งมาก ในพริบตาก็ทำให้หวังเป่าเล่อเปลี่ยนจากเจ็ดสิบกว่าก้าวเป็นเก้าสิบกว่าก้าวและยังยังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง!
เก้าสิบสาม เก้าสิบสี่ เก้าสิบห้า…
มันเร็วมากจนหวังเป่าเล่อยังไม่ทันได้ตอบสนอง กายเนื้อของเขาส่งเสียงคำรามและหล่อเลี้ยงจนถึงร้อยก้าว!!
ทันทีที่ถึงร้อยก้าว บนกายเนื้อของหวังเป่าเล่อพลันปรากฏอักษรโบราณที่เปล่งพลังปราณโบราณออกมา การปรากฏตัวของมันราวกับมาพร้อมสรรพเสียงแห่งธรรมชาติสะท้อนไปทั่วบริเวณ ขณะเดียวกันอักษรโบราณเหล่านั้นก็กระจายตัวล้อมรอบหวังเป่าเล่อ
หากมองจากระยะไกลแล้ว หวังเป่าเล่อในตอนนี้ราวกับกลายเป็นเทพเซียน!!
พลังปราณโบราณและแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัวที่แผ่ออกมาจากร่างของเขาทำให้ความว่างเปล่ารอบด้านบิดเบี้ยว จักรวาลสั่นสะเทือนคล้ายกับรับไม่ไหว
เพราะนี่คือหนึ่งร้อยก้าว!
ในทางทฤษฎีนั้นมีขีดจำกัดของดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักรอยู่ หากคิดจะฝึกฝนให้ถึงนั้นยากจนน่าตกใจ กายเนื้อฝึกถึงขีดจำกัดยากยิ่งกว่าสวรรค์ แต่ที่ยากที่สุด…คือวิญญาณเทพ วิญญาณเทพชั้นมหาวัฏจักรนั้น หากไม่มีความช่วยเหลือจากสมบัติสวรรค์ที่ดับสิ้นไปแล้วก็แทบเป็นไปไม่ได้เลย!!
แม้แต่ในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น เหนือตระกูลหมื่นสำนักยังมีสำนักที่สืบทอดกันมาตั้งแต่โบราณอยู่จำนวนหนึ่ง สำนักเหล่านี้มีไม่มากนัก และตระกูลไม่รู้สิ้นจะให้ความสำคัญกับพวกเขาอย่างเช่นตระกูลเซี่ย
ในสำนักโบราณเช่นนี้ มาตรฐานการประเมินมหาศิษย์แห่งเต๋าชั้นหนึ่งก็คือฐานการฝึกฝน วิญญาณเทพ กายเนื้อต้องมีระดับเดียวกัน เมื่อดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักรถึงระดับเก้าสิบก้าวขึ้นไป
อย่างหวังเป่าเล่อที่ตอนนี้กายเนื้อถึงขีดจำกัด…จะต้องทำให้ทุกคนตกตะลึงตาค้างเป็นแน่!
ความจริงตอนนี้เด็กสาวในกับดักใบไม้ตาค้างไปแล้วด้วยซ้ำ นางจ้องมองหวังเป่าเล่อด้วยสายตาว่างเปล่า เมื่อเห็นอักษรโบราณบนร่างกายเขาและสัมผัสได้ถึงแรงกดดันอันน่าสะพรึงกลัว ก็ตัวสั่นเทิ้มอย่างควบคุมไม่ได้
“ไม่ทันแล้ว…” เด็กสาวพึมพำ ในดวงตาปรากฏรูม่านตาอื่นๆ ขึ้นมาอีกครั้ง สรรพเสียงมากมายแผ่กระจายออกมาจากในร่างของนาง
“กายเนื้อขั้นสุด!!”
“เป็นไปไม่ได้ นับแต่โบราณกาลกายเนื้อขั้นสุดเป็นเพียงตำนาน ไม่มีทางที่ใครจะทำได้!!”
“ใช่ เป็นไปไม่ได้ เพราะหากคิดจะมีกายเนื้อขั้นสุด สมบัติสวรรค์ก็ไม่อาจเสริมพลังให้ แม้พลังปราณเต๋าสวรรค์จะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่มีทางไปถึงก้าวสุดท้ายได้!”
“ในทางทฤษฎีมีเพียงกายเนื้อของตนต้องอยู่เหนือกฎธรรมชาติอยู่แล้วเท่านั้นถึงจะเป็นไปได้ แต่นั่นไม่เรียกว่าการทะลวงขั้น แต่เรียกว่าการหวนคืน!”
ขณะที่ทุกสรรพเสียงดังกังวานไปทั่วบริเวณ หวังเป่าเล่อก็เงยหน้าขึ้น เขาสัมผัสได้ว่ากายเนื้อของตนในตอนนี้ได้มาถึงระดับที่น่าเหลือเชื่อแล้ว แต่ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาไม่ใช่การสำรวจกายเนื้อ แต่เป็นการ…ทำลายเด็กสาวคนนั้นและทำลายสถานที่แปลกประหลาดแห่งนี้!
ดังนั้นเวลาต่อมาขณะที่รูม่านตาทั้งหมดของเด็กสาวหดแคบ ดวงตาหวังเป่าเล่อพลันฉายแสงเย็นยะเยือก สายตาจ้องมองเด็กสาวพร้อมกับยกมือซ้ายขึ้นมาจับฝักกระบี่เจ้าชะตา!
ขณะที่มือขวาก็จับความว่างเปล่าเหนือฝักกระบี่ราวกับตรงนั้นมีด้ามกระบี่ที่ไม่มีใครมองเห็นอยู่ หลังจากหวังเป่าเล่อจับมัน ดวงจิตเทพพลันผันผวนก่อนจะเรียกใบไม้กลับมา!
ใบไม้ที่ถึงขีดจำกัดพลันเผาไหม้แตกกระจายออกไป แต่กลับไม่ได้สลายไปไหน นี่คือคำสาปที่ปรมาจารย์แห่งไฟทิ้งเอาไว้ให้ มันกลายเป็นไอหมอกจำนวนมากพุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อ หลังจากกลับไปอยู่ข้างกายเขาแล้วก็กลับเป็นใบไม้อีกครั้งก่อนจะสลายเข้าไปในกระเป๋าคลังเก็บ
ส่วนเด็กสาวผู้นั้นก็กำลังส่งเสียงกรีดร้อง สีหน้าบิดเบี้ยว หลังจากสัมผัสได้ถึงวิกฤตร้ายแรง นางไม่ได้หนีไป แต่กลับกลายเป็นเงาชั่วร้ายพุ่งเข้าใส่หวังเป่าเล่อด้วยความเร็วที่ไม่อาจอธิบายได้ หมายจะสังหาร!
ความเร็วของมันช่างน่าประหลาดนัก พลังต่อสู้ล้นหลาม บนร่างปรากฏเงาหลายสิบเงาและยังเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งเกือบหนึ่งร้อยเงา พวกมันก็รวมพลังกันแปลงร่างเป็นปากขนาดใหญ่ที่คล้ายจะกลืนกินทุกสรรพสิ่งมุ่งสู่หวังเป่าเล่อ!
ดวงตาหวังเป่าเล่อเย็นเยียบ เขาจินตนาการว่ามีกระบี่อยู่เล่มหนึ่ง และตอนนี้ตนกำลังจับด้ามกระบี่ ดึงมันออกมาทีละน้อย!
หนึ่งชุ่น!
ดึงออกมาได้แค่หนึ่งชุ่น!
ฟ้าดินแตกร้าว เสียงคำรามแผ่กระจายไปทั่ว แรงกดดันมหาศาลพร้อมกับลำแสงเจิดจ้าพลันระเบิดออกมาในทันที ทำให้เด็กสาวที่กำลังพุ่งเข้ามาส่งเสียงกรีดร้อง ร่างกายราวกับหิมะเจอน้ำเดือด ละลายลงไปในพริบตาเดียว
ทว่า เด็กสาวผู้นั้นก็โหดเหี้ยมเกินใคร แม้ร่างกายกำลังจะละลายหาย นางกลับรวบรวมกำลัง อดทนต่อความเจ็บปวดและยังคงพุ่งเข้ามา ปากยักษ์ขยายออกครอบคลุมบริเวณรอบกายหวังเป่าเล่อ กำลังจะงับลงมา!
หวังเป่าเล่อสีหน้าเรียบเฉย จากนั้นจึงดึงอีกครั้ง…
สองชุ่น!
เสียงระเบิดดังสะท้านฟ้าสะเทือนดินราวกับมีพลังงานที่สามารถสยบทุกสรรพสิ่ง มันฉีกขาดทุกอย่างระเบิดออกมาจากฝักกระบี่ ลำแสงที่แผ่ซ่านทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี จักรวาลบิดเบี้ยว ร่างของเด็กสาวที่อ้าปากอยู่ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป ระเบิดออกดังตู้ม!
ทันทีที่ระเบิด ร่างผู้ฝึกตนตระกูลหมื่นสำนักที่ผนึกกายเข้ากับมันก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง แต่ละคนสลบไสลกระจัดกระจายออกไปทั่ว และเผยให้เห็นองค์ชายไม่รู้สิ้นที่ถูกเด็กสาวครอบงำร่าง
องค์ชายผู้นี้ตัวสั่นเทิ้ม ศีรษะทั้งสองของเขาแตกสลาย แม้แต่ส่วนของร่างกายที่เป็นของเขาก็เช่นกัน มันแตกออกเป็นเสี่ยงๆ เด็กสาวหน้าซีดเผือด หลบหนีปราณกระบี่ ก่อนจะกรีดร้องแล้วควบร่างถอยออกไป
“เจ้าไม่ใช่หวังเป่าเล่อ ไม่ใช่ผู้ฝึกตน ไม่ใช่คนในยุคนี้ ไม่สิ…เจ้าไม่ใช่อะไรทั้งนั้น เจ้าไม่ใช่สิ่งมีชีวิตในโลกแห่งศิลา!!”
“เจ้าเป็นใครกันแน่!!”
หวังเป่าเล่อหรี่ตา เขากำลังจะดึงกระบี่ที่มองไม่เห็นได้เป็นสามชุ่น ทว่าพริบตานั้นดวงตาของเขาก็จดจ้อง มุมปากเผยรอยยิ้มและไม่ดึงอีกต่อไป
เพราะว่า…ทันทีที่เด็กสาวล่าถอยแล้ว พื้นที่ความว่างเปล่าด้านหลัง จู่ๆ ก็มีพลังปราณกระบี่ฟันขาดเป็นรอยแยก ก่อนมือข้างหนึ่งจะยื่นออกมาคว้าศีรษะของเด็กสาวเอาไว้และดึงออกไปทันที!
“เต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืดคืนชีพแล้ว ไม่คิดว่าดวงจิตโบราณนี้จะฟื้นขึ้นมาด้วย!”
“ศิษย์น้อง นี่เป็นความผิดของศิษย์พี่!”
เสียงของเฉินชิงจื่อดังก้อง จักรวาลแปลกประหลาดที่ถูกเด็กสาวใช้พลังเร้นลับแยกออกมาพลันเกิดรอยร้าว และพังทลายลงในทันทีราวกับชั้นปราการที่มองไม่เห็นได้แตกกระจาย เผยให้เห็นจักรวาลสีเทาด้านนอก!
และ…ผู้ที่ยืนอยู่เหนือใจกลางเตาหลอมนั้น เป็นผู้เดียวกับที่หวังเป่าเล่อไม่ได้พบหน้ามาเนิ่นนาน…เฉินชิงจื่อ!
“เป่าเล่อคารวะศิษย์พี่!” สายตายามหวังเป่าเล่อมองเฉินชิงจื่อสื่อไปด้วยอารมณ์ เขาประสานมือโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง!
ตอนนี้ยังมีเตาหลอมอีกสามเตาที่ยังมีแรงกดดันอยู่ เตาอื่นๆ ไม่มีผลใดๆ และถูกทิ้งร้างไปแล้ว ส่วนผู้ฝึกตนตระกูลหมื่นสำนักที่ลอยอยู่รอบด้านล้วนหมดสติ
หากสังเกตอย่างถี่ถ้วน ก็จะพบว่าที่แห่งนี้มีเพียงหวังเป่าเล่อและเฉินชิงจื่อเท่านั้น!
“เจ้าโตแล้ว…” ดวงตาเฉินชิงจื่อทอดแววอาวรณ์ ทว่ากล่าวถึงตรงนี้ จู่ๆ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป ก่อนจะเงยหน้ามองโลกภายนอกด้วยดวงตาเปล่งประกายประหลาด แล้วผุดยิ้ม
“เป่าเล่อ ศิษย์พี่จับปลาตัวใหญ่ได้ เจ้ายินดีไปกินกับข้าหรือไม่”
“คำชวนของศิษย์พี่ มีหรือจะปฏิเสธ!” หวังเป่ากล่าวพร้อมรอยยิ้ม
……………………………………