หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1202 รอให้มาติดกับ
ห้าสิบสี่ขั้น!
ห่างจากหนึ่งร้อยขั้นมาครึ่งทางแล้ว ภายในดวงตาของหวังเป่าเล่อเผยประกายแสงเปล่งปลั่ง สัมผัสสวรรค์แผ่ขยายไปปกคลุมทั่วทั้งระบบสุริยะ จนสัมผัสถึงเงาร่างสี่ร่างที่มาจากทั้งสี่ทิศ ขณะเดียวกันก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันทรงพลังที่ในอดีตสูงส่งเกินเอื้อมจนตนต้องเงยหน้ามองอยู่ทางด้านนอกระบบสุริยะซึ่งกำลังพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
ผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับจักรพิภพมารวมตัวกัน ภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย สงครามใหญ่ที่พัวพันอยู่รอบสหพันธรัฐกำลังจะเริ่มขึ้น และในชั่วขณะนี้เอง สายตาของสำนักเสริมก็จดจ้องมา จักรพิภพใจกลางไม่รู้สิ้นก็จ้องมองมายังที่แห่งนี้ด้วยวิธีการเฉพาะเช่นเดียวกัน
ตอนนี้เอง สหพันธรัฐเล็กจ้อยแห่งนี้ก็มีดวงจิตเทพของผู้เยี่ยมยุทธ์จำนวนมากจากทั่วทั้งจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นมารวมตัวกัน ในจำนวนเหล่านี้ แม่นางกระพรวนนั่งขัดสมาธิอยู่ข้างกายอาจารย์ของตนภายในสำนักเก้าวิหคเพลิงที่อยู่อันดับสามภายในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น กำลังทอดมองไปเช่นกัน สีหน้าดูคล้ายจะเป็นปกติ แต่ในใจกลับปั่นป่วนรุนแรง
ทั้งยังมีสำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณที่อยู่อันดับสองของจักรพิภพสำนักเสริมก็เช่นกัน รวมไปถึงสำนักดาราจันทร์อันลึกลับ…เงาร่างหลายร่างก็ทอดมองไปยังสหพันธรัฐจากข้างในวงแหวนปราณของสำนักเช่นกัน ในวงแหวนปราณมีทั้งข่งเต๋า จัวอี้ฝาน และหลี่หว่านเอ๋อร์
ทั้งยังมีร่างเลือนรางนั่งขัดสมาธิอยู่ด้านหน้าน้ำตกแห่งหนึ่งที่ภูเขาด้านหลังสำนักดาราจันทร์ ถึงแม้ตอนนี้จะหลับตาอยู่ แต่ดวงจิตเทพก็กระโจนผ่านสายธารดวงดาวแล้วไปตกอยู่ที่อวกาศของสหพันธรัฐแล้ว
รวมไปถึงบิดาของเซี่ยไห่หยางที่กลับไปยังตระกูลเซี่ย ทั้งยังมีคนรู้จักของหวังเป่าเล่ออีกมากมายล้วนแต่จดจ้องมองมาจากพื้นที่ต่างๆ ในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น
และท่ามกลางการจับตามองของทุกคนนี้ พริบตาที่พลังฝึกปรือของหวังเป่าเล่อเลื่อนระดับจากห้าสิบสี่ขั้นต่อเนื่องไปจนถึงห้าสิบเจ็ดและห้าสิบแปดขั้นนั้น…ที่ด้านนอกระบบสุริยะของสหพันธรัฐ ทางทิศตะวันออกจากดาวโลก ตอนนี้อวกาศบิดเบี้ยวแล้ว เสียงของมหาเต๋าดังกระจายก้องกังวานทั่วความว่างเปล่า ถึงขั้นมองเห็นได้ว่าอวกาศกำลังทลายและแตกเป็นเสี่ยงๆ
โซ่สีดำหลายเส้นพุ่งทะลวงอวกาศที่พังทลายออกมาตรงๆ มันมีทั้งหมดเก้าเส้น ทุกเส้นล้วนเกิดจากมหาเต๋าของเต๋าเก้ารัฐ บนนั้นมีผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับจักรพิภพอยู่สิบกว่าคน ยิ่งกว่านั้น เงาร่างที่ยืนอยู่บนโซ่เส้นท้ายสุดก็เป็นชายชราสวมชุดคลุมสีขาว ทั้งร่างเป็นพลังฝึกตนระดับจักรพิภพชั้นมหาวัฏจักร คล้ายจะสามารถสยบกฎเวทและกฎเกณฑ์ได้ และพริบตาที่ปรากฏตัวขึ้นมาก็ทำให้อวกาศทั้งนอกและในระบบสุริยะเกิดระลอกคลื่นซัดสาดทันที
แม้แต่การฝึกตนของหวังเป่าเล่อก็ชะงักไปเล็กน้อย ลืมตาขึ้นมามอง
ผู้ที่มองไปก็ยังมีศิษย์พี่รองของหวังเป่าเล่อผู้ฝึกเต๋าเปลวธูปที่ยังคงอารักขาสถานที่แห่งนี้ด้วยเช่นกัน เขาค่อยๆ ลืมตามองอย่างนิ่งสงบไปยังโซ่มหาเต๋าทั้งเก้าเส้นที่พุ่งเข้ามาหาและเงาร่างของจักรพิภพสิบกว่าคนขณะที่ยังคงนั่งขัดสมาธิอยู่
“หยุด” ศิษย์พี่รองเอ่ยเสียงราบเรียบ มือขวายกขึ้นโบก ทันใดนั้นด้านหลังของเขาก็เกิดเสียงดังสนั่น อวกาศบิดเบี้ยวด้วยเช่นกัน ก่อนจะมีฟองอากาศสีสันแพรวพราวหลากหลายทั้งใหญ่เล็กปรากฏขึ้น
ภายในฟองอากาศเหล่านี้มีโลกแอบแฝงอยู่ มันคือรากฐานเต๋าของศิษย์พี่รอง ในรัฐเปลวธูป ถ้าหากขยายฟองอากาศเหล่านี้ใหญ่สักหลายเท่า ก็จะมองเห็นได้ชัดเจนว่าโลกด้านในแฝงไว้ซึ่งสิ่งมีชีวิตจำนวนนับไม่ถ้วน ตอนนี้สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ล้วนทำสมาธิและกำลังกราบไหว้บูชาเพื่อถวายเปลวธูปอันน่าอัศจรรย์ออกมา ที่มาของเปลวธูปเหล่านี้ก็คือศิษย์พี่รองนั่นเอง
เมื่อเขาเอ่ยคำนี้ออกมาและโบกมือขวา พริบตาที่ฟองอากาศเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้น พลังแห่งเปลวธูปหลายชั้นพวกนั้นก็เผาไหม้กลายเป็นอักขระที่แฝงไว้ซึ่งพลังปรารถนาไร้ที่สิ้นสุด แล้วตรงไปขัดขวางโซ่ทั้งเก้าเส้น
เสียงอึกทึกเลื่อนลั่น พลังปรารถนาของอักขระกับโซ่ทั้งเก้าเส้นปะทะเข้าด้วยกัน วิถีแห่งเต๋าดังก้องกังวาน จิตใจของทุกคนสั่นสะท้าน โซ่เก้าเส้นสั่นไหว จักรพิภพสิบกว่าคนบนนั้นพุ่งออกมาเพื่อไปสยบศิษย์พี่รอง
เสียงดังลั่นสะเทือนฟ้า ร่างกายของศิษย์พี่รองเลือนราง สีหน้าซีดขาวเล็กน้อย แต่สองมือกลับผนึกมุทราก่อนโบกออกไป ทันใดนั้นเปลวธูปจำนวนนับไม่ถ้วนจากฟองอากาศก็รวมตัวกันอีกครั้งแล้วเกิดเป็นแท่งธูปที่ถูกจุด!
ทันทีที่ธูปแท่งนี้ปรากฏขึ้นมา หมอกบางเบาก็เข้าพันล้อมทั้งแปดทิศแล้วขวางกั้นไว้อีกครั้ง
ถึงแม้พอจะยับยั้งฝีเท้าของโซ่ทั้งเก้าเส้นและจักรพิภพสิบกว่าคนไว้ได้เล็กน้อย แต่เห็นได้ชัดว่าไม่อาจอยู่ได้นาน ขณะเดียวกันชายชราชุดขาวในเต๋าเก้ารัฐผู้นั้น ตอนนี้เขามองมาจากที่ไกลๆ ด้วยสายตาเย็นชา แต่ไม่ได้ลงมือทันที
ขณะเดียวกัน อีกสามทิศทางที่เหลือ ภาพที่คล้ายคลึงกันนี้ก็ปรากฏขึ้นเรื่อยๆ ผู้ที่เข้ามาใกล้กับทิศที่ศิษย์พี่หญิงใหญ่อยู่ก็คือยักษ์ร่างสูงใหญ่ตนหนึ่ง ยักษ์ตนนี้เป็นเพียงเงาเต๋ามายา ในตัวมันมีจักรพิภพมากมายที่ผนึกมุทราพร้อมกัน ทำให้พลังยิ่งใหญ่ของยักษ์ระเบิดออกพร้อมกับมีหนึ่งหมัดพุ่งเข้ามา แม้ว่าจะถูกศิษย์พี่หญิงใหญ่ขัดขวางไว้ได้ แต่ทางฝั่งศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็กระอักเลือดเช่นกัน ทว่ากลับไม่ถอย
ส่วนทางฝั่งของประมุขซิงอี้สะบักสะบอมยิ่งกว่า คู่ต่อสู้ของเขาคือหม้อใหญ่ที่ทำให้คนใจสั่นสะท้านใบนั้น พลังกดดันสยบน่าตะลึง ทำให้หลังจากเขากระอักเลือดออกมาแล้วผมก็หลุดร่วงแผ่สยาย ก่อนจะเซถอยหลังไม่หยุด
ส่วนผู้ที่สบายที่สุดเดิมควรจะเป็นเทพวัว เพียงแต่คู่ต่อสู้ของเขาไม่ได้มีแค่ฝ่ายเดียว แต่เป็นขวานแยกฟ้าและสะเก็ดดาวสองฝ่ายมาพร้อมกัน สำนักผู้เป็นตัวแทนของเงาเต๋าสองอย่างนี้ก็คือห้าอันดับแรกภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย จักรพิภพที่มาในครั้งนี้ยังมีถึงสิบกว่าคน ตอนนี้ลงมือพร้อมกัน แม้ว่าตัวของเทพวัวเองจะไม่สามัญ แต่ก็ถูกเงาร่างเต๋าโจมตีจนสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง
ชั่วพริบตา เสียงสะเทือนกึกก้อง เสียงการปะทะกันของมหาเต๋า และเสียงคำรามผ่าแยกอวกาศก็ปะทุออกมาไม่หยุดที่ด้านนอกระบบสุริยะ แต่กลับยังมีคนไม่เคลื่อนไหว
ชายชราชุดขาวของเต๋าเก้ารัฐผู้นั้นยังไม่เคลื่อนไหว ยังมีชายชราอีกสี่ท่านผู้มีพลังฝึกตนระดับจักรพิภพชั้นปลายซึ่งมาจากสำนักใหญ่สี่สำนักที่เหลือก็ไม่ได้เคลื่อนไหวเช่นกัน พวกเขาทั้งห้านั่งขัดสมาธิอยู่ที่ห้าทิศทาง สีหน้าท่าทางระมัดระวัง
ปรมาจารย์แห่งไฟยังไม่ออกมา พวกเขาก็ไม่เคลื่อนไหว
หวังเป่าเล่อหรี่ตาลงแล้วดูดซับปราณวิญญาณจำนวนมหาศาลที่แผ่นเลื่อนระดับโลการวมมาให้ พลังฝึกปรือในร่างเลื่อนระดับขึ้นทุกชั่วขณะ ตอนนี้จากห้าสิบกว่าขั้นมาถึงหกสิบขั้นแล้ว
แม้ว่าเป็นจนถึงตอนนี้ก็ไม่อาจปกปิดพลังฝึกปรือและไม่อาจถอนพลังกลับคืนได้แล้ว ดังนั้นกลิ่นอายจึงแผ่ออกไปอย่างช่วยไม่ได้ ทำให้จักรพิภพที่กำลังทำศึกกันอยู่ด้านนอกระบบสุริยะเริ่มสัมผัสได้ทีละคน
ตอนนี้ภายในสายตาของชายชราชุดขาวจากเต๋าเก้ารัฐที่นั่งประจำการอยู่ด้านหลังมีประกายแสงจางๆ ส่องวาบ เขาจ้องมองไปยังหวังเป่าเล่อที่อยู่ในระบบสุริยะอย่างละเอียด พร้อมทั้งมองดูเงาเลือนรางของแผ่นเลื่อนระดับโลกาในระบบสุริยะ จากนั้นจึงกวาดมองจุดที่ขาดหายไปบนแผ่นเลื่อนระดับโลกาแล้วเอ่ยขึ้นทันที
“สหายเต๋าทั้งสี่ท่าน หากตอนนี้สี่สำนักของท่านยังยั้งมืออยู่อีกแล้วพลาดโอกาสนี้ไปก็อย่าได้เสียใจภายหลัง!”
“สหายสามเต๋าคิดมากไปแล้ว ผู้เยี่ยมยุทธ์ของสำนักข้าได้ทุ่มเต็มกำลังแล้ว ไม่อย่างนั้นเต๋าเก้ารัฐก็โจมตีช่องว่างเสียสิ สำนักของข้ายินดีเป็นผู้บุกเบิกหลังจากที่ช่องว่างปรากฏ” เมื่อได้ยินคำพูดของชายชราขุดขาว ชายชราระดับจักรพิภพชั้นปลายสี่ท่านจากสี่สำนักที่ยังไม่ได้ลงมือก็ค่อยๆ เอ่ยปาก
“เช่นนั้นก็ทำแบบนี้ล่ะ!”
“เทพวัวตัวนั้นเป็นสัตว์พาหนะของเพลิงกัลป์ เดิมก็เป็นสัตว์ประหลาดแห่งจักรวาล จะต่อต้านมันได้ง่ายๆ หรือ”
ชายชราชุดขาวของเต๋าเก้ารัฐแค่นเสียงเย็น เขาย่อมมองออกว่าผู้เยี่ยมยุทธ์ระดับจักรพิภพของสี่สำนักยังแอบกักพลังเอาไว้ไม่น้อย ความจริงเต๋าเก้ารัฐก็เช่นกัน นี่ไม่ใช่การอ่อนข้อให้ แต่ไม่มีใครอยากจะทะลวงฝ่าเข้าไปในระบบสุริยะเป็นคนแรก ซึ่งนั่นจะดึงดูดปรมาจารย์แห่งไฟและตกเป็นเป้าหมายอันดับแรกได้
ทุกคนฝึกตนมาจนถึงระดับเช่นนี้ย่อมไม่โง่ เมื่ออยู่ข้างนอกแต่ละคนล้วนเป็นตาเฒ่าเจ้าเล่ห์ทั้งนั้น เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในสายตาของชายชราชุดขาวก็ตัดสินใจได้แล้วเอ่ยออกมาทันที
“สหายเต๋าทั้งสี่ ถ้าหากเพลิงกัลป์มาถึง ชายชราผู้นี้จะเป็นกำลังหลักในการสกัดกั้นเอง แลกกับให้พวกเจ้าสี่สำนักลงมือเต็มที่เป็นอย่างไร”
หลังเงียบงันไปชั่วขณะ ชายชราระดับจักรพิภพชั้นปลายทั้งสี่คนจากสี่สำนักก็พยักหน้า จากนั้นก็ออกคำสั่งธรรมทันที พริบตาต่อมา…เทพวัวและประมุขซิงอี้รวมถึงทางฝั่งศิษย์พี่หญิงใหญ่ก็เกิดเสียงสนั่นสะเทือนฟ้าดังขึ้นมา ผู้ที่ถูกโจมตีพ่ายแพ้ก่อนย่อมเป็นทางฝั่งซิงอี้
เขากระอักเลือดออกมา ขณะที่ร่างกายถอยร่น ก็มีเงาเต๋าสามร่างพุ่งผ่านเขาเข้าไปในระบบสุริยะ ครั้งเดียวก็เข้าไปใกล้ แต่เพิ่งจะก้าวเข้าไป แต่ละคนกลับถูกแรงต้านสกัดกั้นไว้พร้อมกับเสียงดังสนั่น
สิ่งที่ขัดขวางไม่ให้พวกเขาเข้าไปในระบบสุริยะก็คือเกราะกำบังที่แผ่นเลื่อนระดับโลหาแผ่ออกมาจากตัวมันนั่นเอง มันเทียบได้กับวงแหวนปราณ ทำให้ผู้ฝึกตนทั้งสามไม่อาจก้าวเข้าไปในระบบสุริยะในทันที
ทั้งสามคนมองหน้ากันแต่ไม่ได้พูดจา กลับลงมือโจมตีวงแหวนปราณที่ขวางไม่ให้พวกเขาเข้าไป ตั้งแต่ต้นจนจบ พวกเขาล้วนไม่ได้ตรงไปยังจุดขาดแหว่งนั่น และไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ด้วย
ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่รู้ กลับกัน…เมื่อมาถึง สำนักทั้งห้ารวมถึงเต๋าเก้ารัฐก็เห็นส่วนขาดหายบนแผ่นเลื่อนระดับโลกาแล้ว
แต่นั่น…เห็นได้ชัดเจนเกินไป แค่เป็นผู้ที่ระมัดระวังสักหน่อยก็จะไม่เลือกโจมตีแล้ว
ดังนั้นในไม่ช้า ด้านนอกระบบสุริยะก็มีเสียงสะเทือนเลื่อนลั่นดังขึ้นอีกครั้ง ขณะที่ซิงอี้ ศิษย์พี่หญิงใหญ่ และศิษย์พี่รองถอยร่นไปตามๆ กันนั้น เงาร่างมากมายก็พุ่งเข้ามาโจมตีเกราะป้องกันของแผ่นเลื่อนระดับโลกา
ส่วนหวังเป่าเล่อในตอนนี้ ดวงตาของเขาส่องวาบเล็กน้อยอย่างไม่อาจจับสังเกตได้
“ยังไม่พอหรอก” เขาพึมพำอยู่ในใจ การเลื่อนระดับของพลังฝึกตนมาถึงหกสิบสามและหกสิบสี่ขั้น ราวกับรีบเร่งอยู่สักหน่อย ไม่รู้ว่าใช้วิชาอะไรถึงดูดซับและเลื่อนระดับเร็วมากขนาดนี้
ขณะเดียวกัน ที่ด้านนอกระบบสุริยะ จักรพิภพที่มาจากแต่ละสำนัก แม้ว่าความเร็วจะช้าไปหน่อย แต่ตอนนี้ก็ได้เดินทางมาถึงตามๆ กันแล้ว และทันทีที่พวกเขาปรากฏตัว ดวงตาของชายชราชุดขาวของเต๋าเก้ารัฐก็สดใสขึ้นในทันที
“แผ่นเลื่อนระดับโลกามีจุดขาด พวกเจ้าทำตามคำสั่งของข้าแล้วเดินหน้าไปสยบมันซะ!”
………………………………….