หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1414 ระเบิดตน (องก์ 5)
ดูเหมือนท่านจะรู้จักข้าดีนัก… หวังเป่าเล่อที่ถูกบีบคั้นอยู่ในสระโลหิต มองเจ้าปรารถนาทัศน์ด้วยสีหน้ามืดมน
ข้ารู้จักเจ้าดีกว่าที่เจ้าคิดไว้เสียอีก เจ้าปรารถนาทัศน์นั่งขัดสมาธิอยู่ภายในสระโลหิต ขณะที่สองมือผนึกมุทรา ก็กระจายเคล็ดเวทผนึกออก แล้วหลอมรวมในสระโลหิต ทำให้น้ำในสระนี้ค่อยๆ เดือดพล่าน
กล่าวให้กระจ่างก็คือ ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจ้าเหยียบเข้าสู่โลกแห่งนี้ ข้าก็ตรวจพบกลิ่นอายของเจ้าทันที… เจ้าปรารถนาทัศน์มองหวังเป่าเล่อด้วยความละโมบ เวลานี้อารมณ์เขาดีมาก เพราะการจัดการในคราวนี้ เขารู้สึกได้ว่าไม่มีทางผิดพลาดเด็ดขาด จึงไม่รังเกียจที่จะสนทนากับหวังเป่าเล่อสักเล็กน้อย
เจ้าไม่รู้หรอกว่า ข้าต้องทุ่มเทเพียงใด เพื่อที่จะให้เจ้ามาถึงที่นี่ ข้ายอมร่วมมือกับเจ้าแห่งสุข เปิดทางช่วยเหลือ ทั้งหมดนี้…ล้วนเป็นเพราะเจ้า
หวังเป่าเล่อดูไปแล้วสีหน้าเป็นปกติ แต่กลับเกิดคลื่นโหมกระหน่ำในใจเพราะคำกล่าวนี้ เขามองเจ้าปรารถนาทัศน์ตรงหน้าอย่างถี่ถ้วน แล้วกล่าวออกมา
เป็นเพราะร่างกายนี้ของท่านหรือ
เจ้าปรารถนาทัศน์หรี่ตา เหลือบมองหวังเป่างเล่ออย่างมีความหมาย
สังเกตเห็นได้เร็วเช่นนี้เลยเชียวหรือ ดูไปแล้วที่แท้ก็เป็นผู้ที่คู่ควรกัน
ท่านและร่างกายของท่าน ดูเหมือน…จะไม่ค่อยประสานกันนัก ก่อนหน้านี้หวังเป่าเล่อยังไม่ได้สังเกตเห็นในจุดนี้ ทว่าเมื่อพินิจเจ้าปรารถนาทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด สุดท้ายก็พอจะสังเกตได้ วิญญาณเทพของอีกฝ่ายดูเหมือนว่ายังไม่ได้หลอมรวมเข้ากับกายเนื้ออย่างสมบูรณ์
ก็เหมือนผู้ที่ใส่เสื้อผ้าที่ใหญ่กว่าหนึ่งขนาด
น่าสนุกแล้วสิ เจ้าปรารถนาทัศน์หัวเราะขึ้นมา
ในเมื่อเจ้ามองออกแล้ว เช่นนั้นก็ให้เจ้าเข้าใจให้ถ่องแท้ไปเลยแล้วกัน ไม่ใช่ข้าที่มีกฎเกณฑ์ปรารถนาทัศน์ แต่เป็นร่างนี้ต่างหาก
ดังนั้นท่านจึงต้องการเลือดเนื้อมารักษาสภาพไว้หรอกหรือ หวังเป่าเล่อรีบกล่าว
ไม่ผิด ร่างนี้กับวิญญาณเทพของข้าไม่ประสาน ไม่อาจเป็นหนึ่งเดียวกันได้ จึงก่อวัฏจักรขึ้นไม่ได้ เกิดพฤติกรรมขึ้นไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงเสื่อมถอยได้ ต้องหลอมรวมพลังชีวิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาสภาพไว้
และเจ้า ตามที่ข้าได้สัมผัส แม้ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แต่กลับคู่ควรยิ่งนัก กลืนกินเจ้าแล้ว ข้ารู้สึกว่ามีความเป็นไปได้ที่จะแก้ไขปัญหาพลังชีวิตที่ร่างนี้ต้องการในคราวเดียว
เช่นนั้นที่มาของร่างนี้เป็นเช่นไร หวังเป่าเล่อกล่าวอีกครั้ง
อยากรู้หรือ เจ้าปรารถนาทัศน์แสยะยิ้ม ดวงตาเป็นประกายลึกล้ำ
น่าเสียดาย ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าจงใจให้ข้าจับได้ มีปัญหามากมาย แต่ข้าก็ต้องการถ่วงเวลาไว้เช่นกัน ตอนนี้…เวลาเพียงพอแล้ว เจ้าปรารถนาทัศน์กล่าวจบ ก็หัวเราะขึ้นมา สระโลหิตที่เขาอยู่เดือดพล่านและพลิกม้วนขึ้นในทันที พลังเลือดปะทุแผ่ออกไปทั่ว ในเวลาเดียวกันพลังดูดที่น่าอัศจรรย์ก็แผ่กระจายออกมาจากร่างนั้น
พลังดูดนี้กักหวังเป่าเล่อไว้อย่างสมบูรณ์แบบ ทำให้ขณะที่หวังเป่าเล่อสั่นสะท้าน ถึงขั้นปราณโลหิตกระจายออกมาตามรูขุมขน รวมทั้งทวารทั้งเจ็ดทั่วร่างกาย ร่างกายเขาราวกับถูกเจ้าปรารถนาทัศน์ดูดรับไว้ทั้งหมด
ในช่วงเวลาวิกฤต หวังเป่าเล่อก็กล่าวออกมา
มีผู้บอกข้า คิดจะจับปลาตัวใหญ่ ต้องมีเหยื่อโอชะที่เพียงพอ
แต่ไม่รู้ว่า ปลาใหญ่ตัวนั้นจะเป็นท่านหรือเป็นข้า
เจ็ดอารมณ์ทุกท่าน พวกท่านสามารถหาข้าพบได้ เช่นนั้นคิดสิว่าหากข้าถูกกัด ผู้อื่นก็สามารถตามหาพวกท่านพบโดยผ่านทางข้า นี่เป็นเพียงร่างอวตารร่างหนึ่งของข้า ข้าแพ้ได้ แต่พวกท่าน…แน่ใจหรือว่าแพ้ได้
ดังนั้น ตอนนี้ยังจะไม่ออกมาอีกหรือ!
ทันทีที่คำพูดของหวังเป่าเล่อส่งออกไป นัยน์ตาของเจ้าปรารถนาทัศน์ก็หรี่ลง ขณะที่โบกมือวังใต้ดินก็เปิดข้อห้ามออกทั้งหมด แต่ก็ยังไม่อาจหยุดรั้งแสงสีขาวสายหนึ่งเอาไว้ มันร่วงหล่นจากฟากฟ้า ทะลุผ่านแผ่นดินและข้อห้ามทั้งหมด หล่นลงบนร่างหวังเป่าเล่อ ฉับพลันก็สลายออก โดยมีกฎแห่งเจ็ดอารมณ์ภายในร่างหวังเป่าเล่อเป็นพิกัด พลังงานมหาศาลทั้งสามจุติลงมาโดยตรง
พลังงานทั้งสามนี้ ก็คือเจ้าทั้งสามจากเจ็ดอารมณ์ สุข โศก แค้น
และในขณะนี้ ที่นอกเมืองปรารถนาทัศน์ พลังของเจ้าแห่งโกรธก็ก่อเกิดเช่นเดียวกัน แต่เขากลับไม่ได้รีบเหยียบเข้าวังใต้ดินในทันที ขณะที่โบกมือ ความผันผวนของกฎเกณฑ์แห่งโกรธก็ก่อเป็นผนึกกดทับ ห่อหุ้มเมืองปรารถนาทัศน์ไปทั้งเมือง
เหตุการณ์นี้รวดเร็วเกินไป แม้แต่ด้านเจ้าปรารถนาทัศน์ ก็มีท่าทีเปลี่ยนไปตื่นตระหนก ร่างล่าถอยจากสระโลหิตทันที แต่หวังเป่าเล่อกลับเบิกตาขึ้น วิชาครองร่างย้อนคืนก็กลับตาลปัตรและกระจายออกอีกครั้ง
ทันใดนั้น ภายในร่างของเขาก็ส่งพลังดูดที่น่าตระหนกยิ่งกว่าพลังดูดของเจ้าปรารถนาทัศน์ออกมา พลังนี้ปะทะกันในทันที ทำให้ทั้งสองฝ่ายคล้ายกับถูกพันธนาการเอาไว้ ไม่อาจล่าถอยจากกันได้
หากเปลี่ยนเป็นเวลาอื่น พลังดูดของร่างเจ้าปรารถนาทัศน์สามารถบีบคั้นหวังเป่าเล่อได้โดยกำลัง แต่ตอนนี้…ด้วยการมาของเจ้าแห่งสุขและคนอื่นๆ พลังงานของพวกเขาก็กลายเป็นพันธนาการสายแล้วสายเล่า ตรึงเจ้าปรารถนาทัศน์และกำราบเขาไว้ได้ในทันที
เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็เท่ากับสามเจ้าจากเจ็ดอารมณ์ร่วมมือกับหวังเป่าเล่อ ทำให้เขามีคุณสมบัติที่จะกลืนกินเจ้าปรารถนาทัศน์ได้แล้ว
เจ้าปรารถนาทัศน์เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ก็คำรามออกมาอย่างไม่อาจเชื่อได้
เป็นไปไม่ได้ ข้าได้ผนึกกั้นไว้แล้วทั้งหมด ผู้ใดก็ไม่อาจกักกั้นมิให้คนผู้นี้จุติที่นี่ได้ พวกเจ้า…พวกเจ้า…
หากเปลี่ยนผู้อื่นเป็นพิกัด ย่อมไม่อาจเป็นไปได้อย่างแน่นอน แต่เขา…ต่างออกไป เจ้าแห่งสุขเอ่ยออกมาเบาๆ มองไปอย่างลึกซึ้ง เวลานี้ท่าทีของนางเป็นปกติ และยังคงถ่ายเทวิชาครองร่างกลับคืนไม่หยุดในสระโลหิต หวังเป่าเล่อทำให้สระโลหิตเดือดพล่านเช่นนั้นต่อไป เขามองไปทางเจ้าปรารถนาทัศน์ที่ใบหน้าฉายแววสับสนและแฝงไปด้วยความแค้น จากนั้นจึงโค้งตัวเล็กน้อยคำนับ
เจ้าปรารถนาทัศน์ ล่วงเกินท่านแล้ว แต่ทั้งหมดนี้ก็เพื่อการหลุดพ้นของพวกข้า… เจ้าแห่งสุขเอ่ยขึ้นเบาๆ ขณะที่โบกมือกฎเกณฑ์แห่งสุขก็ปะทุ ร่วมกับเจ้าแห่งโกรธและเจ้าแห่งแค้นที่อยู่อีกด้าน อารมณ์ทั้งสามตรงเข้าครอบคลุมเจ้าปรารถนาทัศน์ สีหน้าท่าทางของเขาเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ความคิดวุ่นวายและจิตใจปั่นป่วน
ทางด้านหวังเป่าเล่อใจจดใจจ่อ ภายใต้สถานการณ์ผลัดกันรุกและรับนี้ พลังดูดกลืนของเขากลับเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้น ในฐานะเป็นสื่อกลางในสระโหลิต เลือดเนื้อของร่างเจ้าปรารถนาทัศน์ กลายเป็นขั้นปราณโลหิตตรงไปครอบคลุมหวังเป่าเล่อตามทวารทั้งเจ็ดและรูขุมขนทั่วร่าง จากนั้นจึงหลอมรวมกันไม่หยุด
ความอิสระจากทุกสิ่งอย่างไม่เคยมีมาก่อน เวลานี้หวังเป่าเล่อจิตใจเบิกบาน เขารับรู้ได้ถึงร่างของตน วิญญาณเทพของตน ทั้งหมดของตน ล้วนเติบโตอย่างรวดเร็ว กล่าวให้กระจ่างก็คือ…เขารู้สึกว่าตนกำลังเปลี่ยนแปลง…คล้ายกับร่างจริงมากขึ้นเรื่อยๆ
ก่อนหน้านั้น แก่นแท้ของเขายังคงเป็นร่างแยก แม้จะมีสติสัมปชัญญะเป็นเอกเทศ แต่ร่างกายมาจากร่างแท้ และตอนนี้…ด้วยการหลอมรวมของขั้นปราณโลหิต หวังเป่าเล่อก็รู้สึกได้ถึงพลังชีวิตทั้งหมดกำลังเป็นของตนเองอย่างชัดเจน
สามส่วน สี่ส่วน…
กายเนื้อของเจ้าปรารถนาทัศน์เริ่มเหี่ยวเฉา อีกฝ่ายอยากจะขัดขืนและกรีดร้อง แต่กลับเป็นเรื่องที่ไร้ประโยชน์ ร่างกายของเขากลายเป็นหนังหุ้มกระดูกไปแล้ว ขั้นปราณโลหิตหกส่วนล้วนถูกหวังเป่าเล่อดูดกลืนไป แม้แต่กฎเกณฑ์ปรารถนาทัศน์ก็หลั่งไหลเข้าสู่ตัวหวังเป่าเล่อเป็นจำนวนมหาศาล ดูเหมือนทั้งหมดไม่อาจย้อนกลับได้
ในเวลานี้ นัยน์ตาของเจ้าปรารถนาทัศน์เผยความบ้าคลั่ง ส่งเสียงคำรามก้อง ทันใดนั้นข้อห้ามทั้งหมดรอบๆ วังใต้ดินแห่งนี้ก็ฉายแสงเจิดจ้า ในพริบตาต่อมาข้อห้ามทั้งหมดพลันระเบิดออก ทั่วทั้งวังใต้ดินสั่นสะเทือนและทรุดพังลงทันที
การล่มสลายนี้ยิ่งใหญ่เกินไป ทำให้ทั้งเมืองปรารถนาทัศน์คล้ายเกิดแผ่นดินไหว และจุดศูนย์กลางที่ระเบิดตัวเอง ในวังใต้ดินแห่งนั้น ก็ยิ่งทำให้ลมพายุกระจายตัวออกไปด้วย เป็นผลให้การบีบคั้นของเจ็ดอารมณ์และการดูดซับของหวังเป่าเล่อต้องหยุดก็ชะงักไปครู่หนึ่ง
โอกาสนี้ได้มาถึงขีดสุดแล้ว เจ้าปรารถนาทัศน์หมดสิ้นหนทาง ดวงตาบ้าคลั่งขึ้นกว่าเดิม ในพริบตา ร่างกายของเขาก็เลือกที่จะ…ระเบิดตนเองเช่นกัน
เสียงก้องสะเทือนฟ้าดินเกิดขึ้นอีกครั้ง เจ้าปรารถนาทัศน์ถูกหวังเป่าเล่อกลืนกินร่างหนังหุ้มกระดูกไปแล้วหกส่วน ขณะที่กำลังระเบิดตนเองได้แบ่งออกเป็นสี่ส่วน กระโจนออกจากสระโลหิต แล้วหลบหนีไปทันที