หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1335 ที่มา
เทศกาลสวาปามในเมืองปรารถนารสจัดขึ้นเดือนละครั้ง ตั้งแต่ก่อตั้งเมืองปรารถนารสมา ประเพณีนี้ไม่เคยหยุดชะงัก มันดำเนินต่อมาจนถึงทุกวันนี้
เทศกาลนี้ไม่ใช่แค่ประเพณี แต่ยังเป็นเหตุผลที่ทำให้เมืองปรารถนารสมีจำนวนประชากรเยอะมาก ที่สำคัญกว่านั้นคือมันตอบสนองความต้องการของผู้ฝึกกฎเกณฑ์แห่งปรารถนารสทุกคนในเมืองปรารถนารสด้วย
แม้ว่ากลิ่นอายแห่งปรารถนารสส่วนใหญ่ล้วนถูกเจ้าแห่งปรารถนาสูบไปแล้ว แต่ที่ยังเหลือก็ยังทำให้เจ้าสวาปามกับสาวกเนื้อทั้งหมดได้รับประโยชน์มหาศาลอยู่ดี
และผลประโยชน์เช่นนี้ก็ไม่ใช่สิ่งที่จะได้กันทุกคน ต้องเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติในระดับหนึ่งถึงจะดูดซับได้โดยไม่ถูกขัดขวาง สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับอำนาจของเจ้าสวาปามทั้งแปดและการเลือกของสาวกเนื้อ
กล่าวได้ว่าในเมืองปรารถนารส จะผู้อิ่มท้องก็ดี ผู้มีกินก็ช่าง ความจริงล้วนเป็นตัวตนที่จะมีหรือไม่มีก็ได้ ตราบใดที่ตายกันไม่มาก พวกเขาก็ล้วนไม่สำคัญอะไรนัก
แม้ดูแล้วพวกเขาจะอยู่ชั้นกลาง แต่กล่าวกันตามจริง ล้วนเป็นแค่ชนชั้นล่างเท่านั้น
ในเมืองปรารถนารส ผู้ที่มีสถานะสำคัญจริงๆ นอกจากเจ้าแห่งปรารถนาแล้ว ก็มีแค่เจ้าสวาปามกับสาวกเนื้อเท่านั้นเอง พวกแรกมีสถานะยิ่งใหญ่ จำนวนคนน้อยมาก พวกหลังเองก็แข็งแกร่ง ยิ่งมีโอกาสเติบโตขึ้นไปอีก
ดังนั้น ท่าทีของเจ้าสวาปามต่อสาวกเนื้อจึงเป็นการอยู่ร่วมกันแบบเข้าเป็นพวกและกดขี่ข่มเหงเสียมาก เข้าเป็นพวกกับผู้ที่ยินดีพึ่งพาตนเอง และกดขี่สาวกเนื้อที่อยู่ใต้บัญชาของเจ้าสวาปามคนอื่น
แม้โอกาสที่สาวกเนื้อจะเลื่อนขั้นไปเป็นเจ้าสวาปามจะมีไม่มาก แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังมีอยู่ ถึงอย่างไรพวกเจ้าสวาปามทั้งแปดคนก็เลื่อนขั้นกันมาแบบนี้ ดังนั้นการดึงเข้าเป็นพวกก็สามารถมองได้ว่าเป็นการลงทุนล่วงหน้าอย่างหนึ่ง
แต่ก็ผ่านหลายปีมาแล้วที่เมืองปรารถนารสไม่มีเจ้าสวาปามคนใหม่กำเนิดขึ้น
เรื่องพวกนี้ล้วนเป็นเหตุผลที่ทำให้โจวหั่วลงมือ ถึงอย่างไรการที่หวังเป่าเล่อเป็นสาวกเนื้อคนใหม่นี้ แม้ที่มาของเขาจะคาดเดาไม่ได้และแข็งแกร่งขึ้นมาอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับเมืองปรารถนารสแล้ว พวกเขาไม่สนใจตัวตนของอีกฝ่าย มองแค่กฎเกณฑ์ที่ฝึกตนเท่านั้น
บวกกับที่หวังเป่าเล่อจัดการเรื่องราวได้อย่างงดงาม หลังจบเรื่องก็ส่งน้ำเย็นหล่อวิญญาณมาให้หนึ่งพันขวด แม้ว่ามันจะไม่ใช่ของมีคุณค่ายิ่งใหญ่อะไรในสายตาของเจ้าสวาปามโจวหั่ว แต่ท่าทีของหวังเป่าเล่อก็แสดงออกมาชัดเจนมากแล้ว
เพราะอย่างนั้น เขาถึงได้ส่งคำเชิญไป
เชิญให้หวังเป่าเล่อเข้าร่วมเป็นพรรคพวกกับเขา แบ่งปันกลิ่นอายแห่งปรารถนารสด้วยกัน
ขอเพียงหวังเป่าเล่อยอมรับ เช่นนั้นก็จะเท่ากับว่าได้ผูกพันธมิตรกับโจวหั่วแล้ว
สำหรับคำเชิญเช่นนี้ หวังเป่าเล่อย่อมไม่ปฏิเสธ เดิมทีนี่ก็เป็นแผนการของเขาเช่นกัน
ในความเข้าใจของเขา หากอยากผสานรวมกับกลุ่มอิทธิพลแห่งหนึ่งได้อย่างแท้จริงก็ต้องมีสถานะสำคัญอย่างยิ่งในกลุ่มอิทธิพลนั้น เรื่องนี้เขาในตอนนี้ยังทำไม่สำเร็จสมบูรณ์ นับว่าได้ก้าวเข้าไปขั้นแรกเท่านั้น
แต่หวังเป่าเล่อรู้สึกสนใจต่อกฎเกณฑ์แห่งปรารถนารสอย่างยิ่ง ขณะเดียวกันเขาก็ค้นพบว่า…ตนคล้ายจะมีต้นทุนพิเศษต่อการฝึกฝนเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาอย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นสุข หรือว่าปรารถนารสอย่างวันนี้ เขาเหมือนจะเข้าใจพวกมันได้รวดเร็วนัก
“น่าจะเกี่ยวกับระดับขั้นฝึกตนของร่างจริงข้าด้วยหรือเปล่า” ปรากฏการณ์เช่นนี้ หวังเป่าเล่อก็เคยครุ่นคิดอยู่บ้าง คำตอบนั้นมีหลากหลาย และระดับขั้นการฝึกตนก็คือหนึ่งในนั้น
ส่วนคำตอบอื่นๆ…หวังเป่าเล่อหรี่ตาลง ในแววตามีประกายประหลาดวาบผ่าน
เป็นเช่นนี้ หลังจากตอบกลับพ่อบ้านคฤหาสน์ของโจวหั่วผู้มาส่งคำเชิญแล้ว เวลาก็เคลื่อนผ่านไปแล้วสามวัน และเทศกาลสวาปาม…ก็มาถึง
นี่คือเทศกาลสวาปามครั้งที่สี่ที่หวังเป่าเล่อได้ประสบในเมืองปรารถนารส นอกจากครั้งแรกที่เขาเข้าร่วมด้วยตัวเองแล้ว สองครั้งต่อมาเขาล้วนไม่ได้ออกไปจากร้าน เพียงแค่สังเกตการณ์ดูเท่านั้น
และครั้งที่สี่นี้ วิธีการเข้าร่วมของเขาก็แตกต่างจากก่อนหน้าโดยสิ้นเชิง เมื่อยามเช้าตรู่มาถึงและกลิ่นอายแห่งวันเทศกาลแพร่กระจาย ขณะที่ผู้ฝึกตนทั่วทั้งเมืองเริ่มพากันส่งเสียงโห่ร้อง ตัวตนที่ราวกับภูเขาเนื้อทั้งแปดตนก็ถูกลูกน้องเหล่านั้นแบกขึ้นแล้วเดินจากคฤหาสน์เจ้าสวาปามทั้งแปดแห่ง
หลังออกเดินมาแล้วก็พากันเคลื่อนขบวนตามเส้นทางที่กำหนดในเมือง เงาร่างที่กักตนอยู่หลายร่างเดินออกมาจากทิศทางที่ต่างกัน ก่อนจะวาบหาย แล้วมาปรากฏตัวอยู่ในกลุ่มของเจ้าสวาปามแต่ละคน
เงาร่างเหล่านี้ล้วนเป็นสาวกเนื้อ ขณะเดียวกันก็ยังมีผู้มีกินที่อยู่ใต้บัญชาของเจ้าสวาปามแต่ละคนด้วย ล้วนมาถึงกันตามๆ กันก่อนจะเข้าไปรวมกับกลุ่มขบวนของแต่ละคน
พักหนึ่ง เสียงโห่ก้องร้องตะโกนก็ดังอยู่ในเมืองอย่างต่อเนื่อง ยิ่งกว่านั้นยังมีผู้ฝึกตนและชาวเมืองจากสองข้างทางเข้ามาร่วมด้วย เมื่อบรรยากาศของเทศกาลสวาปามเริ่มพวยพุ่งขึ้น หวังเป่าเล่อก็เดินออกจากร้าน เงาร่างพลันหายวาบ พริบตาต่อมา…เขาก็มาปรากฏตัวอยู่ในกลุ่มขบวนของโจวหั่ว หนึ่งในเจ้าสวาปามทั้งแปดคนแล้ว
การปรากฏตัวของเขา โจวหั่วรับรู้ได้ตั้งแต่ชั่วขณะแรก ร่างกายราวภูเขาเนื้อค่อยๆ หันหน้ามา แล้วเหลือบมองหวังเป่าเล่อที่ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังอย่างล้ำลึก
หวังเป่าเล่อก็มองไปยังโจวหั่ว ในร่างกายใหญ่มหึมาของอีกฝ่ายมีคลื่นความร้อนราวกับเตาไฟน่าตกตะลึงอย่างยิ่งแผ่ออกมา ทำให้หวังเป่าเล่อที่ต้องคาดเดาถึงผลสะท้อนของกฎเกณฑ์แห่งปรารถนารสขึ้นใหม่ประสานหมัดคำนับ
ใบหน้าของโจวหั่วแย้มยิ้ม พยักหน้า ไม่ได้กล่าวอะไร แล้วเคลื่อนขบวนต่อไป
พร้อมกันนั้น รอบกายของหวังเป่าเล่อก็มีสายตาสี่คู่จดจ้องมาตามๆ กัน หวังเป่าเล่อแค่เหลือบมองโดยอาศัยสัมผัสเชื่อมต่อก็สังเกตเห็นแล้วว่ารอบตัวของเขามีผู้ฝึกตนสี่คนที่มีกลิ่นอายบนร่างไม่ต่างจากตนนัก
สี่คนนี้ คนหนึ่งเป็นชายชรา สามคนเป็นวัยกลางคน คลื่นผันผวนของกฎเกณฑ์แห่งปรารถนารสบนร่างของพวกเขาแสดงเห็นชัดว่าพวกเขามีพลังระดับสาวกเนื้อ หลังจากสบตากับหวังเป่าเล่อ สีหน้าของทั้งสี่ก็นิ่งสงบ ก่อนพยักหน้าน้อยๆ
สำหรับสาวกเนื้อที่โผล่ขึ้นมาใหม่ผู้นี้ ในใจของพวกเขาก็รู้สึกกลัวเช่นกัน ถึงอย่างไรความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายก็เกิดจากการต่อสู้สังหารสาวกเนื้อ ส่วนหวังเป่าเล่อก็ไม่ได้มีนิสัยสร้างศัตรูไปทั่ว ดังนั้นเขาจึงพยักหน้าตอบกลับ
หลังจากสองฝ่ายนับว่าได้ทักทายกันเบื้องต้นแล้ว ก็เคลื่อนขบวนต่อไป
ขณะที่บรรยากาศของงานเทศกาลเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ และกลุ่มคนที่อยู่หลังขบวนก็เพิ่มมากขึ้นนั้น ช่วงเวลาสำคัญของเทศกาลสวาปามก็มาถึง หลังจากเจ้าสวาปามทั้งหมดมารวมตัวกันที่แท่นบูชาตรงกลาง เจ้าแห่งปรารถนา…ก็ปรากฏ
เมื่อเสียงโห่ร้องดังกึกก้อง และก้อนเนื้อมหึมาน่าตกตะลึงผู้นั้นปรากฏตัวกลางแท่นบูชา หวังเป่าเล่อที่ยืนอยู่ด้านหลังโจวหั่วก็เงยหน้ามอง ครั้งแรกที่มายังเมืองปรารถนารส เขายืนอยู่ในฝูงชนไกลๆ แต่วันนี้ เขาอยู่ห่างจากก้อนเนื้อผู้นั้นเป็นรองแค่ตำแหน่งเจ้าสวาปามเท่านั้นเอง
ตำแหน่งนี้ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงกฎเกณฑ์แห่งปรารถนารสที่เข้มข้นจนถึงที่สุดบนร่างของอีกฝ่าย จนมันกลายเป็นแหล่งกำเนิดได้ชัดเจนยิ่งกว่า กฎเกณฑ์แห่งปรารถนารสของอีกฝ่ายส่งผลต่อทั่วทั้งเมือง อีกทั้งยังอยู่ภายใต้การควบคุมอย่างสมบูรณ์อีกต่างหาก
จากการคาดเดาของหวังเป่าเล่อ ทันทีที่อีกฝ่ายแผ่พลังออกมาโดยสมบูรณ์ ชั่วพริบตา…ก็จะทำให้ทั่วทั้งโลกาชั้นที่สองกลายเป็นโลกแห่งปรารถนารสได้เลย
แต่เห็นได้ชัดว่าเจ้าแห่งปรารถนาคนอื่นๆ ในโลกชั้นที่สองต้องไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนี้แน่
“นอกเสียจากเจ้าปรารถนาผู้นี้จะสิ้นชีพเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีใครสามารถฝึกฝนกฎเกณฑ์แห่งปรารถนารสได้จนถึงระดับนี้ขณะที่เขายังมีชีวิตอยู่แน่”
“มิติเต๋าต้นกำเนิดช่างน่าอัศจรรย์จริงๆ ในโลกเล็กๆ เช่นนี้…กลับมีผู้เยี่ยมยุทธ์แบบนี้อยู่ตั้งหลายคน” หวังเป่าเล่อหรี่ตา จ้องมองไปที่ก้อนเนื้อตรงหน้า
อีกฝ่ายคือผู้แข็งแกร่งสะเทือนฟ้าที่สามารถต่อสู้กับร่างจริงของเขาได้
“เช่นนั้น กฎเกณฑ์แห่งเจ็ดอารมณ์หกปรารถนากำเนิดขึ้นมาที่นี่ได้อย่างไรกันนะ…หรือต้องพูดว่า พวกมันมาจากที่ไหน…” หวังเป่าเล่อเงียบงัน ในใจมีคำตอบไม่มากก็น้อยแล้ว
“มหาเทพไงล่ะ”
…………………………………