หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1252 ฆ่าทั้งชีวิต!
การฝึกบำเพ็ญทั้งหมดในชีวิตของเฉินชิงจื่อ ก่อนที่จะผสานเข้ากับเต๋าธาตุมืด เขามีอยู่เพียงเต๋าเดียว!
และเต๋าชนิดนี้ไม่ใช่เต๋าธาตุมืด
ความจริงแล้วหลังจากทรยศสำนักแห่งความมืด เขาก็ละทิ้งเต๋าธาตุมืดของตนไป จากนั้นผ่านมาหลายปีก็ไม่ได้ฝึกใหม่ ดังนั้นตั้งแต่ต้นจนจบ เต๋าของเขา…ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน จึงมีเพียง…เต๋ากระบี่!
ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนอยู่บนกระบี่ไม้ในมือเขาเล่มนี้ หนึ่งชีวิตแสวงหากระบี่นี้ หนึ่งชาติเดินเพียงหนึ่งเต๋า
ดังนั้นแม้ว่าต่อมาเขาจะผสานรวมกับเต๋าธาตุมืด แต่ส่วนใหญ่แล้วเพียงแค่เป็นการหยิบยืมพลังเท่านั้น เต๋ากระบี่สิถึงจะเป็นทุกอย่างของเขา และกระบี่ไม้ที่อยู่คู่กับเข้ามาเนิ่นนานเล่มนี้ วัสดุของที่ใช้ก็ธรรมดาสามัญอย่างยิ่ง
กล่าวให้ถูก มันคือแผ่นไม้แผ่นหนึ่ง เป็นแผ่นป้ายแผ่นหนึ่ง
ภรรยาผู้ถึงแก่กรรมของเขาที่ทั้งชีวิตนี้เขาเคยเห็นเพียงวิญญาณ และเคยวาดภาพใบหน้ายามอยู่ในโลกหลังความตายของนาง นี่ก็คือแผ่นป้ายของนาง ไม่ว่าการที่วิญญาณดวงนี้เกิดขึ้นมาจะเป็นอุบายก็ดีหรือความบังเอิญก็ช่าง สิ่งเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ สุดท้าย…หลังจากไปเกิดใหม่ในอนาคต วิญญาณของภรรยาเขาก็จะสิ้นวาระไป สลายหายราวกับเถ้าถ่าน
ที่เขาทรยศสำนักแห่งความมืด แม้ว่าจะไม่ใช่เหตุผลนี้ทั้งหมด แต่สุดท้ายดวงวิญญาณนี้ก็ถือว่าเป็นต้นเหตุชักพา และฝังลึกอยู่ในใจของเขา หลายปีมานี้ล้วนไม่เคยสูญสลาย ดังนั้น หลังจากเขาทรยศสำนักแห่งความมืดแล้วไปยังตระกูลไม่รู้สิ้น ยืนอยู่หน้าแผ่นป้ายตอนที่ดวงวิญญาณดวงนี้ยังอยู่ เขาเงียบงันอยู่นาน ก่อนนำแผ่นป้ายนี้จากไป
หลังจากนั้น ข้างกายเขาก็มีกระบี่ไม้เล่มหนึ่งเพิ่มขึ้นมา
กระบี่นี้ติดตามเขามาจนถึงทุกวันนี้ แต่ในสายตาของเขาแล้ว เขาก็แยกไม่ถูกเหมือนกันว่าเต๋าของตนคืออะไร บางทีอาจจะเป็นเป็นเต๋ากระบี่อย่างหนึ่งจริงๆ ก็ได้ เพราะเขาสัมผัสได้ว่าบนกระบี่ไม้เล่มนี้มีระดับขั้นอยู่สามขั้น
ขั้นแรกก็คือร่างกระบี่ไม้ สามารถรบได้หลายหมื่นพันครั้ง อยู่ยงคงกระพัน
ขั้นที่สองก็คือกลายเป็นวิญญาณ ระเบิดอานุภาพออกมาหลายชั้น ไม่สนใจเต๋าทุกใดๆ ฟาดฟันสังหารทั้งหมด
ส่วนขั้นที่สามหรือก็คือร่างที่สาม มันเคยปรากฏขึ้นในใจของเฉินชิงจื่อเท่านั้น ไม่เคยแสดงให้โลกเห็น
เขาเรียกร่างที่สามนี้ว่า…ความทรงจำ
แม้จะชื่อว่าความทรงจำ แต่กลับไม่เกี่ยวอะไรกับกาลเวลาเลย ถึงขนาดนี้ไม่มีความสัมพันธ์ใดๆ กับมันเลยแม้แต่นิด เพราะว่าร่างที่สามนี้…แม้จะยังไม่เคยแสดงออกมา แต่ทุกครั้งที่ปรากฏขึ้นมาในใจเขาก็จะทำให้จิตสังหารของเขาพวยพุ่งจนถึงระดับที่ยากจะพรรณนา
ดังนั้น น่าจะเป็นเต๋าสังหาร
เฉินชิงจื่อพึมพำ จ้องมองไปยังกระบี่ไม้ตรงหน้า มองดูกระบี่เล่มนี้สั่นระริกในชั่วขณะหนึ่ง บนนั้นมีเปลือกไม้ปรากฏขึ้นทีละชั้นๆ จนกระทั่งถึงชั้นสุดท้ายก็ทำให้อวกาศสั่นสะเทือน ทำให้สีหน้าท่าทางของเว่ยยางจื่อเปลี่ยนไปเพราะจิตสังหารนี้ และทันใดนั้นกระบี่ก็ระเบิดพลังมหาศาลออกมา
จิตสังหารนี้สามารถสั่นคลอนได้ทั้งแปดทิศ
จิตสังหารนี้สามารถสั่นสะเทือนดวงดาว
จิตสังหารนี้สามารถทำให้จักรวาลพร่ามัว!
“ความทรงจำในชีวิตนี้ของข้า…ล้วนเป็นการเข่นฆ่า” เฉินชิงพึมพำเสียงเบา ไม่ได้มองไปยังเว่ยยางจื่อแต่จดจ้องที่กระบี่ไม้ เขายกมือขึ้นจับกระบี่อย่างนุ่มนวลแล้วก้าวหนึ่งก้าวไปข้างหน้าก่อนเหวี่ยงกระบี่ตามใจชอบ เกิดเป็นประกายกระบี่หนึ่งสายที่ทำให้อวกาศคล้ายจะมืดมิดในชั่วพริบตาและมีเพียงประกายแสงของกระบี่เล่มนี้เท่านั้นที่ส่องสว่าง
มันพุ่งไปหาเว่ยยางจื่อที่หน้าเปลี่ยนสีและตกใจจนพูดไม่ออกฉับพลัน
“นี่มัน…เต๋าอะไรกัน เต๋ากระบี่หรือ ไม่ใช่! เต๋าสังหารหรือ ก็ไม่ใช่!” จิตใจของเว่ยยางจื่อสะเทือนกึกก้อง นี่เป็นครั้งแรกที่ในใจของเขารู้สึกถึงวิกฤตแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนหลังจากต่อสู้กับเฉินชิงจื่อมาจนถึงตอนนี้
แม้ว่าหัวที่สองของเขาจะมีปราณมารมหาศาล แม้ว่าพลังฝึกตนและพลังรบของเขาจะทรงพลังยิ่งกว่าแต่ก่อนอย่างยิ่ง ทว่าชั่วพริบตานี้เอง เขากลับถอยหลังเป็นครั้งแรก
“ก่อนจะกราบเข้าสำนักแห่งความมืด บิดามารดาข้าตายในสงคราม ข้ากราบเข้าสำนักแล้วร่ำเรียนกระบวนวิชาสังหารคน…” เขาไม่สนใจการถอยหลังหลบเลี่ยงของเว่ยยางจื่อ เฉินชิงจื่อยังคงเอ่ยพึมพำ สุ้มเสียงแผ่วเบา คล้ายจะก้องกังวานไปกับมหาเต๋าและดังสะท้อนไปทั่วทั้งแปดทิศ แม้แต่ปลาสีดำเต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืดและด้วงเกราะทองเต๋าสวรรค์ไม่รู้สิ้นก็ยังตัวสั่นระริก สีหน้าฉาวแววเกรงกลัว
อันตรายไร้ที่มาทำให้ภายในใจของพวกมันสั่นเทา
“หลังจากร่ำเรียนเสร็จแล้ว ข้าก็ฆ่า!”
“ฆ่าไปหนึ่งค่าย ฆ่าไปหนึ่งกองทัพ ฆ่าไปหนึ่งประเทศ เพื่อเซ่นศพบิดามารดาข้า” เห็นอยู่ว่าเสียงของเฉินชิงจื่อแผ่วเบาและเนิบนาบ แต่คำพูดที่เอ่ยออกมาทุกคำราวกับก่อตัวเป็นพลังกดดันมหาศาลทำให้เต๋าสวรรค์ต้องถอยหลบ ทำให้เว่ยยางจื่อต้องหลบหลีกไปเรื่อย แต่สุดท้ายยังไม่ทันที่เขาจะหลบได้อย่างสมบูรณ์ คำพูดของเฉินชิงจื่อก็ดังขึ้นแล้วก้าวออกมาเป็นก้าวที่สาม ปราณกระบี่หนึ่งสายพุ่งมาถึงตัวเขาตรงๆ
เสียงสะเทือนเลื่อนลั่น ภายในวิกฤตถึงชีวิตอันแรงกล้า เว่ยยางจื่อยกมือขวาขึ้น แขนของเขาแผ่กระจายเมฆหมอกแปรผันออกมาในชั่วพริบตา แต่ยังไม่ทันที่เต๋าซึ่งแฝงอยู่ในแขนของเขาจะถูกใช้ออกมาโดยสมบูรณ์ ปราณกระบี่ก็มาถึงแล้ว มันวาบผ่านไปโดยพลัน แขนขวาของเว่ยยางจื่อก็พังทลายทันที
ความเจ็บปวดรุนแรงทำให้สีหน้าของเว่ยยางจื่อพลันเปลี่ยนไปรวดเร็ว แม้ว่ามือข้างใหม่จะงอกออกมาพร้อมกับลมพายุพัดกระจาย แต่อันตรายถึงชีวิตแบบนั้นก็ยังทำให้เว่ยยางจื่อถอยหลังอีกครั้ง
“หลังจากนั้น ข้าก็ได้พบกับอาจารย์ผู้มีพระคุณ ได้รับการชี้แนะจากอาจารย์ วางดาบไม่ฆ่าคน กราบเข้าสู่สำนักแห่งความมืด…”
“ในสำนักแห่งความมืด ข้าส่งวิญญาณคนตายข้ามฟาก ดูแล้วดีงามบริสุทธิ์ เดินทางเพื่อการกลับชาติมาเกิดของเต๋าสวรรค์ แต่ความจริงแล้ว…นี่ยังคงเป็นการฆ่า เพียงแต่ครั้งนี้ สิ่งที่ฆ่าคือวิญญาณ!” เฉินชิงจื่อแย้มยิ้ม เพียงแต่รอยยิ้มนี้ไม่มีคลื่นผันผวนของความรู้สึกใดๆ เลยสักนิด กระบี่ไม้ในมือกวาดผ่านไปพร้อมคำพูดของเขา จิตสังหารทำให้อวกาศเย็นยะเยือก เว่ยยางจื่อกรีดร้องออกมา แขนพายุที่เพิ่งจะงอกออกมาของเขาพังทลายอีกครั้ง!
“นี่มันเต๋าอะไรกันแน่!!” เว่ยยางจื่อหนังศีรษะชา เขามองออกว่าสภาวะของเฉินชิงจื่อในตอนนี้แปลกประหลาดอย่างยิ่ง ดูเหมือนอยู่ตรงนี้ แต่ความจริงก็คล้ายไม่ได้อยู่ และพลังเทพที่ตนใช้ออกมากลับไม่อาจส่งผลใดๆ ได้เลย ทว่าแต่ละกระบี่ของอีกฝ่ายล้วนแต่นำพาวิกฤตยากจะอธิบายมาให้กับเขา
“ข้าเหนื่อยล้าแล้ว การหายไปของภรรยาในชีวิตหลังความตายทำให้ข้าอยากจะทำลายชีวิต ดังนั้นข้าจึงทรยศสำนักแห่งความมืด และในศึกครั้งนั้น ข้าก็ยังฆ่า ฆ่าเพื่อนร่วมสำนักในวันเก่าก่อนที่สำนักแห่งความมืด ฆ่าผู้ฝึกตนตระกูลไม่รู้สิ้นที่บุกรุกเข้ามา…”
“เดิมทีคิดว่าเมื่อศึกนี้จบลง ข้าจะไม่ฆ่าอีกแล้ว ไม่คิดเลยว่า…ในจักรวาลของตระกูลไม่รู้สิ้น ข้ากลับเกิดการหวนนึกถึง หวนนึกถึงสำนักแห่งความมืด หวนนึกถึงศิษย์น้องเล็ก หวนนึกถึงอาจารย์…”
“ความทรงจำก็เหมือนยาพิษ เหมือนแมลงพิษ กลืนกินทุกอย่างของข้า วิธีกำจัด…มีเพียงฆ่า!” สีหน้าของเฉินชิงจื่อนิ่งสงบ แต่คำพูดที่เอ่ยออกมากลับทำให้คนที่ได้ยินตกตะลึงอยู่ในใจ ปราณกระบี่มากมายยิ่งระเบิดออกมาอย่างไร้ที่สิ้นสุด
ในช่วงวิกฤตนี้เอง สองมือของเว่ยยางจื่อผนึกมุทรา ตอนนี้สองมือของเขาก็คือสองแขนสุดท้ายจากหกแขน หนึ่งแขนคือสายฟ้า อีกหนึ่งแขนนั้น หลังจากงอกออกมาก็คล้ายเป็นหลุมดำ แฝงไว้ซึ่งเต๋าแห่งการกลืนกิน
ขณะนี้เมื่อทำมุทรา สายฟ้าก็ระเบิดออกมา การกลืนกินสะเทือนสวรรค์ ยิ่งมีเงามารที่เกิดจากปราณมาร จึงเหมือนกับเทพมารมาเยือนและปรากฏกายอยู่ด้านหลังตัวเขา คล้ายกับสยบทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้
เสียงอึกทึกกึกก้อง เมื่อปราณกระบี่มาถึง เงามารสั่นสะเทือน ปราณกระบี่ทุกสายฉีกกระชากมันไปไม่น้อย ส่วนตัวของเว่ยยางจื่อก็ถอยร่นไม่หยุดยั้ง ดวงตามีความบ้าคลั่งปรากฏอยู่
“ข้าฆ่าหมื่นตระกูล ข้าฆ่าไม่รู้สิ้น ข้าฆ่าแม่ทัพสวรรค์ ข้าฆ่าจักรพรรดิสวรรค์!”
“ข้าเป็นร้อยปี ฆ่าเป็นพันปี ฆ่าเป็นหลายหมื่นปี!”
“แต่เหตุใด ภายในใจของข้ายังถูกพิษรุกราน เหตุใด ข้าถึงยังหวนนึกถึง…เพื่อเต๋าสวรรค์สำนักแห่งความมืดแล้ว ข้าฆ่าหมื่นวิญญาณ เพื่อบรรลุถึงจุดสูงสุด ข้าฆ่าอาจารย์ ตอนนี้…ข้าก็ฆ่ามาจนถึงโลกคนเป็น ฆ่าสิ่งกีดขวางทั้งหมด ฆ่า…มหาเทพไม่รู้สิ้น!” เฉินชิงพลันเงยหน้าขึ้น ชั่วพริบตานี้เองกระบี่ไม้ในมือก็มีจิตสังหารพุ่งถึงระดับสะเทือนฟ้าไม่อาจบรรยายได้ ถึงขั้นมีรอยร้าวหลายเส้นปรากฏอยู่บนนั้น ราวกับตัวมันยากจะทนรับไหว เมื่อเฉินชิงจื่อเงยหน้าขึ้นแกว่งดาบ กระบี่นี้ก็พุ่งออกไปทันใด
ปราณกระบี่รุนแรงไม่รู้จบยิ่งกว่าก่อนหน้านี้ฟันลงมาในชั่วอึดใจแล้วตกลงบนเงามารของเว่ยยางจื่อทันที เงามารสิ้นสลายในพริบตาแล้วแตกเป็นเสี่ยงๆ ปราณกระบี่ส่องวาบ เคลื่อนผ่านลำคอของเว่ยยางจื่อ
ในชั่วพริบตา…หัวเต๋ามารของเว่ยยางจื่อก็ถูกทำลาย!
แขนซ้ายสายฟ้าถูกทำลาย!
แขนขวากลืนกินถูกทำลาย!
ตัวของเขา…พังทลาย!
“ข้าคือเฉินชิงจื่อ เต๋าของข้าคืออะไร เจ้ารู้หรือไม่” อวกาศเงียบสนิท มีเพียงเฉินชิงจื่อที่ก้มหน้าลงเอ่ยพึมพำเสียงเบา
กระบี่ไม้ในมือของเขาแตกสลายทีละนิดๆ แล้วกระจัดกระจายอยู่ข้างตัวเขา มองจากไกลๆ ดูคล้ายกับดอกบัว
……………