หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1173 เงาร่าง!
ทุกอย่างในภาพเหมือนกับที่หวังเป่าเล่อเคยเห็นบนดาวชะตาในชาติก่อนทุกประการ!
นั่นคือการต่อสู้ระหว่างจักรพิภพเต๋าไพศาลและจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น เป็นภาพที่จักรพิภพเต๋าไพศาลทุ่มสุดตัวเพื่อขัดขวาง เปิดเผยเคล็ดวิชาลับ ทำให้รูปปั้นแกะสลักของปรมาจารย์ตื่นขึ้นและต่อสู้ตัดสินชะตากับไม่รู้สิ้น
ในภาพ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นกำลังบูชาจักรวาล ปากเอ่ยคาถาซับซ้อนยากจะเข้าใจราวกับกำลังสวดอ้อนวอนและราวกับกำลังเพรียกร้อง
ด้วยการสวดอ้อนวอนของพวกเขา จักรวาลจึงเกิดฟ้าแลบนับไม่ถ้วนราวกับจะบดบังความว่างเปล่าทั้งหมด บริเวณใจกลางสายฟ้านับไม่ถ้วนเหล่านั้นก็ดูเหมือนจะเกิดรอยแยกของกระแสน้ำวนขึ้น
ที่กล่าวว่าเป็นรอยแยกเพราะลักษณะไม่ปกติเหมือนกับดวงดาวที่ถูกฉีกออกจากกัน ที่กล่าวว่าเป็นกระแสน้ำวนเพราะรอบรอยแยกนี้มีกฎถูกดึงดูดเข้ามานับไม่ถ้วน ต่างปะทะกันเอง หักล้างกันเองจนก่อให้เกิดสภาพเหมือนพายุที่รัศมีแผ่ขยายไปรอบด้านอย่างต่อเนื่อง มองไกลๆ จึงดูเหมือนกระแสน้ำวน!
และยิ่งสะเทือนฟ้าดิน ทำให้จักรวาลสั่นสะเทือน แรงกดดันของจักรวาลหรี่ลงกำลังปลดปล่อยออกมาจากกระแสน้ำวนนี้ ราวกับมันอยู่สูงเกินไป ทำให้จักรวาลอันว่างเปล่าจนมากพอจะเกิดจักรพิภพ ไม่สามารถแบกรับได้ คล้ายกับว่าแรงกดดันที่มันแผ่ออกมาจะทำให้จักรวาลล่มสลาย
ช่างเขย่าขวัญ!
จิตใจหวังเป่าเล่อสั่นสะท้าน แท้จริงแล้วตอนที่เขาอยู่ในชาติก่อน ถึงแม้จะได้เห็นภาพนี้มาแล้ว แต่เขาในตอนนั้นทั้งฐานการฝึกฝนและความคล่องตัวล้วนไม่เท่าปัจจุบัน ตอนนั้นต่างจากตอนนี้ไม่น้อย อีกทั้งเพราะเวลานี้อยู่ในห้วงมายาและตัวเขายังมีสติสัมปชัญญะครบถ้วนจึงตัดสินใจได้ว่าจะอยู่ต่อหรือไม่!
ในไม่ช้าขณะที่แรงกดดันพุ่งสูง เขาก็ได้เห็นไม้ชิ้นใหญ่ค่อยๆ ออกมาจากกระแสน้ำวนกับตาตนเอง หนึ่งฉื่อ สองฉื่อ สามฉื่อ…
ไม้สามฉื่อ จักรพิภพเต๋าไพศาลพังทลาย รูปปั้นปรมาจารย์พังทลาย เสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วน ความโศกเศร้านับไม่ถ้วนระเบิดไปทั่วจักรวาลอย่างต่อเนื่อง สิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนเลือดเนื้อแตกกระจาย ชีวิตนับไม่ถ้วนถูกกวาดล้าง ไม่มีการนองเลือด แต่มีความจริงที่ว่าความตายกำลังเกิดขึ้น!
วิญญาณเทพของหวังเป่าเล่อก็กำลังสั่นสะท้าน ได้เห็นภาพนี้อีกครั้งอารมณ์ของเขาก็ปั่นป่วนถึงขีดสุด แต่ก็รู้ดีว่าโอกาสนี้คงอยู่ได้ไม่นาน แม้พลังของสตรีชุดแดงจะน่าทึ่งที่สามารถจำลองทุกอย่างตรงหน้าออกมาได้ แต่ก็ยากที่จะยืนหยัดได้นาน เกรงว่าเพราะไม่อาจยืนหยัดได้ และเห็นอะไรที่ไม่ควรเห็นจะทำให้ทุกอย่างตรงหน้าหายวับไป
ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงข่มกลั้นความตกใจเอาไว้ และทำสิ่งที่เขาทำไม่ทันตอนระลึกชาติโดยไม่ลังเล!
ร่างของเขาพุ่งออกไปทันที กายเนื้อ วิญญาณเทพ และฐานการฝึกฝนต่างระเบิดความเร็วถึงขีดสุดคล้ายดาวตกพุ่งข้ามผ่านจักรวาลตรงไปยัง…กระแสน้ำวนรอบรอยแยกที่ไม้สีดำสามฉื่อตกลงมา!
ความรู้สึกอันคุ้นเคย ความอบอุ่นผุดขึ้นในใจอย่างต่อเนื่องพร้อมกับการเข้าใกล้อย่างรวดเร็ว และยิ่งรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขาเข้าใกล้กระแสน้ำวนนั้นมากขึ้น!
ในเวลาเดียวกันโลกที่เกิดจากห้วงมายาก็เริ่มสั่นคลอน จากการสั่นเล็กน้อยในตอนแรกกลายเป็นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในไม่กี่อึดใจ แล้วพริบตาต่อมาก็ทำท่าเหมือนจะพังทลาย!
เสียงคำรามดังก้องอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน หวังเป่าเล่อได้ยินเสียงกรีดร้องที่คล้ายจะดังมาจากความว่างเปล่า เขารู้ในทันทีว่าเสียงนี้มาจาก…สตรีชุดแดง
“ห้วงมายาจะทนไม่ไหวแล้ว!” หวังเป่าเล่อกระวนกระวาย ระเบิดความเร็วอีกครั้งและเข้าใกล้กระแสน้ำวนนั้นมากกว่าเดิม ทว่าตอนนั้นเองห้วงมายาก็เริ่มพังทลาย
สิ่งแรกที่พังทลายคือความว่างเปล่าด้านล่าง เศษชิ้นส่วนความว่างเปล่ากำลังถูกมือยักษ์ที่มองไม่เห็นกวาดมาจากด้านล่างอย่างรวดเร็ว
พริบตาต่อมาจักรพิภพเต๋าไพศาลที่พังทลายก็สลายไป จักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นก็กำลังสลายไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน โลกทั้งใบกลายเป็นความว่างเปล่าอย่างรวดเร็ว
ส่วนหวังเป่าเล่อก็ได้ใช้ความเร็วจนถึงขีดสุดของตัวเองแล้วในตอนนี้ ท่ามกลางการไล่ล่าอย่างต่อเนื่องของพลังแห่งการกวาดล้างข้างหลังเขา ท่ามกลางการสลายไปอย่างรวดเร็วของโลกนี้ ขณะที่การกวาดล้างใกล้เข้ามา ในที่สุดหวังเป่าเล่อ…ก็พุ่งเข้าไปในกระแสน้ำวนแตกร้าว!
ทันทีที่ก้าวเข้าไป ร่างของเขาหมุนตามกระแสน้ำวนและพุ่งเข้าไปในรอยแยก พริบตาที่เข้าไปได้ ภาพตรงหน้าก็พร่าเลือนราวกับมีหมอกปกคลุมทำให้มองไม่ชัด มันเหมือนกับรอยแยกเป็นทางเข้าแต่เพราะความต่างของกฎ และเต๋าระหว่างสองจักรวาลหรือสองโลกต่างกัน ทำให้หวังเป่าเล่อต้องปรับตัวให้เสร็จสมบูรณ์ มิเช่นนั้นก็จะเห็นดวงจันทร์อยู่ในน้ำ!
ขณะนี้จุดที่เขาอยู่ในตอนแรกถูกพลังกวาดล้างไปในพริบตา แม้แต่ความว่างเปล่ารอบด้านก็สลายไป แม้แต่กระแสน้ำวนรอบรอยแยกก็เช่นกัน ทั้งห้วงมายาในตอนนี้มีเพียงรอยแยกนี้เท่านั้นที่ยังอยู่
ทว่ามันก็ไม่อาจยืนหยัดต่อไปได้ ไม่ใช่เพราะพลังของรอยแยกไม่พอ กลับกันเป็นเพราะตำแหน่งที่มันอยู่สูงเกินไป สูงเกินขอบเขตความสามารถของสตรีชุดแดง ราวกับได้เห็นบางอย่างที่ไม่ควรเห็น ราวกับคนธรรมดามองเห็นเทพเซียน ทุกอย่างที่ไม่อาจมองเห็นในขณะนี้…พลันระเบิดออก
รอยแยก…สลายไปแล้ว!
แต่…ในพริบตาที่มันจะสลาย หวังเป่าเล่อก็ก้าวเข้าไปแล้ว ภาพตรงหน้าจากพร่าเลือนเริ่มแจ่มชัดขึ้นทีละน้อย แต่ท้ายที่สุดก็ยังไม่ชัดเจนอย่างสมบูรณ์คล้ายมองเห็นดอกไม้ในสายหมอก
ในความพร่าเลือนนี้หวังเป่าเล่อดูเหมือนจะเห็นในรอยแยกนี้ยังมีอีกจักรวาลหนึ่ง ที่นี่ไร้ดวงดาว มีเพียงร่างมายาเล็กใหญ่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในจักรวาล
ร่างเหล่านี้มีทั้งชายหญิง มีทั้งแก่และเด็ก และยังมีสัตว์ประหลาด รวมทั้งหมด 108 ร่าง บนร่างล้วนแผ่เจตจำนงแห่งเต๋าออกมาอย่างน่าทึ่ง ทุกร่างกำลังหลับตานั่งสมาธิ และในร่างของพวกเขา…ราวกับมีโลกและสิ่งมีชีวิตดำรงอยู่
ในจักรวาลอันกว้างใหญ่นี้ เหนือร่างทั้ง 108 ร่างขึ้นไปยังมีร่างที่ขนาดใหญ่กว่าทั้งหมด คาดว่าหากเอาร่างทั้ง 108 ร่างรวมกันก็ยังใหญ่ไม่ถึงหนึ่งในสิบของมัน
ร่างนี้ราวกับจักรพรรดิ ทั่วร่างแผ่พลังปราณของจักรพรรดิออกมา เขาไม่ได้หลับตา แต่กำลังลืมตามองหวังเป่าเล่อ!
ทันทีที่สายตาสบเข้ากับนัยน์ตาของหวังเป่าเล่อแล้ว ร่างกายของหวังเป่าพลันตัวสั่นเทิ้มอย่างรุนแรง ดั่งถูกมีดแหลมคมแทงทะลุหัวใจเข้าไปถึงวิญญาณเทพ ดวงตาเบิกกว้างสูญเสียการมองเห็นทั้งหมด ก่อนที่โลกใบนี้จะพลันพร่าเลือนและพังทลาย!
ในพริบตาภายในวัดแม่น้ำแห่งความมืด ในโลกที่สตรีชุดแดงอยู่ จิตวิญญาณหวังเป่าเล่อก็กลับเข้าร่าง เขากระอักเลือดเต็มปาก รูทวารทั้งเจ็ดราวกับจะระเบิดออก ดวงตาหลั่งสายเลือด ร่างกายเกิดรอยแยกคล้ายกำลังจะฉีกเป็นชิ้นๆ เขาถอยหลังออกไปหลายก้าว
ขณะที่ถอยหลังไปก็มีหมอกสีแดงแผ่ออกมาจากร่างกายเขา หมอกเหล่านี้รวมตัวกันอย่างรวดเร็วก่อตัวเป็นร่างของสตรีชุดแดงกำลังกรีดร้องอย่างเศร้าโศก
“เจ้าเป็นใคร เจ้าเป็นใครกันแน่!!” สตรีผู้นี้ดูเหมือนต้องแบกรับความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัส นางกระอักเลือดออกมาเช่นกัน ร่างของนางกำลังจะแหลกสลาย นางจับตาข้างเดียวของตนแล้วถอยหลังออกไปอย่างรวดเร็ว แม้แต่หุ่นกระบอกที่นางรักก็ไม่ต้องการแล้ว ในพริบตานางก็สลายไป
เมื่อนางสลายไปแล้ว โลกใบนี้พลันพร่าเลือน จากนั้นจึงแตกสลาย เผยให้เห็น…สถานที่ที่แท้จริงในวัด
นี่เป็นเพียงวัดธรรมดาแห่งหนึ่ง สิ่งบูชาคือรูปปั้นสตรีสวมชุดแดงผู้หนึ่ง แต่ในตอนนี้รูปปั้นนั้นเกิดรอยร้าวนับไม่ถ้วน เลือดไหลออกจากรูทวารทั้งเจ็ด ขณะเดียวกันตรงหน้ารูปปั้นก็มีปากทางเข้าปรากฏอยู่บนพื้น
ด้านหวังเป่าเล่อ เขาอยู่ข้างปากทางเข้าและกำลังหลับตาสูดหายใจหอบถี่ รอบตัวเขา…ผู้ฝึกตนสำนักแห่งความมืดจำนวนมากนอนแผ่อยู่ตรงนั้น ทุกคนต่างหลับสนิท แต่เห็นได้ชัดว่าพลังปราณผันผวนราวกับกำลังจะตื่น
ไม่นานหลังจากนั้น หวังเป่าเล่อก็สงบลง เขาไม่ได้ตื่นเต้นกับวิญญาณเทพของตนไปถึงหนึ่งร้อยก้าวของระดับดารานิรันดร์ชั้นมหาวัฏจักร แต่กลับถูกคลื่นยักษ์โหมกระหน่ำอยู่ในใจ เพราะว่า…ดวงตาของเขาไม่ได้มืดบอด แม้จะเจ็บแสบและมีเลือดไหลไม่หยุด แต่ในห้วงมายาเมื่อครู่ เวลานั้นที่ร่างมหึมานั่นมองเขา หวังเป่าเล่อก็ได้เห็น…บนหว่างคิ้วของร่างนั้นมีไม้สีดำตอกอยู่ข้างใน!
ไม้สีดำนั่น…เขารู้จักดี!
……………………………