หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1244 สงครามเริ่มโดยสมบูรณ์!
ภาพนี้ทำให้เว่ยยางจื่อเกิดอาการใจสั่นไหวขึ้นเป็นครั้งแรก เพื่อทำให้แผนการสำเร็จ ตนจึงปล่อยให้หวังเป่าเล่อเติบโตขึ้นมา นี่เขา…ทำพลาดไปหรือไม่
“ไม่เป็นไร…สุดท้ายก็เป็นแค่ตัวเสริมเท่านั้น” แต่ไม่นาน เว่ยยางจื่อก็ส่ายหน้าไม่ไปสนใจอีก เขากักตนต่อ รอคอยให้ฉากสุดท้ายในแผนการของเขาเปิดการแสดง
ขณะเดียวกันนั้น บนสนามรบของตระกูลไม่รู้สิ้น จีเจียถอยร่น สีหน้าของเขาย่ำแย่อย่างยิ่ง เขาจ้องหวังเป่าเล่อเขม็ง ในใจมีความคิดมากมายปรากฏขึ้นมา ยกมือขวาขึ้นผนึกมุทราอย่างรวดเร็ว ราวกับกำลังจะใช้วิชาเทพของเขาออกมา
แต่หวังเป่าเล่อเร็วกว่า แทบจะในชั่วขณะที่จักรพรรดิสวรรค์จีเจียจะใช้พลังเทพออกมาใหม่ หวังเป่าเล่อก็ก้าวเข้ามาตรงๆ แล้วเข้าต่อสู้กับจีเจียอีกครั้ง
เสียงดังสนั่นกึกก้อง เงาร่างของทั้งสองคนพัวพันกันอยู่กลางอวกาศ เจ้ามาข้าไป ภายในช่วงสั้นๆ ก็เกิดการพุ่งปะทะกันหลายพันครั้งแล้ว ทุกที่ที่เคลื่อนผ่านไป รอยแยกกลางอวกาศก็จะแผ่ขยาย หลายบริเวณถล่มทลายทันที
ระดับความรุนแรงช่างน่าตะลึงยิ่งนัก อีกทั้งหลังๆ มาความเร็วก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงขนาดหากผู้ที่มองดูอยู่มีขั้นฝึกตนไม่ถึงระดับหนึ่ง ก็จะเห็นวิธีต่อสู้ได้ไม่ชัดเจน ทำได้เพียงมองดูอวกาศแตกกระจายราวกับวันสิ้นโลกมาถึง
ขนาดที่ขณะต่อสู้กันอยู่ก็ยังมีเต๋าแห่งกาลเวลาปรากฏขึ้นมา ทั้งสองคนก้าวเข้าไปในกาลเวลาพร้อมกันแล้วต่อสู้กันในอดีต เรื่องนี้ส่งผลต่อตระกูลไม่รู้สิ้นอย่างใหญ่หลวง ตี้ซานผู้โชคดีที่พลังฝึกปรือฟื้นคืนมาส่วนหนึ่งและกวงหมิงที่ปรากฏตัวขึ้นต้องทุ่มพลังเข้าสยบเต็มที่ ถึงจะแก้ไขผลกระทบที่ตามมาจากการต่อสู้ของคนทั้งสองได้
“เหตุใดเขาแข็งแกร่งขึ้นขนาดนี้!!” กวงหมิงจิตใจสั่นสะท้าน มองไปที่อวกาศ แววตาเผยความตื่นตะลึงออกมา ตี้ซานที่อยู่ข้างๆ ก็เงียบงันไม่พูดจา เขามีประสาทสัมผันที่รุนแรงยิ่งกว่า เพียงแต่ในช่วงครึ่งปีนี้คล้ายกับว่าพลังต่อสู้ของหวังเป่าเล่อจะดุดันยิ่งกว่าเมื่อก่อนนัก
จนกระทั่งชั่วหนึ่งก้านธูปต่อมา กลางอวกาศ เงาร่างของหวังเป่าเล่อและจีเจียปรากฏขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้…ทั้งสองล้วนบาดเจ็บเหมือนกัน แววตาของหวังเป่าเล่อฉายความเหี้ยมโหด แสงสว่างบนร่างกายส่องวูบวาบชั่วพริบตา วิชาคืนพินาศ…ปะทุออกมาบนร่างของเขาทันที
พริบตาเดียวอวกาศก็กลายเป็นสีดำสนิท แม้แต่ทางฝั่งจีเจียก็คล้ายจะหลอมรวมไปกับความมืดด้วย เมื่อประกายแสงบนร่างของหวังเป่าเล่อแรงกล้ามากขึ้นเรื่อยๆ แล้วก่อตัวเป็นอาทิตย์แรก ทันทีที่เขากระโจนร่างขึ้นมา แสงสว่างก็สาดส่องไปทั่วทุกทิศพร้อมลานุภาพราวกับฉีกกระชากกำจัดความมืดมิด
ทันทีที่ใช้วิชานี้ออกมา อวกาศก็สั่นสะเทือน จีเจียก็หน้าเปลี่ยนสี แต่แววตากลับมีความเหี้ยมโหดส่องวาบ เมื่อโบกมือก็มีกระจกหนึ่งบ้านปรากฏขึ้นในมือแล้ว
กระจกบานนี้เรียบง่ายเก่าแก่ เผยกลิ่นอายแห่งกาลเวลาไร้ที่สิ้นสุด พริบตาที่หยิบออกมา มันก็ขยายใหญ่ขึ้นตรงหน้าจีเจียแล้วบังร่างกายของเขาไว้ข้างหลังทันที ขณะเดียวกัน ผิวกระจกก็มีประกายแสงส่องวาบ ทำให้แสงอาทิตย์แรกที่หวังเป่าเล่อสร้างขึ้นสะท้อนลงมาบนผิวกระจก
เห็นได้ชัดว่ากระจกใบนี้มีประวัติศาสตร์มากมาย อีกทั้งผิวกระจกก็ยังเป็นสมบัติชั้นเลิศ ไม่อย่างนั้นคงไม่อาจทำให้คืนพินาศสะท้อนลงมาได้แน่ แม้ว่า…ขณะที่เกิดการสะท้อนแสงลงมานี้จะทำให้กระจกสั่นสะท้านและผิวกระจกมีรอยร้าว แต่สุดท้าย…ก็ยังสะท้อนแสงเข้ามาข้างในแล้วระเบิดขึ้นทันใด!
ขณะที่เกิดการระเบิด กลางอวกาศก็มีดวงอาทิตย์แรกปรากฏขึ้นมาสองดวง คล้ายกับดวงอาทิตย์ทั้งสองกำลังแข่งกันส่องสว่าง ทำให้ความมืดมิดทั้งหมดในอวกาศแห่งนี้ถูกกำจัดสิ้นสมบูรณ์ในชั่วพริบตา จากนั้น…แสงสว่างของอาทิตย์แรกทั้งสองดวงนี้ก็เริ่มกลืนกินกันเอง!
วิธีการต่อต้านเช่นนี้ หวังเป่าเล่อเพิ่งเคยเจอครั้งแรก สีหน้าจึงย่ำแย่ทันที โดยเฉพาะเมื่อเขาค้นพบว่าอาทิตย์แรกที่สะท้อนออกมาจากผิวกระจกมีอานุภาพเหมือนกับดวงที่ตัวเขาใช้ออกมา ถึงขั้นที่ว่าเขายังเห็นตัวเองอีกคนยืนอยู่ในนั้นด้วยซ้ำ
และสิ่งที่ทำให้เขาตกตะลึงยิ่งกว่าก็คือ ตอนนี้ความรู้สึกว่าถูกแสงสว่างทำร้ายไม่ได้มาจากตัวเขาเท่านั้น แต่ยังมาจาก…ผิวกระจก หรือก็หมายความว่า สิ่งที่สะท้อนมาจากผิวกระจกนี้ไม่ใช่แค่อาทิตย์แรก แต่ยังมีอาการบาดเจ็บด้วย!
อาการบาดเจ็บที่เขาสร้างให้กับผิวกระจกก็ถูกสะท้อนกลับมายังร่างของเขาด้วย และอาการบาดเจ็บที่กระจกสร้างให้เขาก็เช่นเดียวกัน มันจึงเกิดเป็นวงจรแบบหนึ่งหวังเป่าเล่อต้องขมวดคิ้ว หลังจากพบว่าอาการบาดเจ็บของเขารุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาก็มองเห็นรอยร้าวบนกระจกฟื้นกลับสู่สภาพเดิม ดังนั้นเขาจึงโบกมือขวาขึ้นสลายวิชาคืนพินาศทิ้งทันใด
“กระจกใบนี้แปลกประหลาด แต่ไม่ใช่ว่าคืนพินาศทำลายไม่ได้ ทว่าเป็นเพราะพลังฝึกตนของข้าไม่อาจเกื้อหนุน ไม่อย่างนั้นหากดันไปให้สุดล่ะก็ จะต้องทำให้กระจกใบนี้พังไปก่อนได้แน่!”
แทบจะพร้อมกันกับที่หวังเป่าเล่อถอนคืนพินาศกลับ จีเจียก็ถอนกระจกใบนี้กลับอย่างรวดเร็วเช่นกัน สีหน้าเขาซีดขาวเหมือนกัน เห็นได้ชัดว่าสำหรับเขาแล้ว การหนุนนำกระจกบานนี้ใช้พลังมหาศาลมาก ตอนนี้เขาจึงจ้องมองไปยังหวังเป่าเล่อด้วยความซับซ้อน เขารู้ว่าหากคิดจะสังหารอีกฝ่าย โดยพื้นฐานแล้วเป็นไปไม่ได้เลย
จุดนี้เอง หวังเป่าเล่อก็สัมผัสได้เช่นกัน ความแข็งแกร่งของจีเจียผู้นี้เหนือกว่าที่เขาคาดเดาไว้อยู่สักหน่อย วิถีเต๋าของคนผู้นี้ราวกับมีอยู่ไม่น้อยเลย ทั้งยังไม่ว่าจะเป็นเต๋าธาตุทองหรือเต๋าธาตุมืดก่อนหน้านี้ก็ไม่ใช่ธรรมดา โดยเฉพาะอย่างหลังนั้นช่างแปลกประหลาดยิ่งกว่า
แต่เมื่อเทียบกันแล้ว จุดแปลกประหลาดของกระจกบานนั้นต่างหากถึงจะเป็นส่วนสำคัญ
“ของสิ่งนี้…คือสมบัติอะไรกัน ไม่รู้ว่าจะนำมาเป็นของบรรจุเต๋าให้ข้าได้หรือไม่!”
หวังเป่าเล่อหรี่ตาลงแล้วฝังความคิดนี้เอาไว้ในใจ เขามองไปรอบกาย การมาครั้งนี้ของเขา ถ้าหากทำเพียงเท่านั้นก็เหมือนจะช่วยเหลือเฉินชิงจื่อได้ไม่มาก ดังนั้นในแววตาของเขาจึงมีประกายแสงจางๆ ส่องวาบ ตอนนี้ร่างเดิมภายในสหพันธรัฐของระบบสุริยะกลางจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายก็ลืมตาขึ้นแล้วแผ่กระแสเต๋าออกมาปกคลุมทั้งจักรพิภพเต๋าฝั่งซ้าย
“ตระกูลไม่รู้สิ้นขวางการกลับมาของผู้ศรัทธาเต๋าฝั่งซ้ายของข้า สำนักทุกแห่งในเต๋าฝั่งซ้าย…ทำศึกกับตระกูลไม่รู้สิ้น!”
ทันทีที่คำสั่งนี้แพร่ออกไป ทั่วทั้งเต๋าฝั่งซ้ายก็เคลื่อนไหวทันที หากเปลี่ยนเป็นก่อนหน้านี้ แม้เต๋าเก้ารัฐผู้เป็นสำนักอันดับหนึ่งแห่งเต๋าฝั่งซ้ายจะแพร่คำสั่งนี้ออกมาก็จะมีการต่อต้านและความล่าช้าเกิดขึ้น แต่ด้วยสถานะและอานุภาพของหวังเป่าเล่อในปัจจุบัน ทันทีที่คำสั่งนี้เกิดขึ้น ทุกสำนักในสหพันธรัฐของระบบสุริยะก็เคลื่อนไหวเป็นพวกแรก
ส่วนสำนักอื่นๆ ก็ไม่มีความลังเลใดๆ เช่นกัน พวกจอมพลังพากันออกเดินทางจนเกิดเป็นกองทัพใหญ่ พุ่งเข้ามาใกล้กับจักรพิภพใจกลางไม่รู้สิ้นอย่างรวดเร็ว
ส่วนพวกที่อยู่ระดับจักรวาลก็ได้แผ่กระแสเต๋าออกมาในขอบเขตอันกว้างใหญ่ไพศาล การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของอวกาศเช่นนี้ แม้ว่าจะมีจักรพิภพขวางกั้นอยู่ แต่ก็สามารถรับรู้ถึงพลังปราณได้ ดังนั้นแทบจะทันทีที่คำสั่งของหวังเป่าเล่อดังออกมาและจักรพิภพศักดิ์สิทธิ์แห่งเต๋าฝั่งซ้ายเคลื่อนไหวออกศึก จีเจียจึงสังเกตเห็นในทันที
เขายังไม่ทันได้ตอบสนองก็มีพลังปราณแปรปรวนระเบิดขึ้นมากะทันหันภายในจักรพิภพใจกลางไม่รู้สิ้น
และจุดที่มันระเบิดออกมาก็คือแม่น้ำแห่งความมืด!
ขณะที่แม่น้ำแห่งความมืดไหลซัด ระดับจักรวาลทั้งสามคนของสำนักแห่งความมืดก็พุ่งทะยานออกมาพร้อมกัน ยิ่งกว่านั้นยังมีผู้ฝึกตนของสำนักแห่งความมืดจำนวนมากและวิญญาณในแม่น้ำแห่งความมืดก็พากันพุ่งออกมาเช่นเดียวกัน จำนวนคนที่ลงมือในครั้งนี้มีมากจนกลายเป็น…การทุ่มกำลังสุดแรง!
สีหน้าของจีเจียอึมครึม เอ่ยขึ้นกะทันหันว่า
“ขอบคุณสหายเต๋า ได้โปรดลงมือเถิด!”
“สหายเต๋าจีเจีย ตัวข้ากับปรมาจารย์ผู้ก่อตั้งของเจ้ามีสัญญากัน หากยังไม่ถึงเวลาลงมือ นอกเหนือจากนั้น…ศึกครั้งนี้ข้าแซ่เซี่ยก็ไม่ต้องการเข้าร่วม” ผู้ที่ตอบกลับเขากลับเป็นเสียงนิ่งสงบที่ดังมาจากอวกาศ
“เจ้า!!” จีเจียหน้าเปลี่ยนสี กำลังจะเอ่ยปากแต่พริบตาต่อมา…ภาพที่ทำให้จิตใจของเขาเกิดการเปลี่ยนแปลงขนาดใหญ่ก็เกิดขึ้นแล้ว!
จักรพิภพสำนักเสริม ภายในสำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณ ตอนนี้ปรมาจารย์เจ็ดวิญญาณผุดลุกขึ้นมา แววตาส่องประกายแรงกล้า เวลาที่เขารอคอยยังไม่มาถึง แต่เขาไม่อยากรออีกแล้ว เขากลับมองออกว่าไม่ว่าจะเป็นหวังเป่าเล่อหรือว่าสำนักแห่งความมืด ก็เหมือนกับว่าตอนนี้พวกเขากำลังเตรียมความพร้อมสำหรับการลงมือของเฉินชิงจื่ออยู่
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้…ก็ลงมือเถอะ หากรอต่อไปข้าจะหงุดหงิดแล้ว!” ปรมาจารย์เจ็ดวิญญาณร้องคำรามขึ้นฟ้า ร่างกายกระโจนสู่อวกาศโดยตรง ลำตัวขยายใหญ่ในชั่วพริบตาคล้ายกับยักษ์ แล้วก้าวไปยังตระกูลไม่รู้สิ้น
ยิ่งกว่านั้นเขายังก็เผยแพร่คำสั่ง ประกาศไปทั่วทั้งสำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณ
“ศิษย์ทุกคนของสำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณ เดินทาง…ไปตระกูลไม่รู้สิ้น! พวกเรา…กลับข้างแล้ว!!”
ทันใดนั้นสำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณก็เคลื่อนไหว ผู้ฝึกตนจำนวนมากพุ่งออกไป แววตาของแต่ละคนฉายแววกระหายอยากต่อสู้พวยพุ่งเทียมฟ้า ตามอยู่ด้านหลังปรมาจารย์สำนักเต๋าเจ็ดวิญญาณ แล้วเดินทางไปยังจักรพิภพในกลางไม่รู้สิ้น
ผู้ที่พุ่งทะยานมาพร้อมกันยังมีสำนักตระกูลอื่นๆ ของจักรพิภพสำนักเสริมจำนวนไม่น้อยอีกด้วย ในพริบตา กลุ่มผู้ฝึกตนก็โผบิน!
ร่างกายของกวงหมิงสั่นสะท้าน สีหน้าของตี้ซานหม่นหมอง ดวงตาของจีเจียหดเกร็ง ทั่วทั้งตระกูลไม่รู้สิ้น ผู้ฝึกตนทั้งตระกูลล้วนตกตะลึง ชั่วขณะนี้เอง…เต๋าฝั่งซ้ายยกทัพ สำนักเสริมกลับข้าง สำนักแห่งความมืดออกรบ!
สงครามจึงปะทุขึ้นโดยสมบูรณ์!
……………………………