หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting - บทที่ 743 พวกเขาไม่ใช่คนในตระกูล ข้าไม่สนใจหรอก
- Home
- หนึ่งฝ่ามือสยบโลกา A World Worth Protecting
- บทที่ 743 พวกเขาไม่ใช่คนในตระกูล ข้าไม่สนใจหรอก
บทที่ 743 พวกเขาไม่ใช่คนในตระกูล ข้าไม่สนใจหรอก
สามสำนักอันยิ่งใหญ่ยึดครองอำนาจสูงสุดในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ พวกเขามีอิทธิพลที่จะชักจูงและควบคุมราชวงศ์ดวงเนตรสวรรค์ได้ประมาณหนึ่ง สำนักทั้งสามเหล่านี้ได้แก่ สำนักมหาทัณฑ์สวรรค์ สำนักผนึกผังดาวหกแฉก และสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ!
สำนักชั้นสูงทั้งสามมีอำนาจมากและมีอิทธิพลแพร่หลาย และยังถูกมองว่าเป็นผู้นำของอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์ ตัวสำนักใหญ่ของทั้งสามนั้นสร้างแยกกันอยู่บนดวงดาวคนละดวง และยังมีสำนักสาขาที่ตั้งอยู่บนดาวเอกของดาวเคราะห์ดวงเนตรสวรรค์อีกด้วย สำนักต่างๆ ที่ตั้งอยู่ในอาณาเขตแนวภูเขาที่สอง สาม และสี่ ต่างก็อยู่ภายใต้การควบคุมของสำนักใหญ่ทั้งสามนี้
ผู้ฝึกตนจากสามสำนักใหญ่ที่อยู่เฝ้าดาวเอกอาจไม่ได้แข็งแกร่งที่สุด แต่หน้าที่ของพวกเขาก็สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ความสำคัญของการมีสำนักสาขาอยู่บนดาวเอกนั้นไม่น้อยเลย และนี่ก็เป็นสาเหตุว่าเหตุใดจึงมักมีผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นปลายคอยรักษาที่มั่นอยู่ ณ สำนักสาขาบนดาวเอกอยู่เสมอ
ตัวสำนักใหญ่จะส่งทรัพยากรไปยังสำนักสาขาบนดาวเอกทุกๆ เดือน ตามข้อตกลงระหว่างสามสำนักใหญ่และราชวงศ์แล้ว ทรัพยากรส่วนหนึ่งจะต้องถูกส่งไปให้ราชวงศ์ด้วย ส่วนที่เหลือจึงจะถูกปล่อยไปยังสำนักสาขาเพื่อให้สมาชิกของสำนักใช้ในการฝึกตนต่อไป
สำนักใหญ่ทั้งสามมีทรัพยากรในมือมากมาย ส่งผลให้บรรดาศิษย์พากันหมดเปลืองทรัพยากรปริมาณมากไปกับทั้งการฝึกตนและในชีวิตประจำวัน ซึ่งเกินหน้าศิษย์ธรรมดาๆ ของสำนักที่เล็กกว่ามากมายนัก ทรัพยากรที่สำนักใหญ่ส่งกลับมายังดาวเอกมีมูลค่าสูงยิ่ง มากพอที่จะทำให้สำนักอื่นๆ ในแนวภูเขาที่ห้านัยน์ตาลุกวาวด้วยความอิจฉา
แต่ไม่ว่าจะอิจฉาสักเพียงใด ก็ไม่มีใครกล้าลงมือทำการอะไรที่จะเสี่ยงยั่วโมโหสำนักใหญ่ทั้งสาม สำนักใหญ่ทั้งสามย่ามใจถึงขนาดที่ไม่ได้ติดตั้งระบบป้องกันมากมายเอาไว้บนเรือบินรบ พวกเขาปล่อยให้เรือบินรบล่องลอยไปมาอยู่ภายในระบบดาวเคราะห์ดวงเนตรสวรรค์มานานนับปี แค่สัญลักษณ์ของสำนักที่ประทับอยู่ข้างเรือบินรบก็ถือเป็นการป้องกันที่แน่นหนาเพียงพอ
ณ เวลานี้เรือบินรบขนาดยาวหลายร้อยเมตรลำหนึ่งกำลังเดินทางอยู่ในอวกาศ รัศมีที่แผ่ออกมาจากเรือบินรบนั้นทรงอำนาจยิ่ง ขณะที่กำลังมุ่งตรงไปยังดาวเอกดวงเนตรสวรรค์ เรือบินรบอื่นๆ ที่ขวางทางอยู่ถึงกับต้องหลีกถอยหนี ไม่มีลำใดกล้าขวางทางเรือบินรบลำยักษ์เลยสักลำ
เรือบินรบลำนั้นมีสีม่วงเข้มและรูปร่างละม้ายคล้ายปลาคุนนกเผิง ปลายสุดของเรือบินรบมีมณีขนาดมหึมาที่ส่องแสงสีม่วงกล้าและเปล่งรัศมีอันทรงพลังออกมาพร้อมๆ กัน
มณีขนาดยักษ์และสีของเรือบินรบทำให้ผู้ฝึกตนทุกคนเพียงมองปราดเดียวก็รู้ทันทีว่าเรือบินรบนี้เป็นของสมบัติของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ!
ตัวถังที่รูปร่างเหมือนปลาคุนนกเผิงของเรือบินรบลำนี้แสดงให้เห็นว่ามันเป็นสมบัติของกองทหารปลาคุนนกเผิง หนึ่งในกองทหารเก้าอสูรศักดิ์สิทธิ์ของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำนั่นเอง!
กองทหารปลาคุนนกเผิงไม่ใช่กองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำ ถึงกระนั้น พลังอำนาจการรบของกองทหารนี้ก็ยังแข็งแกร่งมากพอที่จะทำให้ผู้คนหวาดกลัวและยำเกรง ผู้บัญชาการของกองทหารนี้อยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์และยังมีผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณที่แข็งแกร่งอยู่ใต้บังคับบัญชาอีกนับสิบ กองทหารนี้เลื่องชื่อลือชาในอารยธรรมดวงเนตรสวรรค์เป็นอย่างยิ่ง แถมการรุกรานอย่างดุเดือดของพวกเขายังทำให้ชื่อเสียงก้องไกลไปถึงอารยธรรมต่างดาวอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้…แม้ว่าเรือบินรบจะเดินทางอย่างโดดเดี่ยวในฐานะเรือขนส่งสินค้าโดยไม่มีเรือบินรบอื่นๆ คอยนำทาง แต่ก็ยังส่งความน่าเกรงขามออกไปยังผู้ฝึกตนและเรือบินรบที่อยู่ใกล้เคียงอยู่ดี
เรือบินรบที่รายล้อมอยู่ต่างก็เคลื่อนที่แหวกเป็นทางให้เรือบินรบของกองทหารปลาคุนนกเผิง มันเคลื่อนตัวตรงเข้ามาราวกับเป็นเชื้อพระวงศ์ที่เดินผ่านประชาชนทั่วไป มุ่งหน้าไปยังดาวเคราะห์ดวงเนตรสวรรค์ผ่านเส้นทางที่ปลอดโปร่ง ไม่ได้ลดความเร็วลงแม้แต่น้อย เรือบินรบของกองทหารปลาคุนนกเผิงพุ่งทะลุชั้นบรรยากาศและมุ่งหน้าไปยังแนวภูเขาที่สามทันที
เป็นไปได้ว่าเพราะพวกเขาไม่มีศัตรูมาเป็นเวลานาน จึงมั่นใจเกินควรและประมาทเลินเล่อ ทั้งเรือบินรบและผู้ฝึกตนภายในจึงไม่มีใครสัมผัสได้ถึงตัวตนของควันสีดำที่ลอยเข้ามาประชิดตัวทันทีที่ทะลุผ่านชั้นบรรยากาศลงมา ควันสีดำมุ่งตรงไปยังเรือบินรบและมาปรากฏอยู่ด้านข้างในชั่วอึดใจ ก่อนที่เรือบินรบจะได้ส่งสัญญาณเตือน ควันสีดำ หรือก็คือหวังเป่าเล่อที่พรางตัวอยู่ ก็พุ่งเข้าใส่เรือบินรบราวกับเป็นคนหื่นกามที่เห็นสาวงามกระนั้น
ไม่กี่วินาทีต่อมา เรือบินรบก็เบนเข็มออกจากเส้นทางเดิม มุ่งหน้าไปยังแนวภูเขาที่แปดแทน
ชั้นบรรยากาศของดาวเคราะห์เป็นคลื่นรบกวนตามธรรมชาติที่ส่งผลต่อระบบสื่อสารของเรือบินรบ เพราะเหตุนั้น ผู้ฝึกตนบนเรือบินรบจึงไม่อาจติดต่อสำนักได้ว่าเรือบินรบกำลังเบนเข็มออกนอกเส้นทาง ครึ่งชั่วโมงต่อมา เมื่อเรือบินรบที่ขนทรัพยากรทั้งเดือนของสำนักยังไม่ไปถึงสำนัก บรรดาผู้ฝึกตนที่เฝ้ารออยู่จึงสัมผัสได้ว่าอาจจะมีอะไรไม่ชอบมาพากล
แต่ถึงกระนั้น สำนักก็ยังไม่ได้ใส่ใจกับการล่าช้ามากนัก ความหยิ่งยโสของการเป็นสำนักชั้นสูงซึ่งถูกปลูกฝังลงไปในจิตใจของศิษย์ทุกคน ทำให้พวกเขาไม่แม้แต่จะฉุกคิดว่าอาจเกิดเหตุร้ายขึ้นกับเรือบินรบส่งของ
ภัยคุกคามเดียวที่สำนักใหญ่ทั้งสามหวั่นเกรงก็คือพวกเขากันเอง ความตึงเครียดระหว่างพวกเขาเห็นได้ชัดในการประกวดประขันที่มีต่อกันอยู่ตลอด ทั้งสามสำนักต่างจึงไม่กล้าปล้นชิงกันเองนัก
เป็นเหตุให้…ต้องใช้เวลาอีกครึ่งชั่วโมงกว่าที่สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำซึ่งไม่เห็นเรือบินรบมาถึงเสียทีจะรู้ตัวว่าเกิดปัญหาขึ้นแล้ว แม้จะรู้ตัวช้า แต่เมื่อรู้ตัวแล้วพวกเขาก็ตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว ภายในสามสิบวินาที ทั้งสำนักก็ลุกฮือขึ้นทันที เรือบินรบกว่าสามสิบลำพุ่งทะยานขึ้นจากแนวภูเขาที่สามเพื่อไปตามหาเรือบินรบที่หายไปทันที ผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณหกคนเคลื่อนย้ายออกไปอย่างฉับพลัน ขณะที่ผู้ฝึกตนขั้นจุติวิญญาณนับร้อยและขั้นกำเนิดแก่นในอีกมหาศาลตามหลังไปติดๆ
เป็นภาพที่สั่นสะเทือนไปทั้งดวงดาว ทุกสำนักต่างก็คาดเดาถึงสิ่งที่เกิดขึ้น สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำค้นหาอย่างใหญ่โตก่อนจะพบเรือบินรบที่หายไปอยู่ในบริเวณแนวภูเขาที่แปด!
สานุศิษย์ทุกคนของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำถึงกับตาเบิกโพลงปากอ้าค้างเมื่อมองเห็นสภาพของเรือบินรบลำนั้น สายตาของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ เรือบินรบนั้นเปลี่ยนไปจนแทบจำไม่ได้
เรือบินรบ…แทบไม่เหลือเค้าเดิม ผู้ฝึกตนที่อยู่บนเรือไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ แต่ต่างก็สลบไสลไม่ได้สติเพราะถูกโจมตีทางวิญญาณ กลับกัน เรือบินรบนั้น…แทบไม่มีถ้อยคำมาบรรยายสภาพได้ถูก
มณีบนยอดเรือบินรบหายไป หลงเหลือไว้เพียงรูขนาดใหญ่ วัตถุเวทบนส่วนหลักของเรือบินรบถูกถอดออกและขโมยไป ตัวถังเรือบินรบก็ถูกถอดส่วนที่มีค่าไปเสียหมด พื้นผิวของเรือบินรบราวร้อยละสามสิบหายสาบสูญ…
ภาพนั้นช่างบาดตาบาดใจ ทำเอาผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณที่ได้มาเห็นพากันตะลึงงันไปเสียสิ้น ผู้อาวุโสที่กุมอำนาจสำนักสาขาบนดาวเอกอยู่ในขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นสมบูรณ์ ชายชราถึงกับต้องออกจากการถือสันโดษและมาที่หุบเขาด้วยตนเอง
ผู้อาวุโสผู้นี้มีผมหงอกขาวและหลังงองุ้ม เขาดูแก่ชรายิ่งนัก ความตายฉาบเคลือบอยู่บนดวงตาสีเทาขุ่น เขาดูเหมือนเพิ่งคลานออกมาจากหลุมฝังศพของตนเองกระนั้น แต่ทันทีที่ชายชราที่ดูทั้งแก่และเหนื่อยอ่อนมาถึงหุบเขา พืชพรรณทั้งหลายในบริเวณก็เหี่ยวเฉาลงไปทันตา!
ผู้อาวุโสจ้องมองไปยังซากเรือบินรบ ขณะที่ผู้ฝึกตนคนอื่นๆ หลุบศีรษะลงต่ำ ชายชราหัวเราะออกมาเบาๆ
“เรื่องนี้เป็นผลมาจากความเลินเล่อของพวกเจ้า หรือมีใครสักคนอยากทดสอบว่าข้าทั้งแก่และอ่อนแออย่างตาเห็นจริงหรือไม่กันแน่” ขณะที่เขาพูด ชายชราก็ยกมือที่เหี่ยวย่นออกมาคว้าผู้ฝึกตนที่หมดสตินับสิบภายในเรือบินรบเอาไว้ ก่อนที่พวกเขาจะทันตื่นขึ้น ร่างกายของพวกเขาก็สั่นสะท้านอย่างรุนแรงก่อนที่จะแห้งเหี่ยวไปในพริบตา ทั้งเลือดและเนื้อรวมไปถึงวิญญาณ ต่างก็หลุดลอยออกมาจากร่างและมุ่งเข้าไปหาผู้อาวุโส ก่อนที่ฝ่ายหลังจะสูดหายใจกลืนกินเข้าไปทั้งหมดในคราเดียว!
ชายชราเริ่มเคี้ยวช้าๆ ก่อนจะหลับตาลง ดูราวกับว่าเอร็ดอร่อยกับสิ่งที่เพิ่งกินเข้าไปขณะใช้คาถาค้นวิญญาณรูปแบบหนึ่งไปพร้อมๆ กัน ผู้ฝึกตนที่รายล้อมอยู่ตัวสั่นด้วยความกลัวพลางจ้องมองตาไม่กะพริบ พวกเขารู้นิสัยของผู้อาวุโสที่อยู่บนดาวหลักของดาวเคราะห์ดวงเนตรสวรรค์เป็นอย่างดี ความบ้าคลั่งและกระหายเลือดของเขาเป็นที่รู้กันไปทั่วทั้งอารยธรรมนี้!
ผ่านไปอึดใจใหญ่กว่าที่ผู้อาวุโสจะลืมตาขึ้นอีกครั้ง ความกระหายเลือดสะท้อนกล้าอยู่ภายใน ชายชราพูดอย่างเย็นชา “หลายปีมาแล้วที่ไม่มีใครกล้าท้าทายสำนักใหญ่ ข้าอนุญาตให้พวกเจ้าเริ่มสืบสวนได้ ให้เวลาสามวันจงไขคดีให้ได้ หากทำไม่ได้ ข้าจะเริ่มกินพวกเจ้าวันละคน” เมื่อพูดจบ ผู้อาวุโสก็หันหลังกลับและอันตรธานไป
ร่างของชายชราหายไปแล้ว แต่ถ้อยคำของเขายังสะท้อนอยู่ในหูของผู้ฝึกตนขั้นเชื่อมวิญญาณชั้นต้นทั้งหก สีหน้าของพวกเขาซีดเซียวลงถนัดตา ลมหายใจหอบถี่ ก่อนจ้องมองกันไปมาด้วยดวงตาแดงก่ำ พวกเขาไม่รอช้า รีบส่งคำสั่งออกไปยังผู้ฝึกตนในฝ่ายของตนให้เริ่มค้นหาเต็มที่ทันที
“ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ต้องทำ พวกเจ้ามีเวลาสามวัน หาเจ้าโจรชั่วให้พบ!”
ขณะที่ผู้ฝึกตนทั้งหกของสำนักเต๋าใหม่ครามทองคำเริ่มการค้นหาอย่างบ้าคลั่ง หวังเป่าเล่อก็กลับไปยังสำนักเกลียวคลื่นสวรรค์อย่างปลอดภัย ชายหนุ่มนั่งอยู่ในห้อง ดวงตาเป็นประกาย
สำนักเต๋าใหม่ครามทองคำต้องรวยมากจริงๆ! พวกเขาใช้ศิลาสุญฉับพลันชิ้นเบ้อเริ่มในการแสดงอำนาจ!
ไหนจะวัตถุดิบที่ใช้หลอมเรือบินรบนั่นอีกเล่า ทองคำเพลิงม่วงเชียวนะ! หวังเป่าเล่อสูดลมหายใจเข้าลึก ทรัพยากรที่เขาสั่งสมมาจากการปล้นชิงครั้งก่อนๆ นั้นเทียบกันไม่ได้เลยกับมูลค่าของเรือบินรบลำนี้ เขานึกย้อนกลับไปถึงการปล้นที่เพิ่งผ่านมาเพื่อยืนยันว่าตนไม่ได้ทิ้งหลักฐานใดๆ ที่จะมัดตัวเองเข้ากับความผิดได้ จากนั้นหวังเป่าเล่อจึงหรี่ตาลง มีประกายเย็นเยียบสะท้อนอยู่ด้านใน
อารยธรรมแห่งนี้ใช้เชื้อโรคร้ายทำลายชีวิตมนุษย์บนดาวเคราะห์ไปทั้งดาว เป็นอารยธรรมที่ดำรงอยู่ได้ด้วยการรุกรานและปล้นชิงอารยธรรมอื่นๆ หวังเป่าเล่อไม่รู้สึกเห็นอกเห็นใจอารยธรรมนี้แม้แต่น้อย ชายหนุ่มไม่สนใจด้วยซ้ำว่ามันจะดำรงอยู่ต่อไปหรือจะดับสูญ
พวกเขาไม่ใช่คนตระกูลข้า จะใส่ใจทำไมกัน ดูเหมือนจะมีปัญหาใหญ่มาเยือนดาวเคราะห์ดวงเนตรสวรรค์เสียแล้ว!