หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1400 ท่วงทำนองดังขึ้นอีกครั้ง
- Home
- หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting
- บทที่ 1400 ท่วงทำนองดังขึ้นอีกครั้ง
เกือบจะในพริบตาที่ความรู้สึกอันตรายนี้ปะทุ คลื่นพลังเสียงขุมหนึ่งก็กวาดขึ้นมาจากหลังร่างของปีศาจแดง กลายเป็นท่วงทำนองโจมตีเร่งเร้า ราวกับว่านี่คือการดิ้นรนบ้าคลั่งท่ามกลางความเป็นตาย เป็นความคลุ้มคลั่งที่ขึ้นมาจากดินแดนมรณะ
นี่ก็คือท่อนเสริมส่วนหนึ่งของบทเพลงแห่งอิสระ และเป็นเพลงที่หวังเป่าเล่อแต่งขึ้นทั้งแปลง และตรงท่อนจังหวะสำคัญสุดท้าย กระแสการฆ่าฟันเด่นชัดขึ้นมา ต่อให้ตัวของปีศาจแดงเป็นถึงผู้ฝึกเต๋าจากสำนักเหิงฉิน แต่การโจมตีส่งๆ ของเขาท่าหนึ่งนี้ ก็ไม่อาจสยบท่วงทำนองอันปลุกเร้าของหวังเป่าเล่อได้
พริบตาถัดมา บทเพลงที่ปีศาจแดงปัดส่งๆ ออกมานั้นก็เหมือนกับตาข่ายที่ถูกฉีกกระชาก ท่วงทำนองอันฮึกเหิมได้กลายร่างมายาเป็นดังหอกยาว จากนั้นก็เข้าโจมตีใส่ปีศาจแดงราวสายฟ้าฟาด
ทุกสิ่งพูดมาแล้วฟังดูเนิ่นนาน แต่ความจริงเกิดขึ้นในช่วงเวลาครู่เดียวเท่านั้น ก่อนหน้านี้ปีศาจแดงที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยม ยามนี้กลับต้องเป็นฝ่ายหรี่ตา และในพริบตาที่หอกยาวนี้แทงทะลุร่าง ร่างของเขาก็พลันพร่าเลือน จากนั้นกลายเป็นบทเพลงอันยิ่งใหญ่ กระจายไปทั่วแปดทิศ
บทเพลงนี้ นับว่ามิใช่แค่เพลงแล้ว แต่เป็นบทประพันธ์แห่งท่วงทำนองซึ่งรวมหลากเพลงไว้ด้วยกัน
และเมื่อบทประพันธ์นี้ดังขึ้น โลกแห่งการประลองทั้งผืนก็ได้กลายเป็นสีโลหิต นี่คือพลังหนึ่งของท่วงทำนองแห่งปีศาจแดง สิ่งนี้เรียกว่า…บูชายัญโลหิต
แสงสีแดงชาดท่วมฟ้า แสงแห่งโลหิตไร้ที่สิ้นสุด ก่อเกิดเป็นหมอกโลหิตก้อนหนึ่ง ขวางเส้นทางทุกสิ่งเอาไว้ ครอบคลุมทุกอย่าง ทำให้ชิ้นส่วนเล็กๆ ที่พวกเขาต่อสู้กันอยู่ตรงนี้ กลายเป็นที่จับจ้องของบรรดาศิษย์ทั้งสามสำนักมากกว่าเก่า และท่ามกลางการจับจ้องของพวกเขานั้น บทเพลงของหวังเป่าเล่อก็กลายเป็นหอกยาว พุ่งเข้าปะทะกับหมอกโลหิตนั้นพอดี
ในชั่วพริบตา หอกยาวพลันแตกสลายแล้วกลายเป็นตัวโน้ตนับไม่ถ้วนพลิกม้วน ปีศาจแดงปรากฏร่างออกจากหมอกโลหิตมา เขามองหวังเป่าเล่อเย็นชา ก่อนจะเอ่ยปากอย่างชั่วร้าย
“หาที่ตาย!”
ระหว่างที่กล่าวนั้น หมอกโลหิตจากบริเวณโดยรอบก็ระเบิดออกอีกครั้ง และตรงส่วนใจกลางของท่วงทำนองเพลงนั้นก็กลายเป็นดังวังวนขนาดยักษ์ กระทั่งทำให้ภายในโลกแห่งการประลองนี้บังเกิดการบิดเบี้ยวขึ้น และดูเหมือนอีกเพียงนิดหนึ่งนั้นจะถึงขีดจำกัดที่รับไหวแล้ว
และหลังจากในพริบตาที่วังวนนี้พลันบังเกิดเสียงนั้นเอง กระแสโลหิตจำนวนนับไม่ถ้วนแตกซ่านจนกลายเป็นมือมือหนึ่งยื่นมาคว้าจับหวังเป่าเล่อเอาไว้ ฉากนี้ทำให้ผู้คนตื่นตะลึงอย่างมาก แต่หากมองดูให้ละเอียดแล้ว สามารถมองเห็นฝ่ามือสีเลือดขนาดใหญ่อย่างยิ่ง หรือบางทีนี่ก็คือหมอกโลหิต หรือบางทีในวังวนนี้ แท้จริงแล้วเป็นพลังแห้งโน้ตเพลงจำนวนมหาศาลที่ก่อร่างขึ้น
โน้ตเพลงพวกนี้ ต่างแฝงไปด้วยพลังแห่งกฎ เป็นเหตุให้เปลี่ยนรูปได้หลายแบบและมีพลังมากขนาดนี้ ยิ่งในยามนี้ถูกปีศาจแดงใช้พลังออกมาถึงที่สุด สิ่งที่แสดงออกมาจึงเป็นพลังเฉพาะอันเด็ดขาดของนักพรตเต๋าผู้นี้
พลังสะกดทับอันรุนแรง โหมเข้ามาจากทั้งสี่ด้าน เมื่อมองไปยังหวังเป่าเล่อจะเห็นว่าใกล้จะถูกสีแดงนี้กลืนเข้าไปแล้ว และเกือบจะถูกฝ่ามือยักษ์สีแดงฉีกกระชาก หรือจะพูดว่าถูกบทประพันธ์นี้สยบเข้าให้แล้ว…เหล่าผู้ฝึกตนจากสามสำนักที่มองดูการต่อสู้ภายในชิ้นส่วนเล็กอยู่นั้น ต่างมองกันตาไม่กะพริบ ด้านหนึ่งนั้นเป็นเพราะการโจมตีกลับของหวังเป่าเล่อก่อนหน้านี้ค่อนข้างเหนือความคาดหมายของพวกเขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง…สามารถทำให้ปีศาจแดงลงมือได้ และทำลายบทเพลงของเขา ผู้ที่สามารถใช้ท่าโจมตีพิฆาตได้แบบนี้ในสามสำนักนั้นมีไม่มาก และทุกคนที่ทำได้ถึงจุดนี้ ย่อมถูกขนานนามว่าเป็นบุคคลเหนือธรรมดาแล้ว
อีกทั้งหวังเป่าเล่อยังเป็นแค่คนไร้ชื่อเสียงเรียงนาม ทำให้ผู้คนทั้งมวลอดรู้สึกว่ายิ่งไม่ธรรมดาเข้าไปใหญ่ อีกส่วนด้านหนึ่งนั้น ก็คือเหล่าคนที่อยากอาศัยตรงนี้ดูว่านักพรตปีศาจแดงนั้น…ที่แท้แข็งแกร่งขนาดไหน
ท่ามกลางการต่อสู้หลายต่อหลายครั้งของอีกฝ่าย ทั้งหมดไม่ได้ดำเนินมาถึงระดับปัจจุบันเลย ปกติแล้วคู่ต่อสู้เมื่อเห็นปีศาจแดง หากไม่ขอยอมแพ้ในทันที ก็จะถูกการโบกมือก่อนหน้านี้ของปีศาจแดงกลืนกินไปในพริบตา
ดังนั้น ยามนี้จำนวนของผู้เฝ้าชมจึงมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ว่าก็ยังมีอยู่ไม่กี่คนเท่านั้นที่คิดว่าหวังเป่าเล่อจะเอาชนะการลงมือของปีศาจแดงในครั้งนี้ได้ โดยเฉพาะความสามารถของทั้งสองฝ่ายนั้นช่างแตกต่างกันในความรู้สึกของผู้ชม
“ทว่าสหายเต๋าท่านนี้ หากรอดชีวิตจากการต่อสู้ครั้งนี้ได้ ก็นับว่าได้สร้างชื่อแล้ว”
“น่าเสียดายแปลกหน้าไปสักหน่อย ไม่รู้เลยว่าหมอนี่ชื่ออะไร”
“ไม่มีปัญหา พวกเราผู้ฝึกตนสามสำนักล้วนแต่ปลีกวิเวกเสียส่วนใหญ่ หากต้องการให้ทุกคนรู้จักล่ะก็ ต้องพยายามแหวกว่ายไปสู่จุดสูงสุด”
ในเวลาเดียวกันกับที่ศิษย์ทั้งสามสำนักกำลังถกเถียงกัน ผู้ฝึกตนที่พ่ายแพ้ให้แก่หวังเป่าเล่อทางนั้น ในยามนี้ได้แต่ปิดปากสูดลมหายใจ จับจ้องชิ้นส่วนเล็กนั้นอย่างเอาเป็นเอาตาย มองตามสายตาของพวกเขาจะเห็นได้ว่าการต่อสู้ในชิ้นส่วนเล็กยามนี้ดุเดือดเป็นที่สุด
โลหิตกระจายเต็มที่ มองเห็นหวังเป่าเล่อที่เกือบจะถูกมือเหล่านั้นคว้าเอาไว้ ในช่วงเวลาคับขัน หวังเป่าเล่อพลันดวงตาทอประกายแรงกล้า เขารู้สึกตนเองควรจะแข็งแกร่งมาก แต่ว่าแข็งแกร่งประมาณเท่าใดกันแน่นั้นเป็นปัญหา เพราะว่าเขาได้สัมผัสกับกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงได้ไม่นาน นอกเสียจากตอนแรกที่ได้ต่อสู้สั้นๆ กับสือหลิงจื่อแล้วก็ไม่ได้ประมือกับนักพรตเต๋าท่านอื่นๆ อีก ดังนั้นแล้วเขาก็ไม่รู้ตำแหน่งที่แน่ชัดของตัวเองเท่าไร ส่วนการต่อสู้ครั้งนี้ นักพรตเต๋าเบื้องหน้ามอบความรู้สึกว่าน่าจะยากแบ่งสูงต่ำกับสือหลิงจื่อได้ อีกทั้งยังมีลูกไม้เบื้องหลังมากมายอีก ดังนั้นหวังเป่าเล่อจึงอยากจะรู้จริงๆ ว่า ตนเองในยามนี้ สุดท้ายแล้วอยู่ระดับใด
นอกจากนั้นยังมีอีกเหตุผลหนึ่ง นั่นก็คือ อีกฝ่ายทำลายบทเพลงแห่งอิสระของตนไปแล้ว นี่ทำให้หวังเป่าเล่อโมโหอยู่บ้าง ดังนั้นหลังจากดวงตาทอประกายแปลบปลาบ ในพริบตาที่จะถูกฝ่ามือยักษ์สีเลือดและวังวนพวกนั้นกลบทับไปนั่นเอง หวังเป่าเล่อขยับตรงพื้นเล็กน้อย พลังภายในร่างของตนพลันมีตัวโน้ตเพิ่มซ้อนทับขึ้นมา…นับแสนตัว
“งั้นลองสักครึ่งหนึ่งแล้วกัน” หวังเป่าเล่อหรี่ตา จากนั้นเขาก็ควบคุมให้กระแทกเข้าไปนิดหน่อย ในพริบตานั้นหลังจากที่ตัวโน้ตสั่นสะเทือน เสียงอันพิเศษแต่ละเสียงก็พลันดังขึ้นรอบตัวหวังเป่าเล่อกลายเป็นเหมือนวงแหวนวนรอบกายเขา
พรวด!
แค่เสียงเดียวเท่านั้น แต่ฝ่ามือขนาดยักษ์สีเลือดที่พุ่งเข้ามาหาหวังเป่าเล่อในพริบตากลับสั่นสะท้าน หลังจากนั้นก็ค่อยๆ แหลกสลายลงอย่างรุนแรง กลายเป็นหยาดโลหิตนับไม่ถ้วน แล้วสลายอีกครั้งกลายเป็นตัวโน้ต คล้ายกับว่ามันยังไม่หยุด มันแหลกสลายอีกครั้ง…
ไม่เพียงแค่นี้ วังวนแห่งหมอกสีโลหิตที่หวังจะครอบคลุมหวังเป่าเล่อเองก็เป็นเช่นเดียวกัน ยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็ถูกอานุภาพแห่งเสียงเพลงนี้ทำลายทิ้งในพริบตาที่ปะทะกัน แตกสลายเป็นชิ้นส่วนเล็กน้อยก่อนจะแหลกสลายไป
รอบด้านกลับเป็นปกติ มีหวังเป่าเล่อยืนอยู่ตรงกลาง ส่วนขุมพลังอันบ้าคลั่งเหล่านี้ก็พัดผ่านทั้งสี่ทิศ จากนั้นก็กลับไปยังนักพรตเต๋าปีศาจแดงจนมิด ด้านนักพรตเต๋าปีศาจแดง ยามนี้หน้าเปลี่ยนสียกใหญ่ เขาเผยใบหน้าประหลาดใจ จากนั้นก็ยกขลุ่ยกระดูกในมือขึ้นคล้ายกำลังเป่า
ทว่า…แม้ขลุ่ยเลานี้จะพิเศษอย่างยิ่ง และบทเพลงที่ลอยออกมาก็พิเศษมากเช่นกัน แต่แล้วในพริบตาถัดมา มันก็ถูกพลังแห่งตัวโน้ตของหวังเป่าเล่อครอบคลุมเอาไว้จนหมดสิ้น
ในพริบตานั้นทั้งพื้นที่ชิ้นส่วนเล็ก ก็คล้ายถึงขีดจำกัดที่จะรับได้แล้ว มันเกิดเสียงดังครั้งหนึ่ง…ยังไม่ทันที่คนข้างนอกจะได้เห็นจนจบ เวทีประลองนี้กลับพังลงมาในพริบตา
หลังจากที่มันพังทลาย ผู้ฝึกตนจากสามสำนักล้วนตาเบิกค้าง
“นี่…”
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!!!”
“เกิดอะไรขึ้น!!!”
ผู้ฝึกตนทั้งสามสำนักเหมือนสมองแทนระเบิด พวกเขาทันมองเห็นว่าในชิ้นส่วนเล็กนี้ ปีศาจแดงที่กำลังจะถูกกลบฝังกระอักเลือดออกมา จากนั้นสีหน้าจึงเผยแววไม่อยากจะเชื่อ
พวกเขาไม่ทันมองเห็นว่าขลุ่ยกระดูกเลานั้นในมือของปีศาจแดง บัดนี้หักเป็นสี่ห้าท่อน!
ยิ่งไปกว่านั้น ในพริบตา ภายในภูเขาไฟของเต๋าแห่งจังหวะดนตรี ร่างที่พังสลายทั้งร่าง ลมปราณอ่อนแอร่างนั้นพลันเบิกตาขึ้นทันที จากนั้นก็มองไปยังชิ้นส่วนที่แหลกสลายชิ้นนี้ซึ่งอยู่ท่ามกลางชิ้นส่วนมากมายเบื้องหน้าตน!