หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1246 เสวียนหัวกลับมา!
ชิ้นส่วนภาพมายาโปร่งใสจำนวนนับไม่ถ้วนกระจัดกระจายจากจุดอ่อนยวบไปยังอวกาศส่วนในของตระกูลไม่รู้สิ้น ขณะที่มันแตกกระจาย ปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณก็เป็นคนแรกที่พุ่งเข้ามาแล้วก้าวเข้าสู่อวกาศส่วนในของตระกูลไม่รู้สิ้นทันที เพิ่งจะเข้ามาได้เขาก็เงยหน้าหัวเราะลั่นแล้ว
ปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณมีรูปร่างสูงใหญ่แข็งแรง แม้ว่าผมจะเป็นสีขาวทั้งหัว แต่พลานุภาพกลับยังคงทรงพลัง โดยเฉพาะเลือดลมที่ไหวเวียนไปทั่วร่างก็ช่างกว้างใหญ่ไพศาลราวกับท้องฟ้า เห็นได้ชัดว่าเต๋าของเขาจะต้องเกี่ยวพันกับกายเนื้อแน่นอน ให้ความรู้สึกว่าไม่เหมือนผู้ฝึกตน แต่เหมือนกับอสูรร้ายในร่างมนุษย์
“สหายเต๋าหวัง ผู้เฒ่ามาแล้ว!” ท่ามกลางเสียงหัวเราะ ปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณก็ก้าวใหญ่ตรงไปหาจีเจีย ขณะที่ย่างก้าว เขาก็ยกมือขวาขึ้นคว้าจับที่ความว่างเปล่า ทันใดนั้นอวกาศหน้าฝ่ามือของเขาก็บิดเบี้ยว กระบองฟันหมาป่าขนาดมหึมาด้ามหนึ่งคล้ายจะทะลวงผ่านอวกาศเข้ามาหาแล้วถูกเขาคว้าเอาไว้ในมือ จากนั้นก็ทุบไปทางจีเจียตรงๆ
“จีเจีย กินกระบองข้าไปซะ!”
ท่ามกลางเสียงหัวเราะดังสนั่นของปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณ อานุภาพนั้นช่างน่าตะลึงยิ่ง หวังเป่าเล่อที่มองดูอยู่ก็เผยประกายแปลกประหลาดขึ้นในดวงตา เขามองเต๋าของปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณผู้นี้ออก มันน่าจะเป็น…เต๋าพละกำลัง!
ดังนั้นเขาจึงยืมกำลังเร่งให้ตนถอยอย่างรวดเร็ว ส่วนทางจีเจีย ตอนนี้สีหน้าดูไม่ดีเลย เหมือนรู้สึกว่าในคำพูดของอีกฝ่ายแฝงไว้ซึ่งการดูหมิ่น
โดยเฉพาะกระบองฟันหมาป่าที่มีหนามแหลมผุดขึ้นมานับไม่ถ้วน ดูแล้วอำมหิตเป็นที่สุด ถึงขั้นยังมีกลิ่นคาวเลือดเผยออกมา ยิ่งกว่านั้นยังมีวิญญาณคนตายนับไม่ถ้วนพันล้อมอยู่ในนั้นแล้วคำรามไร้เสียง ถึงขนาดที่ตอนที่มันฟันทุบลงมา อวกาศก็ยังฉีกขาดได้ง่ายๆ บนนั้นยังแฝงไว้ซึ่งกระแสเต๋าอันน่าตื่นตะลึงอีกด้วย
ในชั่วพริบตา เมื่อปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณเดินทางมาถึง ไม่ว่าจีเจียจะยินยอมหรือไม่ก็จำต้องลงมือเต็มกำลังแล้วปะทะเข้ากับเขา ขณะเดียวกันนั้น ระดับจักรวาลทั้งสามคนของสำนักแห่งความมืดก็ก้าวเข้ามายังส่วนในของตระกูลไม่รู้สิ้นอย่างรวดเร็ว เมื่อทั้งสามคนเข้ามา กลิ่นอายของเต๋าธาตุมืดก็พวยพุ่งบ้าคลั่ง และกำลังจะพุ่งเข้าไปหาจีเจีย
แต่ในตอนนี้เอง เสียงคำรามแหลมสูงก็ดังมาจากความว่างเปล่า เต๋าสวรรค์ตระกูลไม่รู้สิ้น…กำลังจะมา
ด้วงเกราะดำมหึมาตัวนั้นเพิ่งจะปรากฏตัวก็พุ่งเข้าหาสำนักแห่งความมืดทั้งสามคนแล้ว ทั้งยังมีจักรพรรดิสวรรค์กวงหมิงกัดฟันโจมตีด้วย ชั่วขณะนั้นจึงเกิดเสียงดังสนั่นลั่นฟ้า ส่วนการต่อสู้ของปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณและจีเจียก็ปะทุจนดุเดือดถึงขีดสุดภายในเวลาอันสั้นแล้ว
แม้ว่าจีเจียจะได้รับบาดเจ็บจากการต่อสู้กับหวังเป่าเล่อ ทั้งยังเสียพลังไปไม่น้อย แต่ก่อนหน้านี้เขาได้ใช้เคล็ดวิชาลับออกมา ตอนนี้ประกายแสงทั่วร่างจึงส่องสว่าง แม้ว่ามือข้างหนึ่งจะกลายเป็นง้าวลดการเสียพลัง แต่ร่างสามหัวของตระกูลไม่รู้สิ้นที่เขาใช้บนร่างกายของตัวเองก็ทำให้เขาเสียพลังมากยิ่งกว่าเดิม
ขณะนี้ เขาเข้าโจมตีปรมาจารย์เต๋าเจ็ดวิญญาณโดยไม่สนว่าต้องแลกด้วยอะไรแล้ว
การต่อสู้ทั้งสนามรบเดือดพล่าน ทั้งยังเกิดขึ้นที่จักรพิภพใจกลางตระกูลไม่รู้สิ้นแล้วแผ่ขยายออกมา ทำให้ดวงดาวของตระกูลไม่รู้สิ้นได้รับผลกระทบอย่างหนัก ส่วนหวังเป่าเล่อ ตอนนี้เขาตัวสั่นไหว เมื่อจัดระเบียบตัวเองเล็กน้อยแล้วเขาก็หรี่ตา หลังจากใคร่ครวญอยู่ไม่กี่อึดใจก็พุ่งออกไป ไม่ได้พุ่งเข้าสู่สนามรบ แต่ก้าวหนึ่งก้าวเข้าสู่ดาวเอกของตระกูลไม่รู้สิ้น
อวกาศที่ตระกูลไม่รู้สิ้นตั้งอยู่นั้นมีดวงดาวอยู่นับไม่ถ้วน ดาวเอกก็มีไม่น้อยเช่นกัน แต่ทิศทางของหวังเป่าเล่อกลับแม่นยำ เขายึดตามทิศทางที่จิตใจนำพาไป เข้าไปใกล้ดาวเอกดวงนั้นอย่างรวดเร็ว
ที่นี่…ก็คือสถานที่กักตนของเสวียนหัว
ในเมื่อได้ฉีกหน้าไปแล้ว หวังเป่าเล่อย่อมไม่ปล่อยเสวียนหัวไป แม้ว่าจะอ่อนแอไปหน่อยในสายตาของหวังเป่าเล่อ แต่ถึงอย่างไรพลังต่อสู้ของจักรพรรดิสวรรค์ระดับจักรวาลผู้นี้ก็ยังมีประโยชน์อย่างยิ่ง
ดังนั้นตอนนี้หวังเป่าเล่อจึงเร่งความเร็วขึ้น เมื่อเกิดเสียงดังสนั่น เขาก็ก้าวเข้าไปในดาวเอกที่เสวียนหัวอยู่ทันที สำหรับเกราะป้องกันของที่นี่และผู้ฝึกตนของตระกูลไม่รู้สิ้น อย่างหลังไม่มีทางขัดขวางหวังเป่าเล่อได้เลย ส่วนอย่างแรก เพียงทำให้หวังเป่าเล่อเสียเวลาไปสิบกว่าอึดใจเท่านั้นเขาก็เดินผ่านไปตรงๆ ได้แล้ว จากนั้นจึงก้าวไปยังยอดเขาแห่งหนึ่งบนดวงดาว
เมื่อเสียงฝีเท้าดังขึ้น ภูเขาลูกนี้ก็สะเทือนเลื่อนลั่น บริเวณที่ฝ่าเท้าของเขาเหยียบลงพังทลาย ภูเขาทั้งลูกกลายเป็นเถ้าถ่านทันที ยิ่งกว่านั้นยังมีระลอกคลื่นแผ่กระจายออกมา ทำให้แผ่นดินรอบข้างสั่นสะเทือนแล้วถล่มลงมาทุกชั้น หวังเป่าเล่อที่ตอนนี้นับว่ายืนอยู่กลางอากาศเอนหน้ามองไปยังทิศทางหนึ่ง
“เสวียนหัว ยังไม่มาพบข้าอีกหรือ”
แทบจะพร้อมกับที่หวังเป่าเล่อมายืนบนดาวดวงนี้ เสวียนหัวภายในสถานที่กักตนซึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่ในวงแหวนปราณ ด้านนอกร่างกายมีม่านแสงปกคลุมและกำลังต่อต้านจิตมารก็ตัวสั่นสะท้านรุนแรง
วงแหวนปราณเปิดออกทั้งหมดแล้ว ส่วนม่านแสงก็มีผลลัพธ์อัศจรรย์ที่สามารถขวางกั้นดวงจิตเทพได้ นี่คือการเตรียมพร้อมให้ของจีเจียและกวงหมิงก่อนจะจากไป ทำให้เสวียนหัวพอจะกดตัวเองให้อยู่ที่นี่ได้ แต่ในชั่วพริบตานี้เอง จิตมารในร่างของเขากลับปะทุอย่างรุนแรงขึ้นมากะทันหัน
เมื่อมันปะทุขึ้น เส้นเลือดดำทั่วร่างของเสวียนหัวก็พองนูน แสดงให้เห็นถึงความดิ้นรนอย่างเจ็บปวด ยิ่งกว่านั้นยังมีปราณมืดมหาศาลไหลออกมาจากทวารทั้งเจ็ดแล้วล้อมรอบร่างกายเขา
“ข้า…ไม่…” เสวียนหัวกัดฟัน พูดก็พูดไม่ออก เหงื่อเปียกชุ่มไปทั้งตัว เขายังคงต่อต้าน แสงของวงแหวนปราณใต้ร่างส่องสว่างแรงกล้า ม่านแสงก็เช่นเดียวกัน แต่ทุกอย่างนั้น…เปลี่ยนไปทันทีหลังจากหวังเป่าเล่อเอ่ยออกมา
การโจมตีอย่างบ้าคลั่งระเบิดขึ้นภายในร่างของเสวียนหัวตรงๆ หมอกมืดทะลวงออกจากทวารทั้งเจ็ดของเขา แล้วรวมตัวกันเป็นเงาร่างร่างหนึ่งอยู่ตรงหน้าเขา
เงาร่างนี้ไม่ใช่หวังเป่าเล่อ แต่เป็น…รูปลักษณ์ของเสวียนหัว ทว่ากลับมีกลิ่นอายของหวังเป่าเล่อแผ่ออกมา พูดให้ถูกก็คือ เงาดำนี้…คือจิตมารของเสวียนหัว
ตอนนี้จิตมารดวงนี้กำลังหัวเราะ เงยหน้าหัวเราะ
หลังจากหัวเราะเสร็จ มันก็กลายเป็นหมอกดำแล้วทะลวงเข้าไปในทวารทั้งเจ็ดของเสวียนหัวอีกครั้งทันที แม้ว่าเสวียนหัวจะขัดขวางมันเต็มกำลังแต่ก็ไม่ช่วยอะไร พริบตาต่อมา ร่างกายของเขาก็สั่นสะท้าน แล้วนิ่งสงบทันใด ศีรษะของเขาก็ก้มลง ไม่ขยับไหว
หลังผ่านไปประมาณสิบกว่าอึดใจ เสวียนหัวก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น แววตากลับมากระจ่างชัด เขายกมือขึ้นโบก ฉับพลันม่านแสงนอกร่างกายก็พังลงมาทันใด วงแหวนปราณรอบๆ ยิ่งแตกเป็นเสี่ยงๆ ในชั่วพริบตา เสวียนหัวตบเสื้อผ้าแล้วลุกขึ้นยืน คล้ายหลุดพ้นจากพันธนาการ
“หากรู้แต่แรกว่าจะเป็นเช่นนี้ ไยก่อนหน้านี้ข้าต้องดิ้นรนหนักหนาด้วย ที่แท้…การหลอมรวมกับมหาเต๋าก็ทำให้จิต ปราณ วิญญาณสดชื่นเช่นนี้นี่เอง” เสวียนหัวยิ้มอย่างพึงพอใจ ร่างกายเคลื่อนไปข้างหน้า กำลังจะออกจากสถานที่กักตน แต่พริบตาต่อมาก็มีโซ่มายาหลายเส้นปรากฏขึ้นจากสี่ทิศทางแล้วพันรอบตัวเขาทันที คล้ายขวางไม่ให้เขาจากไป
สีหน้าของเสวียนหัวอึมครึม แผ่พลังฝึกตนออกมาทันใด คลื่นผันผวนของระดับจักรวาลแพร่กระจายไปทั่วทุกทิศทันที ทำให้โซ่รอบๆ พังลงหลังจากฝืนรั้นอยู่ไม่กี่อึดใจ และสิ่งที่พังทลายไปด้วยยังมีห้องลับที่เขาอยู่ มันทรุดตัวลงในชั่วพริบตาแล้วเกิดเป็นซากปรักหักพังทันที เผยให้เห็นท้องฟ้าเหนือศีรษะของเขา
เขาเงยหน้ามองฟ้า เสวียนหัวสูดลมหายใจลึก ร่างกายพุ่งขึ้นฟ้าแล้วตรงไปยังจุดที่หวังเป่าเล่ออยู่ทันใด เขายกขาก้าว เงาร่างหายวับในชั่วพริบตา เมื่อปรากฏตัวขึ้น…เขาก็อยู่ห่างจากหวังเป่าเล่อร้อยจั้งแล้ว
เขาไม่ได้เข้าใกล้ทันที หลังจากปรากฏตัวขึ้นตรงนี้ สีหน้าของเสวียนก็เคร่งขรึมยิ่งขึ้น ทั้งยังจัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นจึงเดินไปหาหวังเป่าเล่อทีละก้าว จนกระทั่งอยู่ตรงหน้าหวังเป่าเล่อห้าจั้ง เขาก็หยุดฝีเท้าแล้วคุกเข่าคารวะหวังเป่าเล่อ
“เสวียนหัว คารวะเจ้าแห่งเต๋า!”
หวังเป่าเล่อจ้องมองเสวียนหัว ใบหน้าเผยรอยยิ้มบางๆ แล้วเอ่ยขึ้นช้าๆ
“ศึกในอวกาศนั่น เจ้ายินดีเข้าร่วมหรือไม่”
เสวียนหัวครุ่นคิดแล้วเอ่ยเสียงราบเรียบ
“แม้ว่าจะเป็นสหายเต๋ากันมาหลายปี แต่…วิถีแตกต่างกัน ยากจะเลี่ยงการต่อสู้”
“ดี!” หวังเป่าเล่อหัวเราะฮ่าๆ ร่างกายสั่นไหวแล้วบินไปยังอวกาศ เสวียนหัวตามอยู่ด้านหลังเขา ทั้งสองกลายเป็นสายรุ้งยาวสองสายก้าวเข้าสู่อวกาศในทันที จนมาอยู่บนสนามรบ
และการปรากฏตัวของเสวียนก็ทำให้สายตาของทุกคนที่กำลังต่อสู้กันอยู่หดเกร็ง โดยเฉพาะกวงหมิงและจีเจีย รวมถึงตี้ซาน พวกเขามีสีหน้าย่ำแย่เสียยิ่งกว่า