หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 1425 เจ็ดอารมณ์หกปรารถนา
นี่คือวิธีการใช้กฎเกณฑ์ปรารถนารูปแบบหนึ่ง แม้เจ้าปรารถนาคนอื่นๆ จะเชี่ยวชาญ แต่ก็สามารถครอบครองได้เพียงกฎเกณฑ์เดียว มีเพียงหวังเป่าเล่อเท่านั้น…ที่สามารถใช้ได้ถึงสามกฎเกณฑ์ โดยเฉพาะกฎเกณฑ์ปรารถนาอารมณ์ที่เปรียบเสมือนแก่นหลัก พลังของมันยิ่งใหญ่มากจนแม้แต่จักรพรรดิเสวียนเฉินก็ยังได้รับผลกระทบ ร่างกายสั่นเทาและไม่สามารถไล่โจมตีหวังเป่าเล่อได้เป็นครั้งแรก
เขาทำได้แค่นั่งขัดสมาธิอยู่หน้าประตูบานใหญ่ และหลับตาลงเพื่อรักษาบาดแผล ส่วนประตูบานนั้นแม้จะยังตั้งตระหง่านอยู่ที่เดิม แต่ผู้ที่มีคุณสมบัติพอจะเปิดมันได้มีเพียงหวังเป่าเล่อเท่านั้น
หากคิดจะเปิดประตูนี้ก็ต้องเผชิญหน้ากับการขัดขวางจากจักรพรรดิเสวียนเฉิน กอปรกับตอนนี้เห็นได้ชัดว่าหวังเป่าเล่อได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นในช่วงเวลาหนึ่งก็ดูเหมือนสถานการณ์จะเข้าสู่ช่วงหยุดนิ่ง
ส่วนเจ็ดอารมณ์และเจ้าปรารถนาคนอื่นๆ ก็ยิ่งไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจักรพรรดิเสวียนเฉิน แม้ตอนนี้จักรพรรดิเสวียนเฉินจะถูกคำสาป แต่พวกเขาก็ยังไม่กล้าทำอะไร
ด้วยเหตุนี้โลาชั้นที่สองก็ดูเหมือนจะเงียบงันไปถนัดตา ร่างของหวังเป่าเล่อวาบผ่านอยู่ไกลท้องฟ้าออกไป ใบหน้าเขาซีดขาว กระอักเลือดไม่หยุด ทั่วทั้งร่างมีรอยปริแตก ราวกับว่าหากไม่ระวังร่างกายคงจะแหลกสลายไปแล้ว
แม้รอยปริแตกเหล่านั้นจะกำลังรักษาตัวอย่างสุดความสามารถ แต่ด้านหนึ่งก็ทำได้ช้า ด้านหนึ่งก็รบกวน ทำให้หวังเป่าเล่อเหมือนเป็นมนุษย์โลหิตก็ไม่ปาน พลังปราณอ่อนแอลงมาก
“เจ้าจักรพรรดิเสวียนเฉินนั่น…” หวังเป่าเล่อยืนหรี่ตาพึมพำอยู่ตรงนั้น
“เจ้านั่นก็คงไม่เท่าไรหรอก คำสาปสามปรารถนาของข้า…ใช่ว่าจะสะกดได้ง่ายๆ” หวังเป่าเล่อสำรวจสภาพร่างกายของตนขณะนี้ การรักษาก็เรื่องหนึ่ง อีกเรื่องหนึ่งคือเขารู้ถึงช่องว่างระหว่างตนกับจักรพรรดิเสวียนเฉินแล้ว ช่องว่างนี้…ไม่ได้กว้างใหญ่มาก แต่หากจะใช้แค่พลังของตนตอนนี้ย่อมไม่มีทางสยบอีกฝ่ายได้แน่
หากสยบเสวียนเฉินไม่ได้ก็ยากจะเปิดประตูสู่อาณาจักรด้านบน
“ข้าต้องการกฎเกณฑ์ปรารถนามากกว่านี้!” หวังเป่าเล่อหรี่ตา ก่อนจะตวัดสายตามองไปทางเมืองปรารถนากลิ่น ในกฎเกณฑ์ปรารถนาทั้งหก เขาครอบครองไปแล้วสี่ ยังเหลือกฎเกณฑ์ปรารถนากลิ่นและสัมผัสที่ยังไม่มี
เดิมทีหวังเป่าเล่อคิดว่าไม่จำเป็นแล้ว แต่ตอนนี้ดูท่าว่าเขายังต้องการมันมากเสียด้วย
หวังเป่าเล่อสูดหายใจเข้าลึก ทนความเจ็บปวดจากร่างกายที่ฉีกขาดก้าวไปข้างหน้า เดินเข้าสู่โลกแห่งเสียง ด้วยเสียงของกฎเกณฑ์ปรารถนาเสียงจึงใช้เป็นเคล็ดวิชาส่งตัวได้ ในพริบตาเดียวก็ข้ามผ่านระยะทางอันไร้ที่สิ้นสุดและมาปรากฏตัวที่…เมืองปรารถนากลิ่น!
แทบจะในพริบตาที่หวังเป่าเล่อก้าวออกมาจากความว่างเปล่า ภายในเมืองปรารถนากลิ่นพลันระเบิดพลังปราณสายหนึ่งขึ้นไปรวมตัวกันบนท้องฟ้าและกลายเป็นชายร่างสูงใหญ่
ชายผู้นี้สวมชุดคลุมสีดำ ทั่วทั้งร่างประกอบขึ้นจากปราณหมอกยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศในเมืองปรารถนากลิ่น และใช้สายตาซับซ้อนมองหวังเป่าเล่อ
หวังเป่าเล่อยืนอยู่นอกเมืองและกำลังมองเจ้าปรารถนากลิ่นผู้นั้นอยู่เช่นกัน
ผ่านไปครู่ใหญ่เจ้าปรารถนากลิ่นก็เลือกก้มหน้าลง เขาเห็นกับตาว่าอีกฝ่ายเรียกประตูสู่อาณาจักรด้านบนออกมา เห็นกับตาว่าอีกฝ่ายต่อสู้กับผู้พิทักษ์ ทั้งหมดนี้ก็ทำให้เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะสู้กับหวังเป่าเล่อแล้ว
ถึงแม้…ตอนนี้หวังเป่าเล่อจะอ่อนแอมาก แต่ลึกๆ ในใจเจ้าปรารถนากลิ่นก็ไม่อยากโจมตี ดังนั้นหลังจากเงียบไปเขาจึงก้มหัวคำนับหวังเป่าเล่อ ก่อนจะโบกมือ เส้นใยแห่งกฎเกณฑ์ปรารถนากลิ่นพลันแผ่จากร่างกายเขาไปหาหวังเป่าเล่อ
เส้นใยแต่ละเส้นล้วนเป็นส่วนหนึ่งของกฎเกณฑ์ปรารถนากลิ่น นี่คือการที่เจ้าปรารถนากลิ่นตัดต้นกำเนิดของตนเพื่อทำให้หวังเป่าเล่อสมบูรณ์
เมื่อเส้นใยไหลเข้าร่าง รอยปริแตกบนตัวหวังเป่าเล่อก็รักษาได้เร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สิ่งที่กฎเกณฑ์ปรารถนากลิ่นมอบให้เขาคือการเปลี่ยนพลังปราณชนิดหนึ่ง และการเปลี่ยนแปลงนี้ดูเหมือนจะกระตุ้นกฎเกณฑ์ปรารถนาอื่นๆ ในร่างกายเขาทำให้ตอนนี้กฎทั้งหมดเกิดความผันผวน
จากนั้นไม่นานเจ้าปรารถนากลิ่นที่ตัดต้นกำเนิดของตนออกไปครึ่งหนึ่งก็อ่อนแอลงอย่างเห็นได้ชัด ส่วนทางหวังเป่าเล่อนั้นรักษารอยแตกบนร่างได้เกือบหมดแล้ว พลังปราณก็เริ่มคงที่มากขึ้น
“ขอบคุณมาก” หวังเป่าเล่อเอ่ยเสียงล้ำลึกพร้อมโค้งคำนับ
“ไม่ต้องขอบคุณ” เจ้าปรารถนากลิ่นส่ายหน้า เขามองลึกเข้าไปในดวงตาหวังเป่าเล่อ ก่อนที่ร่างที่ก่อตัวจากปราณหมอกจะค่อยๆ สลายไป
หลังจากจ้องมองเจ้าปรารถนากลิ่นอยู่นาน หวังเป่าเล่อก็กะพริบร่างวาบหาย คราวนี้มาปรากฏตัวที่…เมืองปรารถนาสุดท้าย
เมืองปรารถนาสัมผัส!
ปรารถนาสัมผัสคือปรารถนาที่ใช้สัมผัสรับรู้เป็นหลัก
หากได้ครอบครองมันแล้ว หกปรารถนาของหวังเป่าเล่อก็จะสมบูรณ์ เพียงแต่…ทางเลือกของเจ้าปรารถนาสัมผัสนั้นต่างจากเจ้าปรารถนากลิ่น นางไม่ยินยอมมอบกฎของตนให้หวังเป่าเล่อ ดังนั้น…เมื่อหวังเป่าเล่อปรากฏตัว เขาจึงสัมผัสได้ถึงสายลมฤดูใบไม้ผลิพัดมาปะทะร่าง
เมื่อสายลมนี้ปะทะร่างก็เกิดความรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก แต่แล้วความรู้สึกนี้ก็เปลี่ยนไป พริบตาต่อมาพลันเกิดระลอกคลื่นแทรกซึมจากร่างกายเข้าสู่จิตวิญญาณอย่างเงียบเชียบ
“ไม่จำเป็นหรอก” หวังเป่าเล่อส่ายหน้า หากเป็นตอนที่เขาปรากฏตัวในโลกาชั้นที่สองเป็นครั้งแรก การเผชิญหน้ากับเจ้าปรารถนาเป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถต้านทานได้เลย
แต่เขาในตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว แม้จะสู้รบกับผู้พิทักษ์จนได้รับบาดเจ็บ แต่การจะสยบเจ้าปรารถนาก็ไม่ใช่เรื่องยาก ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงว่าเขาครอบครองไปแล้วห้าปรารถนา ดังนั้นเมื่อเขาสะบัดมือ สายลมฤดูใบไม้ผลินั่นก็ถูกจับอยู่กลางฝ่ามือเขาทันที
ก่อนจะบีบแรงๆ
เกิดเสียงระเบิดอากาศดังสนั่น พริบตาต่อมาเจ้าปรารถนาสัมผัสที่นั่งขัดสมาธิอยู่ในหอคอยหลักในเมืองปรารถนาสัมผัสพลันเบิกตากว้าง หน้าเปลี่ยนสี กำลังจะหยัดกายลุก ทว่าดวงตากลับหดแคบ ร่างกายขยับไม่ได้
เพราะว่าร่างของหวังเป่าเล่อได้มาปรากฏตัวตรงหน้านาง และมือขวาก็วางอยู่บนศีรษะนางแล้ว
“ข้าจะเอาพลังต้นกำเนิดของกฎแค่เจ็ดส่วน” ขณะที่หวังเป่าเล่อเอ่ยเบาๆ พลังสูบมหาศาลพลันพุ่งออกมาจากฝ่ามือ ร่างเจ้าปรารถนาสัมผัสสั่นเทิ้ม พลังแห่งกฎเกณฑ์ของนางถูกหวังเป่าเล่อดูดไปอย่างรวดเร็วราวกับเขื่อนกั้นน้ำระเบิด
กระบวนการทั้งหมดใช้เวลาไม่นานเลยนั่นคือเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้น เมื่อเจ้าปรารถนาสัมผัสอ่อนแรงลง สีหน้าหวังเป่าเล่อก็กลายเป็นสีแดง รอยปริแตกบนร่างก็หายไปจนหมด ขณะที่อาการบาดเจ็บฟื้นฟูอย่างสมบูรณ์ กฎเกณฑ์ปรารถนาสัมผัสก็ก่อตัวขึ้นในร่างกายเขาทันที หกปรารถนา…ร้องคำราม!
ในโลกาชั้นที่สองนี้ไม่เคยมีผู้ใดสามารถครอบครองกฎแห่งเจ็ดอารมณ์หกปรารถนาได้มาก่อน!
แต่ตอนนี้คนผู้นั้นได้ปรากฏขึ้นแล้ว
ฟ้าดินผันเปลี่ยนฉับพลัน ทันใดนั้นนิมิตก็บังเกิด กฎเกณฑ์ทั้งหมดในโลกาชั้นที่สองต่างสั่นสะท้าน ผู้ฝึกตนทั้งหมดกายสั่นเทิ้ม แม้กระทั่งต้นไม้ใบหญ้า เหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลายก็เช่นกัน… แต่สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในตอนนี้ต่างรับรู้ได้อย่างหนึ่ง
วิญญาณจักรพรรดิ…ปรากฏแล้ว
วิญญาณจักรพรรดิของโลกาชั้นที่สอง!
หวังเป่าเล่อหลับตาลงเงียบๆ สัมผัสถึงการหลอมรวมของพลังแห่งหกปรารถนาในร่างกาย มันหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์และในที่สุดกลายเป็นปราณหมอกสีดำหมุนวนอยู่รอบกายเขา
สีดำนี้คือต้นกำเนิดของความปรารถนาทั้งหมด