หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1239 กุมอำนาจ!
“ต่อไป…ข้าจะเป็นผู้กุมอำนาจ” ความในใจของหวังเป่าเล่อ คนนอกไม่อาจล่วงรู้ เมื่อมาถึงระดับการฝึกปรือเช่นนี้ ต่อให้เป็นปรมาจารย์ตระกูลไม่รู้สิ้นหรืออดีตศิษย์พี่ของตนอย่างเฉินชิงจื่อก็ไม่มีทางมองเห็นทะลุปรุโปร่ง และยากจะประมาณการ
ผู้เยี่ยมยุทธ์ในระดับนี้ทุกคนล้วนบรรลุถึงระดับที่ควบคุมโชคชะตาตนเองได้แล้ว คนอื่นทำได้เพียงคาดเดาวิเคราะห์กันเองจากร่องรอยเท่านั้น ไม่อาจอาศัยวิชาเวทพลังเทพเพื่อมาล่วงรู้ความจริงได้
จุดนี้ก็คือความแตกต่างระหว่างผู้เยี่ยมยุทธ์กับผู้ฝึกตน
ดังนั้นแล้ว ชั่วขณะที่หวังเป่าเล่อเอ่ยประโยคนี้ออกไปและเสียงของเขาดังสะท้อนอยู่ในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายนั้น สรรพชีวิตของเต๋าฝั่งซ้ายก็ล้วนมีจิตแห่งการต่อสู้พุ่งสูงเทียมฟ้า ราวกับว่าจะติดตามหวังเป่าเล่อไปทำสงครามคุมกำอาจด้วยกันจริงๆ อย่างไรอย่างนั้น
ส่วนภายในจักรพิภพสำนักเสริม แววตาของปรมาจารย์แห่งสำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณสว่างวาบในทันใด และยิ่งฉายแววคาดหวังออกมาด้วย!
สำหรับเขาแล้ว หวังเป่าเล่อไม่ใช่ศัตรู ขณะเดียวกันก็ยังมีความสัมพันธ์กับศิษย์ลำดับที่สิบเจ็ดของสำนักตนอีกฝ่ายอยู่ เรื่องที่เดิมทีเคยทำให้เขารู้สึกโมโหและอับอาย ได้เปลี่ยนไปกลายเป็นทำให้เขารู้สึกชื่นชมถึงขั้นประทับใจด้วยซ้ำ
ศิษย์ลำดับสิบเจ็ดของสำนักตนเป็นลูกชายของหวังเป่าเล่อ แม้ว่าจะเป็นลูกบุญธรรม แต่ความสัมพันธ์เช่นนี้…เห็นได้ชัดว่าได้เปรียบยิ่งกว่าสำนักอื่นมากนัก
ดังนั้นเขาคิดว่าตนกับหวังเป่าเล่อจึงนับว่าเป็นพันธมิตรไปโดยปริยาย เพราะว่า…พวกเขามีเป้าหมายเดียวกัน ล้วนทำเพื่อให้หลุดพ้นจากตระกูลไม่รู้สิ้น ปรมาจารย์แห่งสำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณอยากจะหลุดพ้นจากการควบคุมของตระกูลไม่รู้สิ้นตั้งนานแล้ว เพียงแต่ก่อนหน้านี้เขาหัวเดียวกระเทียมลีบ ไม่อาจทำได้
ต่อให้เขาอยู่ระดับจักรวาลและถือได้ว่าเป็นจอมพลัง แต่จักรพรรดิสวรรค์ของตระกูลไม่รู้สิ้นนั้นมีมากเกินไป ยิ่งกว่านั้นยังมีปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งที่ล้ำลึกจนคาดเดาไม่ถูก ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงอดกลั้นมาหลายปี แต่ในฐานะที่เป็นระดับจักรวาล จะยินยอมให้ผู้อื่นได้อย่างไร
การปรากฏตัวของสำนักแห่งความมืดทำให้เขามองเห็นความหวัง และการจุติของหวังเป่าเล่อก็ยิ่งทำให้เขาคิดว่าความหวังนี้ยิ่งใหญ่จนไม่มีที่สิ้นสุดไปแล้ว ดังนั้นเขาจึงหวังว่าจะได้เห็นหวังเป่าเล่อบุกเข้าไปในตระกูลไม่รู้สิ้น แล้วบุกเบิกน่านน้ำสีครามเพื่อตัวเขาและตัวเอง!
ส่วนตัวเขานั้นก็จะไม่ทำแค่เฝ้าดู เขาได้เตรียมตัวพร้อมลงมือตลอดเวลาอยู่แล้ว รอแค่…โอกาสที่จะมาถึงเท่านั้น
ขณะนี้เอง ยังมีอีกหนึ่งคนก็ทอดมองมาเช่นกัน คนผู้นี้คือปรมาจารย์แห่งสำนักดาราจันทร์ เขานั่งขัดสมาธิอยู่หน้าน้ำตกและให้ความสนใจกับเรื่องทั้งหมดด้วย แววตาของเขาไร้ความรู้สึก แต่ถ้าหากมองอย่างละเอียดๆ ก็จะเห็นว่าส่วนลึกในแววตาของเขา…มีความคาดหวังแบบเดียวกัน!
พร้อมกันนั้น เสียงของหวังเป่าเล่อก็ดังมาถึงภายในตระกูลไม่รู้สิ้น ทำให้จักรพรรดิสวรรค์สองสามคนนั้นของตระกูลไม่รู้สิ้นหน้าเปลี่ยนสี โดยเฉพาะจักรพรรดิสวรรค์กวงหมิง จิตใจของเขาผันผวนอย่างมาก ตอนนี้ฝ่ามือที่ฟื้นกลับมาเหมือนเดิมมีอาการปวดแปลบแผ่ขึ้นมา ในใจมีคลื่นลูกยักษ์ซัดโหม ทำให้เขาร้องเสียงเบาออกมา
“ไม่ดีแล้ว ทางเสวียนหัว…” แทบจะในชั่วขณะที่เขาเอ่ยขึ้นมา จักรพรรดิสวรรค์จีเจียก็ก้าวออกไปแล้วหายตัวไปจากจุดเดิม ก่อนจะปรากฏตัวขึ้นที่…สถานที่กักตัวของจักรพรรดิสวรรค์เสวียนหัว
ขณะที่เขาปรากฏตัวนั้น ก็เป็นเวลาเดียวกับที่เสวียนหัวร้องคำรามบ้าคลั่งออกมา การก่อตัวของเมล็ดเต๋าธาตุน้ำของหวังเป่าเล่อและการระเบิดของพลังธาตุไม้ทำให้จิตใจของเสวียนหัวเกือบจะสูญเสียเกราะป้องกันไป จากนั้นพลังฝึกตนของหวังเป่าเล่อก็ทะลวงขึ้นมา คล้ายกับมีการโจมตีไร้รูปกระแทกเข้ามาทำให้เสวียนหัวที่เดิมทีก็ยากจะต่อต้านได้ ทรุดทลายโดยพลัน
ขณะที่เสวียนหัวเป็นบ้าผมเผ้ายุ่งเหยิงอยู่ที่นี่ คนทั้งคนก็ผุดลุกขึ้นยืนราวกับอยากจะพุ่งออกจากสถานที่กักตน พุ่งออกจากตระกูลไม่รู้สิ้น แล้วเดินทาง…ไปสักการะบูชาที่จักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย!
แต่กลับถูกจักรพรรดิสวรรค์จีเจียที่เพิ่งมาถึงขัดขวางไว้แล้วสยบตัวเขาลงด้วยพลังทั้งหมด ถึงอย่างไรเขาก็เป็นร่างแยกของปรมาจารย์ตระกูลไม่รู้สิ้น พลังฝึกปรือสูงส่งล้ำลึกยิ่งกว่าเสวียนหัว ขณะนี้พอเขาใช้พลังทั้งหมดออกมา ในที่สุดก็ทำให้จิตใจเสวียนหัวฟื้นคืนเป็นปกติได้ แต่อิทธิพลที่หวังเป่าเล่อมีต่อเสวียนหัวจะธรรมดาง่ายดายขนาดนั้นได้อย่างไร
ขณะที่เขาเดี๋ยวผุดเดี๋ยวล้มอยู่นั้น แม้ว่าสติปัญญาบางส่วนของเสวียนหัวจะฟื้นกลับมาแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มั่นคงเลย โชคดีที่จักรพรรดิสวรรค์กวงหมิงก็ปรากฏตัวต่อจากนั้นแล้วช่วยจีเจียสยบไว้ด้วยกัน ถึงได้ทำให้เสวียนหัวตัวสั่นเทาพร้อมกับใบหน้าซีดขาว นับว่าฝืนกดการคงอยู่ของจิตมารในร่างของเขาไว้ได้
แต่ในตอนนี้เอง…สีหน้าของจีเจียกลับเปลี่ยนไปอีกครั้ง
“ตี้ซาน…” ขณะที่เสียงเขาดังออกมา ดวงตาของจักรพรรดิสวรรค์กวงหมิงก็หดเกร็งอย่างรุนแรง เขาหันหน้าทอดมองไปไกลๆ ทันที ประกายแสงในดวงตาของเขาคล้ายมองทะลุสายธารดวงดาวไปยังดาราจักรด้านหลังตระกูลไม่รู้สิ้นในตอนนี้ ท่ามกลางทะเลดวงดาวผืนนี้เอง ตี้ซานกำลังนั่งทำสมาธิ ตัวเขาหายดีไปมากกว่าครึ่งอย่างเห็นได้ชัด
กายเนื้อดั้งเดิมของตี้ซานถูกหวังเป่าเล่อสังหารไปแล้ว ดวงวิญญาณเทพของเขาก็ได้รับบาดเจ็บ แต่ตอนนี้เห็นได้ชัดว่าได้รับการรักษาอย่างทรงพลังแล้ว ไม่ใช่แค่กายเนื้อที่ถูกปั้นขึ้นใหม่อีกครั้งเท่านั้น คลื่นผันผวนของพลังฝึกตนก็ถึงขั้นแข็งแกร่งยิ่งกว่าเมื่อก่อนเล็กหน่อยด้วย
จินตนาการได้เลยว่าทันทีที่พลังฝึกปรือของเขาฟื้นคืนกลับมาทั้งหมด เกรงว่าพลังต่อสู้ก็จะก้าวกระโดดขึ้นสู่ระดับสูงยิ่งกว่าระดับเดิมด้วย
แต่ในตอนนี้เอง…ขณะที่จักรพรรดิสวรรค์กวงหมิงและจักรพรรดิสวรรค์จีเจียมองไปยังตี้ซาน ทางหวังเป่าเล่อที่อยู่ในดาวอังคารของระบบสุริยะภายในจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย แววตาจากร่างจริงของเขาส่องประกายจางๆ ก่อนก้าวออกมาฉับพลัน ก้าวหนึ่งเข้าไปยังอวกาศ
เมื่อเท้าของเขาแตะลงมา ร่างกายเขาก็พร่าเลือน เมื่อเงาร่างของเขาชัดเจนขึ้นอีกครั้ง เขาก็ออกมาจากดาวอังคาร ออกมาจากระบบสุริยะ ออกมาจากจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้าย แล้วปรากฏตัวที่…จักรพิภพใจกลางไม่รู้สิ้น ปรากฏที่…ด้านหลังของตระกูลไม่รู้สิ้น ท่ามกลางทะเลดวงดาวที่ตี้ซานนั่งสมาธิอยู่!
ที่นี่คือบริเวณด้านหลังตระกูลไม่รู้สิ้นแล้ว ปกติหมื่นสำนักหมื่นและตระกูลไม่กล้าก้าวเข้ามาง่ายๆ แต่วันนี้…หวังเป่าเล่อเพียงก้าวหนึ่งก้าวก็ข้ามผ่านความเวิ้งว้าง จนมาถึงที่นี่แล้ว
และการปรากฏตัวของเขาก็ทำให้จักรพิภพใจกลางไม่รู้สิ้นเกิดคลื่นผันผวนรุนแรงทันที นั่นคือการปะทะชนของมหาเต๋ากับมหาเต๋า เป็นอิทธิพลจากเต๋าธาตุไม้และธาตุน้ำของหวังเป่าเล่อที่มีต่อจักรพิภพใจกลางไม่รู้สิ้น
เพียงชั่วพริบตา ผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นจำนวนนับไม่ถ้วนก็พากันตัวสั่นเทา คล้ายกับว่าตอนนี้เอง พลังธาตุไม้และน้ำภายในร่างของพวกเขาล้วนถูกชักนำ โชคดีที่พลังแห่งเต๋าสวรรค์ตระกูลไม่รู้สิ้นมาถึง จึงพอจะกำจัดมันไปได้
แต่สุดท้ายแล้ว กระบวนการที่ยังเกิดขึ้นต่ออีกไม่กี่อึดใจ…ทำให้ตระกูลไม่รู้สิ้นได้รับผลกระทบ แม้แต่วงแหวนปราณระดับสุดยอดที่เกิดจากเส้นเลือดของสำนักก็ยังได้รับผลกระทบเช่นกัน ส่วนทางหวังเป่าเล่อก็สามารถปรากฏตัวขึ้นที่นี่ได้อย่างราบรื่นไร้ใดเปรียบ
ไม่แปลกเลยที่ตี้ซานจะเป็นจักรพรรดิสวรรค์ เขารู้สึกตัวทันที พริบตาที่เงยหน้ามองหวังเป่าเล่อ สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปยกใหญ่ การเปลี่ยนแปลงแบบเดียวกันก็เกิดขึ้นกับกวงหมิงและจีเจียด้วย แต่ตอนนี้คนทั้งสองไม่อาจจากไปได้ เพราะทางเสวียนหัวนี้ จิตมารที่เดิมถูกบังคับสยบเอาไว้กลับคล้ายถูกเสริมแรงขึ้นมาในตอนนี้ และคล้ายกับถูกเพรียกหา มันระเบิดออกมาทันใด ทำให้คนทั้งสองจำต้องใช้กำลังทั้งหมดสยบเอาไว้จึงจำสำเร็จ ทำให้ไปช่วยเหลือไม่ได้ในระยะหนึ่ง
“หวังเป่าเล่อ!” ในแววตาของตี้ซานเผยความบ้าคลั่งออกมา เขาผุดลุกทันที อุปนิสัยของเขามุทะลุ ตอนนี้เมื่อรับรู้ถึงอันตราย เขาก็ไม่ได้ถอยหนี แต่กระโจนพุ่งออกจากทะเลดวงดาว คนทั้งคนกลายเป็นยอดเขาไร้ที่สิ้นสุดพุ่งตรงไปสยบยังหวังเป่าเล่อ
“ตี้ซาน ข้าชื่นชมเจ้ามาก” หวังเป่าเล่อกล่าวราบเรียบ แม้เขาจะสัมผัสกับจักรพรรดิสวรรค์ของตระกูลไม่รู้สิ้นมาหลายครั้ง แต่ตี้ซานผู้นี้มีบุคลิกเป็นของตัวเองจริงๆ ความเย่อหยิ่งและยึดมั่นแบบนั้นช่างเข้ากับการถูกเรียกว่าเป็นผู้เยี่ยมยุทธ์เสียจริง
ดังนั้น สำหรับจอมพลังเช่นนี้ หวังเป่าเล่อจึงเลือกใช้วิชาเต๋าธาตุไม้อันไร้ที่สิ้นสุดภายใต้กฎไม้เสริมน้ำในปัจจุบันนี้ออกมา ถึงแม้จะด้อยกว่าคืนพินาศ แต่ก็น่าตกตะลึงยิ่ง เขาโบกมือ ทั่วทั้งอวกาศส่งเสียงดังสนั่น เส้นสายธาตุไม้หลายเส้นปรากฏขึ้นมาจากความว่างเปล่าแล้วรวมตัวรอบกายของหวังเป่าเล่อโดยตรง ก่อตัวเป็นฝ่ามือไม้ขนาดยักษ์ข้างหนึ่ง แล้วตบลงไปที่ภูเขาขนาดมหึมาที่กำลังเคลื่อนเข้ามาหาโดยตรง
ในเวลาเดียวกัน หวังเป่าเล่อก็สังเกตเห็นคลื่นผันผวนของเต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืดปรากฏขึ้นมาในตระกูลไม่รู้สิ้นอย่างแม่นยำ และมีเสียงคำรามต่ำดังมาจากที่ไกลๆ
“เฉินชิงจื่อ เจ้าวางแผนจะทำศึกตัดสินกับข้าในวันนี้จริงๆ หรือ”
หวังเป่าเล่อเงียบงัน ไม่ได้พูดอะไร เพียงแต่แววตาลึกล้ำอยู่สักหน่อย เขาลงมือรุนแรงยิ่งกว่าเดิม พลังฝึกตนระดับจักรพิภพชั้นกลางภายในร่างระเบิดออกมาโดยสมบูรณ์ เต๋าธาตุน้ำกลายเป็นพลังต้นกำเนิดของเต๋าธาตุไม้ มันโคจรจนถึงขีดสูงสุด ภายใต้ห้าธาตุส่งเสริมกันนี้ ทำให้เต๋าธาตุไม้เป็นเหมือนกับดวงดาวดวงเดียวในอวกาศที่ส่องสว่างเจิดจรัส
พริบตาเดียวฝ่ามือจากเต๋าธาตุไม้ก็ปะทะเข้ากับภูเขาลูกมหึมาที่เกิดจากตี้ซาน
อวกาศสะเทือนเลื่อนลั่น จุดที่ทั้งสองฝ่ายปะทะกันเกิดคลื่นผันผวนราวกับผลักภูเขาพลิกทะเลหลายชั้นพวยพุ่งขึ้นมาในทันที มันแผ่ขยายเสียงดังลั่นไปทั่วทุกทิศ ทุกที่ที่มันเคลื่อนผ่าน ภายในตระกูลไม่รู้สิ้นก็จะสั่นสะเทือน ถึงขั้นที่อวกาศก็ยังพังทลายลงมาและแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
และสิ่งที่แตกสลายก่อนใครก็คือ…ภูเขามหึมาที่เกิดจากตี้ซาน!
รอยร้าวหลายเส้นแพร่กระจายไปทั่วภูเขายักษ์ลูกนี้โดยตรง มันแผ่ขยายในชั่วพริบตา และในอึดใจต่อมา ภูเขากว้างใหญ่ไพศาลน่าตะลึงคล้ายจะสยบสรรพชีวิตหมื่นเต๋าไว้ได้ลูกนี้ก็พังทลาย แตกสลายเป็นเสี่ยงๆ
เงาโลหิตสายหนึ่งถูกพลังมหาศาลโจมตีเข้าจากข้างภายในภูเขาที่แตกละเอียดนี้ ขณะที่ถอยร่นไป เลือดก็พุ่งออกมาไม่หยุด ร่างกายคล้ายจะพังทลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ตอนนี้ยังฝืนประคองไว้ได้อยู่ และเงาเลือดนั่นก็คือ…ผู้ที่มีแววตาไม่ยินยอมและขมขื่นยิ่งกว่าอย่างตี้ซาน!
…………