หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1340 ชิงหยางจื่อหรือ
คำพูดของหวังเป่าเล่อเย็นยะเยือก ขณะที่กล่าวออกไป ไม่เพียงแต่ชายหนุ่มผู้นั้นจะตกตะลึง ผู้คนภายในเมืองปรารถนารส เวลานี้ต่างก็โกลาหล แล้วยังมีถัวหลิงจื่อผู้ลงมือที่สีหน้าเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเป็นครั้งแรก
โจวฮั่วก็เป็นเช่นเดียวกัน เจ้าสวาปามอื่น พลันฉายแววตาดุร้ายออกมาทันที
แต่ทั้งหมดนี้กลับพลิกผันเร็วเกินไป จนแม้แต่ถัวหลิงจื่อก็มาไม่ทันจัดการ พริบตาเดียวขณะที่คำพูดของหวังเป่าเล่อสะท้อนก้อง เขาก็คว้ามือขวาของเฉิงหลิงจื่อไว้แล้วดึงอย่างแรง ร่างของเฉิงหลิงจื่อถูกลากขึ้นกายบิดเบี้ยว ส่งเสียงร้องโหยหวนแล้วโยนกลับไปด้านหลัง ซึ่งเป็นทิศเดียวกับที่มือยักษ์ของถัวหลิงจื่อคว้ามา
กระบวนการทั้งหมดแยบยลอย่างยิ่ง เวลานี้ดวงตาของถัวหลิงจื่อแดงก่ำ มือยักษ์ที่ปรากฏออกมาพลันเก็บกลับ แต่ยังกระแทกถูกคนโปรดของตน
ครั้งนี้กระแทกร่างเฉิงหลิงจื่อเสียงดัง ทำลายไปครึ่งร่างโดยตรง แม้เลือดจะไหลทะลัก แต่กลับไม่อาจส่งสียงกรีดร้องได้เลยสักนิด เพราะถูกมือขวาของหวังเป่าเล่อกำแน่นอยู่ที่ลำคอ เห็นเพียงการสั่นอย่างรุนแรงของร่างกาย แสดงถึงความเจ็บปวดของเขาในเวลานั้น
หวังเป่าเล่อไม่สนใจสีหน้าทุรนทุรายของถัวหลิงจื่อ หลังจากกล่าวอย่างราบเรียบออกไปก็คำรามออกมา ใช้กำลังมือขวาบีบเฉิงหลิงจื่อที่อยู่ในมือทันที
ชั่วอึดใจ ภายในร่างของเฉิงหลิงจื่อก็แหลกลาญ กฎเกณฑ์ปรารถนารสจำนวนมากที่แฝงอยู่ทั้งหมด ถูกหวังเป่าเล่อสูบเข้าปากทันที ทว่าเฉิงหลิงจื่ออย่างไรก็เป็นสาวกเนื้อ ย่อมมีไพ่ใบสุดท้าย เวลานี้ร่างกายที่แหลกลาญ หลังจากที่หวังเป่าเล่อดูดรับกฎเกณฑ์ไปส่วนหนึ่งแล้ว ก็เกิดการเผาไหม้ขึ้นและกลายเป็นเถ้าถ่านปลิวไปในทันที
เวลาต่อมา สถานที่ที่ใกล้กับวังวนที่ไกลออกไป ตามการบิดเบี้ยวของความว่างเปล่า ร่างของเขาก่อขึ้นจากความว่างเปล่าแห่งนั้น ทว่าดูแล้วไม่ใช่หนุ่มน้อยอีก กลับกลายเป็นชายวัยฉกรรจ์ที่ร่างกาย…ผ่ายผอมลง
ใบหน้าซีดขาว ลมหายใจรวยริน ดวงตาที่มองไปทางหวังเป่าเล่อก็เผยให้เห็นถึงความหวาดกลัวอันไม่เคยมีมาก่อน
“หืม?” หวังเป่าเล่อประหลาดใจอยู่บ้าง เงยหน้ามองไปทางเฉิงหลิงจื่อ ร่างกายพลันหายวับไปขณะที่เงยหน้าขึ้น จากนั้นก็ปรากฏตัวตรงหน้าของอีกฝ่าย
ทว่า เฉิงหลิงจื่อที่เคยประสบกับวิกฤตความเป็นความตายมาก่อนกลับหวาดผวาคล้ายกระต่ายที่ตื่นตระหนก เวลาเดียวกับการมาของหวังเป่าเล่อ ร่างของเขาก็หายไปอีกครั้ง และปรากฏอยู่ภายในวังวนแล้ว
เขาไม่กล้าไปหาบิดาของตนเอง ไม่ทันกาลแล้ว ฝ่ายตรงข้ามต้องลงมือแน่ เขามีลางสังหรณ์บางอย่าง ก่อนที่บิดาของเขาจะลงมือขัดขวาง ตนเอง…ต้องตายเป็นแน่
วิธีการรักษาชีวิตเช่นเมื่อครู่ เขาเชื่อว่าตนคงไม่มีโอกาสได้ใช้เป็นครั้งที่สอง ดังนั้นตอนนี้ทางรอดเดียวของเขาก็คือเข้าไปซ่อนอยู่ภายในวังวน
เรื่องก็เป็นเช่นนี้ เพราะในเวลาเดียวกัน ช่องว่างระหว่างหวังเป่าเล่อและแท่นบูชาเมืองปรารถนารส ฝันร้ายแห่งความปรารถนาจำนวนมหาศาลก็ก่อตัวปิดล้อมออกมาจากอากาศ
หากเฉิงหลิงจื่อหนีมาทางนี้ ก็ต้องถูกสกัดกั้น
“น่าสนุก ข้าก็ชมชอบการเล่นซ่อนหา ดังนั้นเจ้าซ่อนตัวให้ดีล่ะ” หวังเป่าเล่อหรี่ตา ในความเป็นจริงหากเขาใช้พลังของร่างต้นที่อยู่ภายนอกโลก เฉิงหลิงจื่อผู้นี้ แค่พลิกฝ่ามือก็สามารถกำราบได้ ไร้หนทางหนีรอด
เวลานี้หวังเป่าเล่อไม่ได้สนใจอะไรมากนัก เขาเดินไปทางวังวน ดวงจิตเทพที่มากขึ้น ถูกกักไว้บนแท่นสังเวย สายตาระเบิดจิตสังหารแรงกล้าไปทางถัวหลิงจื่อ
หลังจากที่อีกฝ่ายลงมือเป็นครั้งแรก ก็ไม่ได้ลงมืออีก ไม่ใช่เขาไม่คิด ทว่า…พลังของเจ้าปรารถนาจากบนแท่นสังเวย เพียงพริบตาเดียวก็กวาดไปบนร่างเขาเบาๆ
สายตาที่กวาดไปนี้ ทำให้ถัวหลิงจื่อเหมือนถูกผนึกไว้ ไม่มีพลังลงมือ ดังนั้นเวลานี้พลังสังหารจึงคลั่งขึ้นมาด้วยไม่อาจระเบิดออกมาได้
หวังเป่าเล่อหรี่ตา มองไปทางก้อนเนื้อที่แฝงด้วยกลิ่นอายน่าตื่นตระหนกซึ่งกำลังยืนอยู่บนแท่นสังเวยในเวลานี้
“ในฐานะที่เป็นเจ้าแห่งสวาปาม ที่แล้วก็แล้วไป หากพ่ายแพ้ ข้าจะนำกฎเกณฑ์ปรารถนารสคืนกลับจากร่างเจ้า” เจ้าปรารถนา มองหวังเป่าเล่อด้วยแววตาแปลกประหลาด กล่าวอย่างเนิบช้า
เสียงที่เปล่งออกมา ทำให้ท้องฟ้าเปลี่ยนสี ลมเมฆแปรปรวน ราวกับจะให้เป็นไปตามที่กล่าว โลกทั้งใบสั่นสะเทือน
หวังเป่าเล่อให้ความเคารพต่อเจ้าแห่งปรารถนาที่มีความแข็งแกร่งเท่าเทียมกับตนตามสมควร เมื่อได้ฟังก็ครุ่นคิดสักพัก แล้วจึงพยักหน้าหันร่างตรงไปที่วังวน พริบตาเดียวร่างของเขาก็หายวับไปข้างในนั้น
กระทั่งเวลานี้ สาวกเนื้อผู้อื่นต่างก็เข้าสู่วังวนทีละคนด้วยความขมขื่นและจำใจ สุดท้ายหลังจากคนสุดท้ายก้าวย่างเข้าไป เจ้าปรารถนาที่อยู่บนแท่นสังเวยก็สะบัดมืออีกครั้ง เวลาเดียวกันวังวนบนท้องนภาก็ค่อยๆ จางหายไป
คนที่อิ่มอุ่น ผู้ที่อิ่มท้อง เดิมทีก็ควรเข้าร่วม แต่เห็นได้ชัดว่าเจ้าปรารถนาได้เปลี่ยนหลักการ เวลานี้เขาแหงนหน้ามองไปที่วังวนที่กำลังจางหาย แล้วผุดยิ้ม
“เป็นเขาหรือ…”
มิติแห่งเต๋าต้นกำเนิด ภายใต้โลกาชั้นที่สอง เป็นไอหมอกหนาสีแดงไร้ที่สิ้นสุด และชั้นล่างสุดของหมอกหนานี้ ก็คือโลกชั้นที่หนึ่ง และถูกเรียกว่าดินกลบศพ
เพราะที่แห่งนี้เคยฝังจักรวาลมากมายของมิติแห่งเต๋าต้นกำเนิดมาหลายยุคหลายสมัย จึงมีผีดิบดำรงอยู่มากมายนับไม่ถ้วน
จิตสำนึกหลับใหล หรือบางทีอาจไม่มีทางฟื้นขึ้นตลอดกาล และความปรารถนาที่จะสนับสนุนกิจกรรมทางกายก็ต่างกันออกไป
“เจ้าปรารถนาผู้นั้น…เห็นฐานะของข้าแล้ว” เวลานี้ ในโลกที่เต็มไปด้วยดินกลบศพ หวังเป่าเล่อยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศ ก้มลงมองพื้นโลก
สิ่งที่เขามองเห็นคือพื้นโลกที่มืดมิดไร้ขอบเขต กลิ่นอายแห่งความตายหนาแน่นถึงขีดสุด กลายเป็นความหนาวเหน็บมืดมน ราวกับสามารถแช่แข็งได้ทั้งหมด
แต่ตลอดเวลา…ก็รับรู้ได้ถึงในส่วนลึกของโลกนี้ ว่ามีความผันผวนของลมหายใจที่แน่นขนัดนับไม่ถ้วน
มีแข็ง มีอ่อน
สิ่งที่อ่อนน้อมราวคนธรรมดา แต่สิ่งที่แข็งนั้น…ในสายตาของหวังเป่าเล่อ เวลานี้ม่านตาของเขาหดลง เพราะสาเหตุของเนื้อแท้ของบุคลิกภาพ เขาสามารถใช้การรับรู้ขั้นที่ห้า สัมผัสถึงส่วนที่ลึกที่สุดของแผ่นดินนี้ได้อย่างเลือนราง ดูเหมือน 90 กว่าตน…มีกลิ่นอายเช่นเดียวกับผู้พิทักษ์ผู้นั้นที่ไล่ล่าในตอนแรก
ทั้งหมดนี้ทำให้หวังเป่าเล่อเข้าใจในที่สุด ภายในมิติแห่งเต๋าต้นกำเนิด ร่างทั้งแปดที่รายล้อมอยู่ข้างกายมหาเทพ แท้จริงแล้วพวกเขาไปทางใด
ในความเงียบงัน หวังเป่าเล่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง มองไปทางหมอกแดงที่พลิกม้วนอยู่ด้านบน
“กลิ่นอายที่ถูกกลบฝังไม่สอดคล้องกับจำนวน108 แต่หาก…เพิ่มหลักแห่งเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาล่ะ…” หวังเป่าเล่อเงียบงัน สักพักก็ถอนหายใจ
“ดังนั้น เจ้าปรารถนาที่ดูสถานะของข้าออกได้แปดเก้าส่วน ตัวเขาเองก็เป็นหนึ่งใน 108 การต่อสู้นั้น”
สิ่งนี้ไม่เป็นไปตามที่หวังเป่าเล่อคาดเดาในครั้งแรก เดิมทีเขาเข้าใจว่าเจ้าปรารถนามีระดับการฝึกตนขั้นเดียวกับตน น่าจะเป็นแหล่งกำเนิดของเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาของมหาเทพ คล้ายกับร่างอวตารที่เป็นเอกเทศ
“น้ำของมิติแห่งเต๋าต้นกำเนิด…ลึกล้ำ ลึกล้ำ” หวังเป่าเล่อหรี่ตา พลันยกมือขวาขึ้น คว้าไปในความว่างเปล่า ทันใดนั้นเส้นผมสีดำกระจุกหนึ่งก็ปรากฏอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่าที่เขาคว้าไว้ ราวกับเดิมทีก็รัดพันหวังเป่าเล่ออยู่อย่างเงียบๆ แต่หลังจากถูกเขาคว้าไว้ได้แล้วดึงอย่างแรง เส้นผมจำนวนมากก็ส่งเสียงดังจากความว่างเปล่า ราวกับน้ำหลาก ราวกับน้ำหมึกที่ไหลบ่าออกมา
และในการไหลบ่าไม่หยุดนี้ ในที่สุดก็ปรากฏแหล่งที่มา นั่นคือศีรษะ…ศีรษะของสตรีปรากฏในความว่างเปล่า จ้องมองหวังเป่าเล่ออย่างเงียบงัน
สายตานั้นเผยความเกลียดชังเกินกว่าจะพรรณนา
“ชิงหยางจื่อ เจ้าคือชิงหยางจื่อ!”
………………….