หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1421 โง่
ขณะที่หวังเป่าเล่อกับเจ้าแห่งสุขกำลังสนทนากันอยู่ในวังใต้ดิน…
กลางทะเลทรายห่างไกลจากเมืองปรารถนาทัศน์ ร่างหนึ่งกำลังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ร่างนี้ชัดเจนมากไม่พร่าเลือนแม้แต่น้อย จึงเห็นทุกอย่างได้แจ่มกระจ่าง
หากหวังเป่าเล่ออยู่ที่นี่เขาจะต้องจำได้ในแวบแรกอย่างแน่นอน ร่างนี้…ก็คือร่างแยกสุดท้ายของเจ้าปรารถนาทัศน์
ร่างแยกนี้ก็ไม่รู้ว่าทำไมตนถึงหนีออกมาจากการปิดผนึกเมืองปรารถนาทัศน์ได้ มันแค่ลองทำตามความคิดในหัวดู ผลปรากฏว่าผนึกที่ปกคลุมไปทั่วเมืองปรารถนาทัศน์นั้นไร้ผลกับตนอย่างสิ้นเชิง
ดังนั้นมันจึงไม่รีรออีกต่อไป เลือกที่จะหนีไปทันที ส่วนเรื่องเวลา…แท้จริงแล้วเป็นแค่วันที่สองหลังจากเจ้าปรารถนาทัศน์ระเบิดตนเท่านั้น
มันจึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นในเมืองปรารถนาทัศน์หลังจากนั้นเลยแม้แต่น้อย
ในหัวมีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น นั่นก็คือแก้แค้น!
ร่างแยกคิดจะอาศัยสถานะศิษย์มหาเทพของตนกลับไปยังอาณาจักรด้านบน ตามหาอาจารย์และให้อาจารย์เป็นผู้นำปราบกบฏเพื่อเขา
ร่างแยกยังคิดจะส่งข่าวด้วยเช่นกัน แต่ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใดข่าวของมันกลับคล้ายจะถูกรบกวน ตลอดทางนี้ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถส่งได้
แต่ไม่เป็นไร ใจของร่างแยกมุ่นมั่นอย่างยิ่ง ในเมื่อส่งข่าวไม่ได้ มันก็จะไปด้วยตัวเอง สำหรับคนนอกการจะไปอาณาจักรด้านบนนั้นยากมาก แต่ร่างแยกคิดว่าด้วยสถานะของตนคงไม่น่ายาก
ต้องบอกก่อนว่า…ร่างแยกทั้งสี่ของเจ้าปรารถนาทัศน์ได้นิสัยต่างกัน และร่างนี้…ก็ดูเหมือนจะได้นิสัยที่ถูกยั่วยุอย่างโง่เขลามา
เพราะว่า…ตามแผนเดิมมันควรจะเหาะไปสุดขอบฟ้าแล้ว แต่หลังจากเหาะไปสักพักก็สัมผัสไม่ถึงการมีอยู่ของอาณาจักรด้านบน ร่างแยกที่กำลังเดินเตร่ไปมาอย่างสับสนอยู่หนึ่งวัน จู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงพลังปราณหนึ่งที่ทำให้มันตื่นเต้น
พลังปราณนี้ มันคิดว่าไม่มีทางที่ตนจะระบุพลาด นั่นคือ…พลังปราณของอาจารย์มหาเทพ
“อาจารย์ตื่นแล้ว?” ร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์ทั้งตกใจและตื่นเต้น ยิ่งกว่านั้นคือดีใจมากจึงเปลี่ยนทิศทางมุ่งไปยังจุดที่พลังปราณนั้นอยู่โดยไม่ทันรู้ตัว
ด้วยเหตุนี้หลังจากมุ่งหน้าอย่างบ้าคลั่งอยู่นาน ในที่สุดวันนี้…มันก็มาถึงทะเลทราย
มันไม่คุ้นเคยกับทะเลทรายผืนนี้มากนัก แต่สำหรับหวังเป่าเล่อ ที่นี่…คือที่ที่เขาคุ้นเคยอย่างยิ่ง เพราะลึกลงไปใต้ทะเลทรายผืนนี้ก็คือจุดที่ร่างต้นแบบอยู่
“เป็นที่นี่ อาจารย์อยู่ที่นี่” หลังจากร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์มาถึง มันก็ยิ่งตื่นเต้นกว่าเดิม ดวงตาเผยแววยินดีอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“เจ้าเจ็ดอารมณ์สมควรตาย เจ้าคนนอกสมควรตาย พวกเจ้าตายแน่ เมื่ออาจารย์ออกมา พวกเจ้าต้องตายแน่!” คิดได้ดังนี้ร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์ก็หัวเราะเสียงดัง เพิ่มความเร็วจนกระทั่งก้าวเข้าสู่ทะเลทรายและมุดลงข้างใต้ตามพลังปราณที่ตนสัมผัสได้ และพุ่งตรงมายัง…สถานที่ที่หวังเป่าเล่อร่างต้นแบบอยู่ด้วยความตื่นเต้น
ไม่นานมันก็พุ่งผ่านปราการแต่ละชั้นลงไปถึงส่วนลึก และเข้าไปในสถานที่ถือสันโดษของหวังเป่าเล่อ
“อาจารย์ ศิษย์มาพบท่านขอรับ!”
“อาจารย์…”
“อา…” ร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์ที่กำลังตื่นเต้นชะงักคำพูดที่จะเอ่ยต่อไปในทันที ก่อนจะจ้องมองร่างที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าอย่างว่างเปล่า ร่างพลันค่อยๆ สั่นเทิ้ม ดวงตาฉายแววไม่อยากจะเชื่อ
ตรงหน้าเขา หวังเป่าเล่อลืมตาขึ้นมองร่างเล็กกระจ้อยร้อยตรงหน้าด้วยความแปลกใจ
บริเวณรอบด้านเงียบลงไปถนัดตาชั่วครู่ มีเพียงเขาสองคนจ้องสบตากัน ทว่าพริบตาถัดมาร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์ก็ส่งเสียงกรีดร้อง ถอยหนีไปอย่างรวดเร็วและคิดจะหนีไปจากที่นี่
ชัดเจนว่ามันมาหาอาจารย์ แต่คิดไม่ถึงว่าจะเจอ…ร่างที่ช่วงชิงร่างต้นแบบของมันไป…
แต่เห็นได้ชัดว่าไม่มีทางที่มันจะหนีพ้น ในพริบตา…ร่างที่ถอยร่นไปอย่างรวดเร็วก็ถูกกำลังมหาศาลตรึงไว้แล้วลากกลับไปทันที หลังจากถูกหวังเป่าเล่อร่างต้นแบบจับก็สลายตัวเป็นปราณโลหิตไหลเข้าสู่ร่างกายร่างต้นแบบ
หวังเป่าเล่อร่างต้นแบบตกตะลึง หลังจากผ่านไปนานเมื่อเขาดูดซับและย่อยทุกอย่างของร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์จนหมด หวังเป่าเล่อร่างต้นแบบก็ลืมตาขึ้นช้าๆ ลึกเข้าไปในดวงตามีแววซับซ้อนและสับสน
“ที่แท้…ก็เป็นเช่นนี้หรือ…”
เวลาเดียวกันภายในเมืองปรารถนาทัศน์ หวังเป่าเล่อที่กำลังคุยกับเจ้าแห่งสุขก็ชะงักไปทันที สุราข้าวที่กำลังจะดื่มค้างอยู่กลางอากาศ ก่อนจะหันไปมองโลกอันไกลโพ้นแล้วหรี่ตาลง
เขาสัมผัสได้ว่าทางร่างต้นแบบดูเหมือนจะมีบางอย่างเปลี่ยนไป ขณะเดียวกันกฎเกณฑ์ปรารถนาทัศน์ของเขาก็ปั่นป่วนเล็กน้อย แต่หลังจากร่างกายสมบูรณ์แล้ว กฎเกณฑ์ปรารถนาทัศน์ก็เหมือนกับวงแหวนปิด ไม่ได้รับอิทธิพลจากภายนอก“แปลกจริงๆ…” ดวงตาหวังเป่าเล่อฉายแววงุนงง ในหัวเกิดความคิดตลกๆ อย่างอดไม่ได้
“หรือว่าร่างแยกเจ้าปรารถนาทัศน์ร่างนั้นจะเจอเข้ากับร่างต้นแบบของข้า” สีหน้าหวังเป่าเล่อแปลกไปเล็กน้อย เจ้าแห่งสุขที่อยู่ข้างๆ เห็นเข้า ลึกเข้าไปในดวงตามีแสงจางๆ ส่องประกาย ก่อนจะเอ่ยเบาๆ
“เป็นอะไรหรือ”
“เปล่า ปรารถนาอารมณ์ที่เจ้าพูดถึงจำเป็นต้องมีกฎเจ็ดอารมณ์ ตอนนี้ข้ายังขาดอีกสามอารมณ์” หวังเป่าเล่อมองเจ้าแห่งสุข
“ข้ามี” เจ้าแห่งสุขจ้องหวังเป่าเล่อแล้วเอ่ยเสียงเรียบ
เจ็ดอารมณ์ สุข โกรธ ระทม ครุ่นคิด โศก หวาดกลัว ตกใจ
หวังเป่าเล่อได้ไปแล้วสี่อารมณ์คือสุข โศก โกรธ ระทม ซึ่งในความเป็นจริงเจ้าแห่งระทมก็คือเจ้าแห่งแค้น
ดังนั้นอีกสามอารมณ์ที่ยังขาดอยู่คือกฎแห่งครุ่นคิด กฎแห่งหวาดกลัว และกฎแห่งตกใจ
ครู่ต่อมาเจ้าแห่งสุขก็ยกมือโบก ขวดสีขาวขนาดเล็กสามขวดพลันปรากฏเบื้องหน้าหวังเป่าเล่อ
ทั้งสามขวดถูกปิดผนึกไว้ แต่ด้วยสัมผัสรับรู้ของหวังเป่าเล่อ เมื่อเขาสำรวจอย่างละเอียด เขาก็สัมผัสได้ถึงเมล็ดพันธุ์เต๋าสามเมล็ดข้างในแต่ละขวด
เมล็ดพันธุ์เต๋าทั้งสามคือตัวแทนกฎแห่งอารมณ์ที่เขายังขาดอยู่
การเตรียมพร้อมรอบด้านเช่นนี้ทำให้สายตาที่หวังเป่าเล่อมองเจ้าแห่งสุขล้ำลึกขึ้น
เจ้าแห่งสุขไม่ได้อธิบาย หลังจากนำทั้งสามขวดออกมา นางก็ลุกขึ้นคำนับหวังเป่าเล่อ แล้วหมุนตัวออกจากวังไป ทำให้ที่นี่เหลือแค่หวังเป่าเล่อคนเดียว
หวังเป่าเล่อไม่ได้มองขวดทั้งสาม แต่เอนกายดื่มสุราข้าวเงียบๆ อยู่ตรงนั้น ครู่หนึ่งจู่ๆ เขาก็หัวเราะ
“ร่างต้นแบบไม่ชอบดื่มสุรา ชอบแต่น้ำเย็นหล่อวิญญาณ เขาไม่รู้หรอก…ว่าแท้จริงแล้วสุราน่ะอร่อยกว่า”
กล่าวจบหวังเป่าเล่อก็สะบัดมือ ทันใดนั้นขวดบรรจุเมล็ดพันธุ์เต๋าทั้งสามก็พุ่งเข้ามา หวังเป่าเล่อคว้ามันเอาไว้!
“เพราะฉะนั้นลองสักหน่อยจะเป็นไรไป!”
พริบตาต่อมาขวดทั้งสามก็แตกเป็นเสี่ยงๆ เมล็ดพันธุ์เต๋าข้างในส่องแสงเจิดจ้าพุ่งเข้าหาหวังเป่าเล่อและหลอมรวมเข้าสู่ร่างกาย และด้วยปราณโลหิตของมหาเทพก็ได้กำจัดเจตจำนงที่หลงเหลืออยู่ในอารมณ์เหล่านี้ทันที กลายเป็นเมล็ดพันธุ์เต๋าแห่งกฎอันบริสุทธิ์
ความบริสุทธิ์เช่นนี้คือการตัดขาดความเชื่อมโยงกับต้นกำเนิดของมันอย่างสิ้นเชิงจึงบริสุทธิ์อย่างยิ่ง มันหลอมรวมกลายเป็นตราประทับสามตราอยู่ในร่างกายเขา!
ตราประทับของสี่อารมณ์ก่อนหน้าดูเหมือนจะสะท้อนกันและกัน ขณะที่แสงส่องสว่างขึ้นเรื่อยๆ พลังปราณของหวังเป่าเล่อพลันระเบิดออก!
ตราประทับทั้งเจ็ดตราเริ่มเข้าใกล้กันช้าๆ ราวกับกำลังจะหลอมรวมเข้าด้วยกัน
เวลาเดียวกันเจ้าแห่งสุขที่ออกจากวังไปแล้วก็หันหน้ากลับมามอง นางสูดหายใจเข้าลึก สายตาเปี่ยมไปด้วยความหวัง