หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1282 หรือเป็นหายนะ
ภายในโลกแห่งเต๋าธาตุดินมีลมพายุโหมกระหน่ำ เสียงกรีดร้องดังไม่หยุด
ที่นี่ไม่มีฟ้าดิน มีเพียงทรายสีเหลืองกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา และกระแสน้ำวนจากเด็กหนุ่มชุดแดงก็กำลังบ้าคลั่งถึงขีดสุด มันปล่อยสายฟ้าสีเลือดฟาดไปทั่วบริเวณ ขณะเดียวกันก็หมุนเร็วราวกับอยากจะทะลวงทรายสีเหลือง ทำให้โลกแตกสลาย
หากมองจากที่ไกลๆ กระแสน้ำวนสีเลือดนี้ก็ดูเหมือนแหล่งมลพิษขนาดมหึมาที่พยายามจะสร้างมลพิษให้กับทุกสิ่ง ขณะเดียวกันความว่างเปล่าโดยรอบก็กำลังบิดเบี้ยวเป็นแนวกว้าง
มวลคลื่นอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมาจากกระแสน้ำวน พลังของคลื่นนั้นสามารถทำลายล้างระดับจักรวาลทุกคนในโลกศิลาได้ อย่างเช่นพวกของปรมาจารย์ตระกูลเซี่ยนั่นเอง หากพวกเขาอยู่ที่นี่ ยังไม่ต้องเข้าใกล้มันหรอก แค่เพียงเหลือบตามองก็จะเกิดการบ้าคลั่ง สติสัมปชัญญะพังทลาย
พวกเขาไม่อาจมองมันตรงๆ ได้ ขณะนี้ในกระแสน้ำวนมีสายตาของมหาเทพอยู่…มันจึงนับเป็นเทพเจ้า
แต่ถึงกระนั้นก็ยังยากที่เด็กหนุ่มชุดแดงจะหลบหนีไปได้ กรวดทรายรอบๆ พัดปกคลุมอย่างบ้าคลั่ง ส่งผลให้เสียงกรีดร้องของเด็กหนุ่มในกระแสน้ำวนยิ่งทวีความวิตกจริตมากขึ้น
ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าภายในโลกแห่งเต๋าธาตุดินแห่งนี้ยังมีเทพเจ้าอีกคนหนึ่ง นั่นก็คือหวังเป่าเล่อ!
ภายในโลกแห่งเต๋าธาตุดินมีกรวดทรายมากมายนับไม่ถ้วนและทุกเม็ด…ล้วนมีเจตจำนงของหวังเป่าเล่ออยู่ข้างใน ใบหน้าหวังเป่าเล่อที่ปรากฏบนเม็ดทรายกำลังกวาดมองไปทั่วราวกับจะกวาดล้างทุกสิ่งและฝังกลบกระแสน้ำวน
เสียงคำรามดังกึกก้อง การต่อกรระหว่างทรายสีเหลืองกับกระแสน้ำวนทำให้ทั้งโลกสั่นสะเทือน
บนท้องฟ้ามีทรายส่วนหนึ่งมารวมตัวกันกลายเป็นร่างหนึ่ง นั่นก็คือหวังเป่าเล่อ เขาจ้องมองกระแสน้ำวนด้านล่างด้วยสายตาล้ำลึก
หวังเป่าเล่อรู้ดีว่าหากไม่มีสายตาของมหาเทพ ด้วยพลังต่อสู้ในปัจจุบันของเขาแล้วก็สามารถสยบร่างแยกเด็กหนุ่มชุดแดงของเขาได้ไม่ยาก ถึงอย่างไรเด็กหนุ่มชุดแดงนี่ก็ไม่ใช่ระดับสุดยอดแล้ว ทั้งอ่อนแอลงหลังจากเจอกับศิษย์พี่เฉินชิง และยังบาดเจ็บที่ไม่อาจรักษาได้ในระยะเวลาสั้นๆ นี้อีกด้วย
ดังนั้นทั้งสยบและสังหาร ล้วนทำได้ทั้งสิ้น
แต่การปรากฏตัวของสายตาคู่นั้น แม้แต่หวังเป่าเล่อก็ยังสะพรึงกลัว อันที่จริงหากเขาประมาทไปเพียงนิดเดียว โลกศิลาก็คงล่มสลาย ต่อให้เขาสามารถสังหารเด็กหนุ่มชุดแดงได้ในที่สุด แต่จุดจบเช่นนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่หวังเป่าเล่อต้องการ
เขาสูญเสียอดีตกับอนาคตไปแล้ว หวังเป่าเล่อไม่ต้องการสูญเสียโลกศิลาแห่งนี้ไปอีก
นอกจากนี้…หวังเป่าเล่อที่มาถึงระดับในปัจจุบันนั้นสัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างตนกับโลกศิลาแล้ว ความสัมพันธ์เช่นนี้เกี่ยวโยงผูดมัดอย่างลึกซึ้งนับตั้งแต่ที่ร่างต้นแบบของเขาเริ่มถูกจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นเพรียกหาในจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นที่แท้จริง ในการต่อสู้ระหว่างจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นกับจักรพิภพเต๋าไพศาลแล้ว
นี่คือเคล็ดวิชาของมหาเทพ และเป็นวิธีรักษาตัวเขาด้วย
ดังนั้นหากโลกศิลาล่มสลาย ตัวหวังเป่าเล่อเองก็จะได้รับผลกระทบอย่างใหญ่หลวงไปด้วย
ในทำนองเดียวกันยังมีอีกเหตุผลหนึ่งที่โลกศิลาไม่สามารถล่มสลายได้ นั่นก็คือ…โลกศิลาเป็นเส้นด้ายเพียงเส้นเดียวที่เชื่อมโยงกับมหาเทพ!
หลายปีก่อนยุคสมัยอันเนิ่นนาน บาดแผลของมหาเทพและตะปูไม้สีดำที่ปรากฏบนหว่างคิ้วของเขาทำให้เขาแทบพินาศ แต่เขาก็ยังคิดหาวิธีรอดได้ทางหนึ่ง นั่นก็คือแยกเป็นแสนดวงจิตเทพ สร้างเมล็ดพันธุ์และกระจายมันไปในจักรวาลอันกว้างใหญ่
หนึ่งแสนดวงจิตนี้ก่อกำเนิดเป็นหนึ่งแสนโลกหรือก็คือหนึ่งแสนจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น หลังจากแต่ละโลกกำเนิดขึ้นก็ทำพิธีอัญเชิญไม้สีดำ นำตะปูไม้สีดำที่ตรึงไว้กลางหว่างคิ้วมหาเทพแบ่งเป็นหนึ่งแสนส่วนผูกติดกับจักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นทั้งหนึ่งแสนโลก
จุดประสงค์ก็เพื่อทำลายพลังสะกดที่มาจากไม้สีดำ
และวิธีเอาตัวรอดนี้ก็ประสบความสำเร็จ นอกจากโลกศิลาแล้ว จักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้นอีก 99,999 จักรพิภพล้วนถือกำเนิดตระกูลไม่รู้สิ้น มีเว่ยยางจื่อ กลืนกินโลกทั้งใบได้สำเร็จ รวมถึง…พลังของไม้สีดำหนึ่งในแสนนั้นด้วย
หลังจากนั้นเว่ยยางจื่อเหล่านี้ก็นำโลกที่พวกเขาอยู่รวมเข้าด้วยกันกลับมาเป็นจักรพิภพไม่รู้สิ้นที่แท้จริงและกลับมาเป็นร่างมหาเทพ เข้าสู่กระบวนการตอบแทนและทำให้อาการบาดเจ็บของมหาเทพฟื้นฟูขึ้น ขณะเดียวกันตะปูไม้สีดำบนหว่างคิ้วของเขาก็จะอ่อนกำลังลง
อย่างไรก็ตามแม้จักรพิภพเต๋าไม่รู้สิ้น 99,999 จักรพิภพจะกลับมารวมกันได้สำเร็จ แต่ตราบใดที่มีเพียงจักรพิภพเดียวที่ไม่สำเร็จ ตะปูไม้สีดำบนหว่างคิ้วของมหาเทพก็ไม่สามารถจัดการได้อยู่ดี
หากฝืนบังคับทำลายตะปูไม้สีดำบนหว่างคิ้ว แม้ผลกระทบจะไม่ถึงตาย แต่มันจะทำให้เขาไม่มีโอกาสทะลวงขั้นที่สูงกว่านี้ได้อีก และอย่างหลัง…ก็คือสาเหตุที่ทำให้เขาถูกตะปูไม้สีดำตรึงไว้นั่นเอง
ดังนั้นในแง่หนึ่งก็สามารถมองตะปูไม้สีดำเป็นหายนะอย่างหนึ่งที่หากจะขึ้นไปถึงระดับสูงอย่างแท้จริง…มันก็เป็นหายนะที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้!
หายนะไม้สีดำ!
หากมหาเทพเอาชนะหายนะได้สำเร็จ เขาก็จะทะลวงขั้นได้
แต่น่าเสียดาย การปรากฏตัวของโลกศิลาทำให้โอกาสเอาชนะหายนะครั้งนี้ลดลง
ประการแรกเพราะกู่และหลัวทำให้ที่แห่งนี้เกิดตัวแปร ประการที่สองเพราะพ่อของหวังอีอีทำให้ตัวแปรนี้ยิ่งขยายเป็นวงกว้าง แน่นอนว่ายังมีแรงผลักดันจากใครบางคนที่ไม่ทราบจุดประสงค์อยู่ด้วย ดังนั้นสุดท้ายแล้ว…วิวัฒนาการของโลกศิลาจึงค่อยๆ ต่างไปจากชะตากรรมที่ดวงจิตมหาเทพมอบให้
และนี่จึงได้นำไปสู่การเติบโตของหวังเป่าเล่อ รวมถึงกำเนิดจิตใต้สำนึกของเขา
ดังนั้นหลังจากมหาเทพทราบเรื่องนี้จึงได้แยกร่างออก และนั่นก็คือการมาถึงของเด็กหนุ่มชุดแดง สำหรับเขานั้นต้องแก้ไขให้ทุกอย่างกลับสู่วิถีเดิม หรือไม่ก็…ต้องทำลายโลกศิลาทิ้งไปเพื่อทำให้การเชื่อมโยงเหตุต้นผลกรรมระหว่างที่แห่งนี้กับมหาเทพตัดขาดจากกันอย่างสิ้นเชิง
แม้ว่าการตัดขาดอย่างหลังจะทำให้มหาเทพพ่ายแพ้ในการเอาชนะหายนะครั้งนี้ แต่หากไม่ตัด โลกศิลา…จะกลายเป็นจุดอ่อนร้ายแรงของมหาเทพที่ร่างกายเกี่ยวโยงกับมัน
ดังนั้นการปรากฏตัวของหวังเป่าเล่อได้ทำให้ทันทีที่ฝ่ายเด็กหนุ่มชุดแดงพ่ายแพ้ ไม่ว่าจะทำอย่างไรล้วนต้องพบกับความสูญเสียครั้งใหญ่
หวังเป่าเล่อเหมือนกับ…อาวุธ เป็นอาวุธที่ทำให้มหาเทพไม่สามารถเติมเต็มได้สมบูรณ์ อีกทั้งยังเกิดจุดอ่อน
เรื่องเหตุต้นผลกรรมพวกนี้ แม้หวังเป่าเล่อจะไม่เข้าใจอย่างถ่องแท้ แต่ก็เดาได้เกินครึ่ง สำหรับเขาไม่ว่าจะเป็นเช่นไร โลกศิลาก็จะล่มสลายไม่ได้
ฉะนั้นสิ่งที่หวังเป่าเล่อจำเป็นต้องทำก็คือทำให้สายตาจากมหาเทพอ่อนลงด้วยการเกิดใหม่ของธาตุทั้งห้า ทำให้สายตานั้นค่อยๆ อ่อนแอลงจนไม่ส่งผลใดๆ ต่อโลกศิลาอีก ซึ่งนั่นก็คือ…ตอนที่เด็กหนุ่มชุดถูกสยบและสังหารสิ้นนั่นเอง
ฝ่ายเด็กหนุ่มชุดแดงนั้นเขาย่อมเข้าใจทุกอย่างชัดเจนกว่า ดังนั้นในโลกแห่งเต๋าธาตุน้ำจึงคิดจะหลบหนีไป ในโลกแห่งเต๋าธาตุไฟจึงยิ่งพยายามออกไปไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ตาม
นี่เป็นทางรอดเดียวที่เขามี
จะถูกหวังเป่าเล่อสยบ หรือ…จะพุ่งออกไปจากการเกิดใหม่ของเต๋าทั้งห้าธาตุและทำลายโลกศิลาเพื่อหยุดการสูญเสียของตน แม้ร่างต้นแบบจะเอาชนะหายนะไม่ได้ แต่ก็จะไม่มีจุดอ่อนอีกต่อไป!
ความเสียใจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือก่อนหน้านี้ไม่ได้ทำลายโลกศิลาอย่างเด็ดขาด ถึงอย่างไร…นี่ก็เป็นความหวังที่ร่างของเขาจะทะลวงขั้นได้ หากไม่ใช่ทางเลือกสุดท้าย เขาก็ไม่อยากทำ
และความคิดนี้ก็ได้นำพาเรื่องราวต่างๆ มาสู่ที่ที่เป็นอยู่ในตอนนี้
ขณะที่จ้องมองอยู่ หวังเป่าเล่อก็หรี่ตาลงแล้วจู่ๆ ก็ยกมือขึ้น ทันใดนั้นทั้งโลกแห่งเต๋าธาตุดินก็ร้องคำราม เม็ดทรายนับไม่ถ้วนรวมตัวกันตรงหน้าเขาอย่างรวดเร็ว และก่อตัวเป็นฝ่ามือยักษ์ที่ดูเหมือนจะปกคลุมได้ทั้งท้องฟ้า กดลงไปยังกระแสน้ำวนสีเลือดด้านล่าง!
……