หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1233 บุกเต๋าเก้ารัฐ!
“จักรพรรดิสวรรค์กวงหมิงตั้งกองทัพอยู่ที่เขตแดน…”
“เต๋าเก้ารัฐประณามสหพันธรัฐอย่างเปิดเผย! ”
“สี่สำนักใหญ่ต่างลิงโลดไปตามๆ กัน เดินหน้าถอยหลังไปพร้อมๆ กับเต๋าเก้ารัฐ…”
“ดวงจิตเทพผู้อาวุโสไม่รู้สิ้นมาตักเตือนข้า…”หวังเป่าเล่อผุดยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มนี้ช่างเย็นเยียบ เขามองออกว่าสหพันธรัฐยืนเดี่ยวเรื่องนี้ยังห่างจากขีดจำกัดของตระกูลคงกระพันอยู่บ้าง
ไม่เช่นนั้น ก็คงไม่มีเหตุการณ์ที่ดูอันตราย มุ่งด้วยเจนาร้ายเช่นนี้ แต่เป็นการมาปราบตนของตระกูลคงกระพันอย่างสุดชีวิตแทน แต่หากคิดเช่นนี้ เป็นกลางชั่วนิรันดร์ประโยคนี้จากมติประชุมสหพันธรัฐ เห็นได้ชัดว่ามีผลอยู่บ้าง
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้…งั้นก็ยุต่ออีกหน่อยก็แล้วกัน ในเมื่อเฉินชิงจื่อช่วยข้าแล้ว ด้วยคุณธรรม…ข้าก็ต้องช่วยเขาเสียหน่อย ”หวังเป่าเล่อนิ่งงัน สัมผัสถึงเมล็ดพันธุ์เต๋าธาตุไม้ของตนเอง
เมล็ดพันธุ์นี้ได้ฝังลงในดวงวิญญาณเทพของร่างตนเรียบร้อยแล้ว หากอยากให้สำเร็จถึงระดับที่ต้องการ สิ่งที่ต้องการ…ไม่ใช่การฝึกอีกต่อไป แต่เป็นการสัมผัสรับรู้รวมทั้งผสานรวมกับพลังเต๋าธาตุไม้อื่นๆ
“ยังมีอีกวิธี ก็คือผสานรวมเมล็ดพันธุ์เต๋าทั้งห้าธาตุ หากธาตุทั้งห้าสมบูรณ์เกิดการหมุนเวียนขึ้นเมื่อใด…เต๋าแห่งธาตุทั้งห้าก็จะกลายเป็นดั่งกาลักน้ำ หากเป็นเช่นนี้ จะสำนักเสริมหรือใจกลางจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น เต๋าแห่งธาตุทั้งห้าในนั้นย่อมกลายเป็นต้นกำเนิดของข้าทั้งสิ้น! ”
“ต่อจากนั้น เต๋าธาตุดินยังต้องพักไว้ก่อน เต๋าอื่นๆ ก็ยังอีกไกล มีเพียง…สมบัติล้ำค่าบรรจุเต๋าธาตุน้ำเท่านั้นแล้ว ”หวังเป่าเล่อนัย์ตาวาววับมองไปทางเต๋าเก้ารัฐ
ด้วยพลังปราณและการสัมผัสรู้ต้นไม้ใบหญ้าของเขาในตอนนี้ เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าในเต๋าเก้ารัฐมีสิ่งที่สามารถบรรจุเต๋าธาตุน้ำอยู่ ส่วนเป็นอะไรนั้นเขาไม่รู้ แต่ความรู้สึกไม่ผิดแน่
“เต๋าเก้ารัฐ! ”หวังเป่าเล่อเงียบงันไปหลายอึดใจ นัยน์ตาฉายแววเด็ดเดี่ยว ในเวลานี้หลายสำนักอย่างเต๋าเก้ารัฐออกมาประณามกันอย่างแข็งขัน จักรพรรดิสวรรค์กวงหมิงปักหลักมั่นอยู่ด้านนอก ผู้อาวุโสไม่รู้สิ้นก็เพิ่งสะเทือนสยบ หากตนจะหยุดเพียงเท่านี้ก็พูดไม่ได้ว่าอ่อนแอ
ดังนั้น หากจะโต้กลับ หากจะลองหยั่งเชิงขีดจำกัดต่อ ก็ต้องตีเหล็กตอนร้อนๆ แสดงท่าที…เป็นผู้ที่ไม่สามารถหยามเหยียดกันได้ง่ายๆ ออกไป มีเพียงทางเดียว…ถึงจะสยบลงได้ และก็สามารถช่วยเหลือเฉินชิงจื่อไปพร้อมๆ กันได้ด้วย บรรเทาแรงกดดันของเขา อีกทั้ง…ยังทำให้ทางด้านตี้ซานได้สมบัติสวรรค์เต๋าธาตุดินมาฟื้นฟูพลังปราณของเขาได้อย่างราบรื่นขึ้นด้วย
“ข้านับว่าเป็นแผนโจ่งแจ้ง ไม่ใช่แผนลับๆ ต่อให้ผู้อาวุโสไม่รู้สิ้นมองออก นอกเสียจากไม่ทำ ไม่อย่างนั้น…สุดท้ายก็ยังต้องจัดการแบบนี้อยู่ดี! ”คิดได้ดังนี้ก็ไม่ลังเลอีกต่อไป ไม่ได้ขยับร่างแท้ของตน แต่ธรรมกายที่อยู่นอกระบบสุริยะหยัดกายขึ้นในทันที ก่อนก้าวเข้าไปทางความว่างเปล่า
เท้าย่ำลง ท้องฟ้าสนั่นครืน ระเบิดระลอกคลื่นไปทั่วสารทิศ ธรรมกายของหวังเป่าเล่อปรากฏเป็นขนาดมนุษย์ปกติ หายไปจากตำแหน่งเดิม ก่อนปรากฏขึ้นอีกครั้งที่…นอกดาราจักรของเต๋าเก้ารัฐในฉับพลัน
จักรวาลโคจร สัมผัสสวรรค์ของสรรพสิ่งล้วนถูกกระตุ้น เหล่าชนชั้นสูงในระดับเดียวกันยิ่งมีสัมผัสเชื่อมกัน โดยเฉพาะยิ่งหวังเป่าเล่อที่ทรงพลังอย่างมากในตอนนี้ ทุกอากัปกิริยาของเขาล้วนไม่สามารถปกปิดได้ พริบตาที่หายไปและปรากฏขึ้นหลายคนก็สัมผัสได้ในทันที
โดยเฉพาะผู้อาวุโสเต๋าเก้ารัฐพลันลืมตาขึ้นจากสถานที่ถือสันโดษอยู่ในทันที นัยน์ตาฉายแววอาฆาต เมื่อมือขวาขยับยก อภิมหาวงแหวนปราณของเต๋าเก้ารัฐก็เริ่มขยับที่นอกประตูใหญ่ในทันที
จากสายตาของหวังเป่าเล่อ เมื่อวงแหวนปราณของเต๋าเก้ารัฐเริ่มเคลื่อน ดาราจักรเบื้องหน้าพลันเปลี่ยนแปลงจนกลายเป็นน้ำวนขนาดยักษ์ขึ้น และภายในนั้นก็มีโซ่เก้าเส้นที่เปล่งแสงสีทองบาดตาราวกับมังกรที่ขยับไปมา ด้านบนเต็มไปด้วยภาษาโบราณและแฝงกลิ่นสังหารอย่างรุนแรงอยู่ภายใน
และในเวลาเดียวกันนี้ ตระกูลต่างๆ ศิษย์ทุกคนทั่วทั้งในดาราจักรเต๋าเก้ารัฐล้วนนั่งขัดสมาธิลง มอบพลังปราณของตนประสานเข้าในวงแหวนปราณ เหล่าชนชั้นสูงของเต๋าเก้ารัฐอีกส่วนก็ทยอยกันบินออกไปราวกับดวงดารา ระเบิดแรงบีบคั้นของตนให้ถึงขีดสูงสุดอย่างตั้งใจ
ด้านหลังพวกเขา ผู้อาวุโสเต๋าเก้ารัฐที่ถือสันโดษมานานปี เมื่อในเวลานี้เริ่มเคลื่อนวงแหวนปราณ ก็ออกจากสถานที่ถือสันโดษ ชุดคลุมยาวสีขาวตลอดร่าง เส้นผมขาวโพลนแลดูไม่ธรรมดา นัยน์ตาราวกับมีประกายไฟ แผ่ระลอกคลื่นออกมาจากร่างตลอดเวลาดุจระลอกน้ำกระจายไปทั่วทุกสารทิศ
และบนหว่างคิ้วเขาก็มีตราผนึกหยดน้ำหนึ่งหยด! !
ไม่เพียงเท่านี้ แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่ประตูใหญ่เต๋าเก้ารัฐเปิดออก ในดาราจักรเต๋าเก้ารัฐพลันปรากฏแสงขนาดใหญ่ยากจะเปรียบสี่บานประตู ในนาทีนี้พลันเปิดออกทั้งหมด มีกองทัพผู้ฝึกตนที่มาจากจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายและอีกสี่สำนักใหญ่พลันก้าวออกมา มีจักรพิภพสำนักต่างๆ รวมทั้งผู้อาวุโสอีกทั้งยังพกของล้ำค่าออกมาด้วย
นาทีนี้ ห้าสำนักใหญ่ร่วมมือกันทำให้พลังของวงแหวนปราณยิ่งแข็งแกร่ง หลังจากโซ่เก้าเส้นปรากฏ ก็ยังมีมนุษย์ขนาดยักษ์ ขวานรบ กระถางสำริดสามขาขนาดยักษ์และสะเก็ดดาว
แต่เพียงเท่านี้ เห็นได้ชัดว่ายังไม่ใช่การเตรียมพร้อมทั้งหมดของเต๋าเก้ารัฐ ที่ตอนแรกผู้อาวุโสเต๋าเก้ารัฐกล้าออกมาประณามสหพันธรัฐ ย่อมต้องมีที่พึ่ง ส่วนที่พึ่งของเขา…ไม่จำเป็นต้องเดา ขอเพียงเป็นผู้ที่คิดวิเคราะห์ได้ก็ย่อมรู้
ก็คือ…จักรพรรดิสวรรค์กวงหมิงที่ปักหลักอยู่ด้านนอก
ดังนั้นก็แทบจะเป็นเวลาเดียวกับที่หวังเป่าเล่อมาถึงเต๋าเก้ารัฐ จักรพรรดิสวรรค์กวงหมิงที่อยู่ที่เขตแดนนัยน์ตาฉายแววเด็ดเดี่ยว นำกองทัพตระกูลไม่รู้สิ้นมุ่งเข้าไปในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายทันที
นาทีนี้ สายตาของผู้เยี่ยมยุทธ์ทุกคู่ล้วนมองมาเป็นจุดเดียวกัน มารเต๋าแห่งเต๋าเจ็ดวิญญาณลุกยืนโดยพลัน นัยน์ตาวูบไหวราวกับกำลังชั่งน้ำหนัก ผู้อาวุโสแห่งสำนักดาราจันทร์เปิดตาขึ้นช้าๆ แววตาเคร่งขรึมวาบผ่าน
ผู้อาวุโสตระกูลเซี่ยเงียบงัน ทว่ามือขวากลับผนึกมุทราขึ้นอย่างรวดเร็ว ไร้กระแสเวทใดเคลื่อนไหว แต่หากมีคนตระกูลเซี่ยผู้ใดที่ที่คุ้นเคยกับเขาเห็นเข้า ล้วนต้องสั่นสะท้านขึ้นในใจ เพราะผู้อาวุโสตระกูลเซี่ยมีนิสัยอย่างหนึ่ง ทุกครั้งที่เขาจะตัดสินกระทำเรื่องใหญ่โตล้วนเป็นเช่นตอนนี้
และยิ่งเร็วเท่าไรก็ยิ่งหมายความว่าการตัดสินใจนี้ยิ่งสำคัญมากขึ้นเท่านั้น เวลานี้…มือขวาเขาที่กำลังผนึกมุทราได้พร่าเลือนไปแล้ว…
ยังมีจีเจียในตระกูลคงกระพันรวมทั้งซวนฮว๋าที่ถือสันโดษ คนหน้าเคร่งเครียด คนหลังดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ มองไปทางสนามรบอยู่ในตราผนึก
และยังมีผู้เยี่ยมยุทธ์ของสำนักแห่งความมืดที่ต่างกำลังเฝ้ามอง
พูดได้ว่า…ศึกครั้งนี้ของสำนักแห่งความมืดกับตระกูลคงกระพันราวกับไม่ใช่ท่วงทำนองหลักของยุคนี้อีกต่อไปแล้ว เป็นหวังเป่าเล่อถึงจะถูก!
เขาถือสันโดษไม่ออกมาก็ช่างเถอะ ตอนนี้ทันทีที่ออกมาก็กระทำการใหญ่ติดต่อกันครั้งแล้วครั้งเล่า อีกทั้งเบื้องหลังของทุกๆ เรื่องยังราวกับมีเบื้องลึก แต่รูปแบบเช่นนี้ก็ทำให้ผู้คนหวาดกลัวขึ้นอย่างอดไม่ได้
และในขณะที่สายตาทุกคู่ของเหล่าชนชั้นสูงมองมา ยามจักรพรรดิสวรรค์กวงหมิงมาถึง อากาศเบื้องหน้าเขาพลันบิดม้วน เงาร่างเยาถงก้าวออกมาขวางอยู่หน้าจักรพรรดิสวรรค์กวงหมิง
ในใจนางเวลานี้สับสนอย่างที่สุด สีหน้าย่ำแย่ แต่ก็ไม่สามารถไม่มาได้ ในหัวก็ผุดภาพที่หวังเป่าเล่อสั่งนางก่อนหน้านั้น
“ขัดขวางกวงหมิง! ”
“คุณชาย ข้า…ข้าทำไม่ได้ นอกเสียจากท่านจะคืนแก่นสำคัญให้ข้า ข้าถึงจะสู้กับจักรพรรดิสวรรค์ได้ ”
“ไม่จำเป็น ขัดขวางแค่ยี่สิบลมหายใจก็พอ ”
“ยี่สิบลมหายใจ”เยาถงกัดฟัน พริบตาที่เห็นกวงหมิง พลังปราณปะทุขึ้นทำให้กาลเวลารอบๆ บิดม้วนกลายเป็นผนึก
ในขณะเดียวกัน ผู้อาวุโสเต๋าเก้ารัฐเพ่งมองไปทางหวังเป่าเล่อที่นอกดาราจักร พลางเอ่ยเสียงต่ำ
“หวังเป่าเล่อ เจ้ามาด้วยเหตุใด? หากเหยียบเข้ามาในสำนักนี้ เจ้าและข้า…ไม่ตายไม่เลิกรา! ”
หวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่นอกดาราจักรเต๋าเก้ารัฐนัยน์ตาระยับ ยกเท้าขึ้นก้าวไปทางวงแหวนปราณย่ำลงไปทันที!
เสียงเขาสะท้อนไปทั่วทุกสารทิศ
“วันนี้หวังเป่าเล่อมาที่นี่ ทำลายเต๋าเก้ารัฐ และนำของชิ้นหนึ่งไป! ”
……………………………