หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1352 แสวงหา
ขณะที่ร่างแห่งปรารถนา 300 กว่าจั้งก่อตัว ผลึกปรารถนารสภายในร่างหวังเป่าเล่อ ขณะนี้ก็หลอมละลายแผ่ไปทั่วร่าง ราวกับเปลี่ยนโครงสร้างของชั้นกายเนื้อ ดูเหมือนมันได้หลอมเข้าด้วยกันกับชั้นกายเนื้อแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นขณะหลอมรวมนี้ จิตใจของหวังเป่าเล่อก็คำรามก้อง ดวงจิตเทพของเขาถูกแรงประหลาดลาก ลอยขึ้นบนท้องนภา หลังจากทะลวงผ่านชั้นหมอกแดงไร้ที่สิ้นสุดก็เข้าสู่โลกาชั้นที่สอง
ทว่า หาได้จบสิ้นที่โลกาชั้นที่สองไม่ ดวงจิตเทพของเขาถูกแรงนี้ลากดึงต่อไป จนถึงขีดสุดของท้องนภา เข้าสู่ภายในโลกที่มีซากปรักหักพังไร้ที่สิ้นสุด
ในโลกใบนี้ หวังเป่าเล่อเห็นภูเขาลูกหนึ่ง
ภูเขาลูกนั้น…หลังจากคนผู้เดียวนั่งขัดสมาธิลงแล้ว ก็กลายเป็นภูเขาแห่งความไพศาล
แม้จะเลือนรางก็ยังสามารถมองเห็นตรงตำแหน่งยอดเขาได้ว่า องคาพยพบนร่างกาย ตรงกลางหว่างคิ้วอันเลือนรางนั้น…มีตะปูสีดำแท่งหนึ่ง
แรงที่ดึงดูดดวงจิตเทพของหวังเป่าเล่อ ก็คือเขาลูกนี้
ทว่า ดูเหมือนแรงลากนี้ยังไม่เพียงพอ หรืออาจเป็นดวงจิตเทพของหวังเป่าเล่อที่ยังไม่เพียงพอส่งเสริมให้เขามาถึงที่นี่ ดังนั้นขณะที่มองเห็นเขาลูกนั้น จิตใจของหวังเป่าเล่อก็คำรามก้อง ดวงจิตเทพเลือนหายไปจากที่นี่ทันที
ฉับพลัยที่เขาลืมตาขึ้น ตนยังคงอยู่ระหว่างฟ้าดินของโลกาชั้นแรก เสียงแสดงความยินดีของพวกเฉิงหลิงจื่อดังอยู่ข้างหู หวังเป่าเล่อแหงนหน้า มองออกไปยังท้องนภาไกล สายตาฉายแววล้ำลึก
“นั่นคือ…มหาเทพ…”
ในความมืดสนิท หวังเป่าเล่อรับรู้ได้ถึงท่าทีของตนในตอนนี้ กฎเกณฑ์ปรารถนารสแตกต่างจากเมื่อก่อน ดูเหมือนหลอมไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ไม่แบ่งแยกกันและกันแล้ว
ท่าทีเช่นนี้ ทำให้เขาเข้าใจระดับของกฎเกณฑ์ทปรารถนารสยิ่งขึ้น
กฎเกณฑ์ปรารถนารสนี้ ในความเข้าใจของหวังเป่าเล่อ เป็นเช่นเดียวกับสี่เหลี่ยมคางหมู จุดยอดสุดคือเจ้าแห่งปรารถนา แต่ในการรับรู้ของเขาเจ้าแห่งปรารถนาไม่น่าจะเป็น…
“เจ้าแห่งต้นกำเนิดคือ จักรพรรดิ…”
“เช่นนั้นเจ้าแห่งปรารถนา น่าจะเป็นสำนักสาขาที่ใหญ่ที่สุด ภายใต้ผู้สร้าง”
“และในขณะที่ผู้สร้างหลับใหล สำนักสาขาย่อมเทียบเท่ากับผู้ครอบครอง” หวังเป่าเล่อครุ่นคิด สัมผัสได้ว่าเวลานี้กฎเกณฑ์ปรารถนารสของตนเอง แม้จะฝึกเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาของมหาเทพแล้ว ก็ยังมีจุดด้อยบางอย่าง เช่นถูกเขายับยั้งและผลกระทบไร้รูป
แต่ก็มีข้อดีเช่นกัน นั่นคือสามารถเข้าใกล้มหาเทพได้มากขึ้น ก็เหมือนการละเล่นที่ไร้รูป ไม่มีผิดถูก มีเพียงการเลือกที่ต่างกัน
ส่วนเจ้าสวาปามที่ต่อจากเขาก็จะเป็นสำนักสาขาเช่นกัน และจากการที่หวังเป่าเล่อสัมผัสในเวลานี้ เขาสามารถคาดเดาได้ว่า สำนักสาขาของเจ้าปรารถนารส ไม่ได้มาจากเจ้าปรารถนา แต่มาจากเจ้าผู้สร้างที่หลับใหล
เพียงแต่ว่า เมื่อเทียบกับสำนักสาขาของเจ้าปรารถนาแล้ว เจ้าปรารถนารสก็เล็กกว่ามากนัก
“การเลื่อนขึ้นเป็นเจ้าแห่งปรารถนารส สามารถทำให้ดวงจิตเทพถูกลาก มองเห็นมหาเทพ เช่นนั้นหากข้าได้เป็นขอบเขตที่รองจากเจ้าแห่งปรารถนาในสัมผัสทั้งหกอื่น ก็จะสามารถเห็นมหาเทพอย่างเมื่อครู่” หวังเป่าเล่อหรี่ตา ขณะครุ่นคิดร่างกายก็ค่อยๆ ฟื้นคืนจากขนาด 300 กว่าจั้ง จนกระทั่งกลายเป็นคนปกติหลังจากนั้น สายตาเขากวาดไปทางเฉิงหลิงจื่อและพวกที่อุทิศกฎเกณฑ์ปรารถนารสทั้งหก
เวลานี้คนทั้งหกตัวสั่นเทา แต่สามารถมองออกว่าพวกเขาต่างก็ถอนหายใจโล่งอก เห็นได้ชัดว่ารู้อยู่แก่ใจแล้ว เมื่อเจ้าแห่งปรารถนารสคนใหม่ปรากฏ เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นที่พวกเขาจะต้องอุทิศกฎเกณฑ์ปรารถนารสอีกต่อไป จึงไม่มีเรื่องสูญเสีย
เมื่อเปรียบเทียบกับพวกเขา ความตื่นเต้นของเฉิงหลิงจื่อที่เกิดขึ้นทั้งหมดมาจากหัวใจ เวลานี้ทั้งร่างกำลังสั่นเทา ดวงตามองไปทางหวังเป่าเล่อ ราวกับจะยินดีกว่าหวังเป่าเล่อเองเสียอีก
หวังเป่าเล่อไม่ได้ผิดคาดจากเรื่องนี้ เขาคุ้นเคยดี ในความทรงจำชีวิตของตนเองนั้น มักจะพบเจอผู้ที่คล้ายกัน หรืออาจกล่าวว่า จิตใจของคนเหล่านั้นถูกทำลายอย่างหนัก จากนั้นไม่รู้ด้วยเหตุใด การพึ่งพาที่ผิดปกตินี้ก็เกิดขึ้น
“ไร้ยางอายเสียจริง” หวังเป่าเล่อบ่นในใจ เขาไม่คิดว่าเขาจะทำลายจิตใจของเฉิงหลิงจื่อ และวิธีที่ตนเองกระทำ ได้ทำให้ปราณกังวานของเขาเกิดขึ้น ทำให้เขายกย่อง และยินยอมพร้อมใจที่จะมาช่วยเหลือตน
คิดถึงตรงนี้ หวังเป่าเล่อก็มองไปทางเฉิงหลิงจื่อ เผยสายจาชื่นชม
สายตาชื่นชมนี้ สำหรับเฉิงหลิงจื่อแล้ว ก็คือแรงบันดาลใจที่สวยงามที่สุดบนโลกนี้ เขารู้สึกชาไปทั้งศีรษะ และรู้สึกตื่นเต้นอย่างยิ่ง
“ท่านผู้มีพระคุณ พวกเราจะกลับกันตอนนี้ไหม” เฉิงหลิงจื่อกล่าวเสียงดัง ท่าทางยินดี
“ไม่รีบร้อน” หวังเป่าเล่อส่ายหน้า สายตากวาดไปไกล แล้วหลับตาลงช้าๆ เริ่มสัมผัสเชื่อมต่อ
โลกาชั้นแรกนี้ นอกจากเขาจะเลื่อนขึ้นเป็นเจ้าสวาปามแล้ว ยังมีอีกสองเรื่องที่ต้องทำให้สำเร็จ หนึ่งคือนิ้วเทพดาวตกที่หลบหนี นี่มีส่วนช่วยอย่างมากในการก้าวไปอีกขั้นเพื่อเพิ่มกฎเกณฑ์ปรารถนารส ดังนั้นเขาจะไม่ยอมละทิ้ง
อีกอย่างเขาจะลงลึกไปใต้ดินอีกครั้ง ตรวจสอบเรื่องที่ไม่สำเร็จ และดูผู้ที่ร่ำร้องขอความช่วยเหลือ
ข้อแรกมีประโยชน์ต่อกฎเกณฑ์ของเขา ข้อหลังทำให้เขาเข้าใจโลกใบนี้ และช่วยให้เขาควบคุมความลับของมหาเทพได้มากขึ้น
ก่อนหน้านั้นเขาไม่ได้ขึ้นเป็นเจ้าสวาปาม ไม่อาจทำสิ่งใดได้สะดวก ตอนนี้สถานการณ์ต่างไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนิ้วเทพดาวตกหรือว่าการสำรวจใต้ดิน หวังเป่าเล่อล้วนมั่นใจในระดับหนึ่ง
“เช่นนั้น หานิ้วเทพดาวตกก่อน” ขณะที่หวังเป่าเล่อหลับตาลง ดวงจิตเทพของเขาก็เลือนหายไปช้าๆ
“เฉิงหลิงจื่อ เจ้ารอข้าอยู่ที่นี่” หลังจากสั่งการเรียบร้อย หวังเป่าเล่อก็ก้าวเท้าไปทางท้องฟ้า เมื่อฝีเท้าก้าวลงไปร่างของเขาก็หายวับในทันที แล้วปรากฏตัวอยู่ระหว่างฟ้าดินไกลแสนไกล ทะลวงผ่านไปอีกครั้งพุ่งตรงเข้าไปภายในเมฆหมอก
ไอหมอกสีชาดมีการกัดกร่อนในระดับหนึ่ง แต่หลังจากกฎเกณฑ์ปรารถนารสของหวังเป่าเล่อเลือนหาย พลังกัดกร่อนเหล่านี้ ไม่เพียงแต่ไม่มีผลกระทบต่อเขา ในทางตรงข้ามกลับมีประโยชน์ทดแทนบางอย่าง
นี่ทำให้หวังเป่าเล่อส่งเสียงประหลาดใจ คาดเดาใหม่ต่อที่มาของไอหมอกสีแดงไร้ขอบเขตนี้
เพียงแต่เขายังขาดข้อมูลที่ต้องการ ดังนั้นจึงยากที่จะคาดเดาถึงที่มาแท้จริงของหมอกสีแดงนี้ได้ ดังนั้นจึงหยุดความคิด บินไปในไอหมอกนี้ด้วยความเร็วสูง ฟังเสียงหวีดหวิวของลมที่ดังขึ้นตามทิศทางที่ตั้งไว้ในใจจ ใกล้ที่หมายเข้าไปทุกที
หลังจากหนึ่งก้านธูป ร่างหวังเป่าเล่อก็หยุดชะงัก เขาหรี่ตามองไอหมอกลึกลับด้านหน้า จากนั้นยกมือขึ้นสะบัดทันที ทันใดนั้นพลังรุนแรงหนึ่งกระจายออกมา กลายเป็นพายุกวาดไปรอบด้าน พัดไอหมอกที่อยู่ด้านหน้ากระจายไปกว่าครึ่ง ทำให้พื้นที่ด้านหน้าที่เดิมทีก็มองสิ่งใดไม่ชัดอยู่แล้ว กลายเป็นความพร่าเลือนในไอหมอกที่เลือนราง
ในความพร่าเลือนนี้ เขาเห็นนิ้วเทพดาวตกที่ตนเสาะหา ลอยอยู่ตรงนั้นไร้การเคลื่อนไหว มีเพียงหนวดสีดำเหล่านั้นบนร่างที่ส่ายไปมาช้าๆ
มองจากไกลๆ นิ้วขนาดประมาณพันจั้งนี้ ช่างมีพลังอัศจรรย์
“เจอแล้ว!” หวังเป่าเล่อเลียริมฝีปาก กฎเกณฑ์ปรารถนารสภายในร่างปะทุออกทันที ยิ่งกว่านั้นร่างกายก็ขยายออกมากระทั่งถึง 300 กว่าจั้ง แล้วเดินหน้าใกล้เข้าไปอีกก้าว
…………………………